ปตท. รับภาระแทนประชาชนไปแล้วประมาณ 3,600 ล้านบาท ปตท. จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.51) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายประเทศได้รับผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเทศไทยซึ่งอยู่ในฐานะผู้บริโภคน้ำมันซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศกว่า 90% |
. |
ล่าสุด ราคาน้ำมันโลกยังคงปรับตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ไนจีเรีย อิหร่าน และอิรัก และจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศจีน ทำให้ประสบปัญหาในการขนส่งถ่านหินซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลัก จึงอาจต้องหันมานำเข้าน้ำมันอย่างเร่งด่วน ประกอบกับปริมาณการผลิตของ Non-Opec โดยเฉพาะในประเทศยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง ลดลง |
. |
โดยวันนี้ (16 พ.ค.51) ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 119.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินขึ้นอยู่ที่ระดับ 130.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 160.14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ได้พยายามรักษาระดับราคาโดยไม่ปรับราคาหรือปรับช้ากว่าบริษัทอื่นๆ ทำให้ ปตท. ต้องประสบกับค่าการตลาดติดลบถึงกว่า 2.40 บาท/ลิตร |
. |
(ค่าการตลาดที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 1.50 บาท/ลิตร) หรือทุกลิตรที่ขายเท่ากับขาดทุนเกือบ 4 บาท/ลิตร หรือต้องรับภาระอยู่ประมาณวันละ 95 ล้านบาท รวมนับตั้งแต่ต้นปี 2551-ปัจจุบัน ปตท. รับภาระแทนประชาชนไปแล้วประมาณ 3,600 ล้านบาท ปตท. จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.51) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เป็นดังนี้ |
. |
หน่วย : บาท/ ลิตร |
|
. |
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การปรับราคาน้ำมันขายปลีกในครั้งนี้ยังมิได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง จึงขอให้ทุกคนช่วยประหยัดกันอย่างจริงจัง มิเช่นนั้น ตัวเลขนำเข้าน้ำมันของประเทศไทยอาจเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 9 แสนล้านบาทในปีนี้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไปอย่างแน่นอน |