กระเบื้องหลังคาตราเพชร ทำกำไรสุทธิไตรมาสแรก 127.26 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนถึง 17.9% ชี้รัฐบาลใหม่มีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าชัดเจน มั่นใจส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 10%
กระเบื้องหลังคาตราเพชร ทำกำไรสุทธิไตรมาสแรก 127.26 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 17.9% ผู้บริหารพอใจผลงาน ชี้รัฐบาลใหม่มีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าชัดเจน ส่งผลดีกับบริษัทฯ มั่นใจการส่งออกโตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมเดินหน้าตลาดเชิงรุก เน้นขยายตลาดส่งออก เผยเตรียมเพิ่มสายการผลิตใหม่ ดันสินค้านวัตกรรมเจาะกลุ่มบ้านโครงการมากขึ้น หลังประเมินสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯ กลับมาฟื้นตัว |
. |
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT |
. |
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่นอดามัส และรุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2551 (มกราคม-มีนาคม 2551) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 127.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.33 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 107.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 17.9% ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 820.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2550 ที่มีรายได้ 658.71 ล้านบาท |
. |
ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 143.20 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.9% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่น่าพอใจ โดยส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทฯ ได้ขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น 82.0 % ของรายได้จากการขายในต่างประทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านหลักๆ 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา พม่า ลาว และจีน ที่ยังมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างสูง |
. |
"ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ DRT ถือว่าเติบโตได้ดี ถึงแม้สภาวะเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะผันผวน แต่บริษัทฯ ก็ยังสามารถรักษายอดขายรวมไว้ได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเป็นตลาดภูมิภาค ซึ่งลูกค้ายังคงมีรายได้ที่ดีจากการขายสินค้าทางการเกษตร จึงทำให้ลูกค้าหลักกว่า 80% ที่อยู่ในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และเชื่อว่ากลุ่มตลาดนี้จะมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายอัศนี กล่าว |
. |
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า นอกจากกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการขายสินค้าใหม่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “เจียระไน” ที่ผลิตด้วย Green Technology เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในโครงการต่างๆ มากมาย เช่นโครงการคาซ่าวิลล์ ในเครือ บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำนวนทั้งสิ้น 1,400 – 1,500 หลัง คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 40 - 50 ล้านบาท |
. |
นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านพฤกษา,โครงการบ้านศุภาลัย รวมทั้งโครงการบ้านเอื้ออาทร ล่าสุด DRT เตรียมที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ “เจียระไน” ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน "ต้องยอมรับว่า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนั้น นอกจากจะมาจากยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งยังมาจากการเน้นบริการเสริมให้กับลูกค้าอย่างเข้มข้น |
. |
โดยจะเห็นได้จากการส่งทีมงานของบริษัทฯ เข้าไปให้คำปรึกษาและแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยล่าสุดบริษัทฯ นำโปรแกรม Roof Magician ซึ่งเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่เรานำเข้าเทคโนโลยีดังกล่าวมาจากประเทศออสเตรเลียเป็นรายแรกและรายเดียวของประเทศไทย โดยนำมาใช้ในบริการการถอดแบบและประมาณการใช้สินค้า นับเป็นนวัตกรรมใหม่ในแวดวงกระเบื้องหลังคา" นายสาธิต กล่าว |
. |
สำหรับแผนงานในปีนี้ DRT ยังมีแผนที่จะผลักดันสินค้าเข้าสู่กลุ่มงานโครงการต่างๆ รวมถึงภาคการส่งออกที่จะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายการส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น คือ อินเดีย เกาหลี เวียดนาม และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจะไปออกบูธในงานแสดงสินค้าที่ประเทศจีนในช่วงเดือนพฤษภาคม และที่เวียดนาม ในเดือนมิถุนายน ส่วนตะวันออกกลางวางแผนจะเข้าไปทำตลาดในช่วงปลายปีนี้ |
. |
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญา เพื่อติดตั้งเครื่องจักรในโครงการสายการผลิต NT9 กับ บริษัท MFL Faserzementanlagen Ges.m.b.H ประเทศออสเตรีย ด้วยงบลงทุน 465 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับสายการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยจะใช้ระยะเวลาในการติดตั้งประมาณ 22 เดือน และจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2553 ด้วยขนาดกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี |
. |
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งคิดเป็น 8% ของสัดส่วนรายได้เป้าหมายในปี 2551 โดยเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 2550 ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ตลาดโครงการจะโตเท่าตัว และเพิ่มยอดขายได้อีกประมาณ 100 ล้านบาท |
. |
ในส่วนของการส่งออก บริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโต 10% ของรายได้รวม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ตัวสินค้าของบริษัทฯ ด้วย หากสายการผลิตที่ 9 เพื่อผลิตไม้ฝาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่ปราศจากใยหิน ก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2553 จะทำให้ในอนาคตรายได้ส่งออกจะขยับขึ้นไปถึง 15% ได้อย่างแน่นอน |
. |
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ DRT นั้น รายได้หลักยังคงเป็นกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65 % กระเบื้องคอนกรีต 10 % ไม้ฝา 15 % ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเจียระไน 5% และอุปกรณ์ประกอบหลังคา 5% |