สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ยื่นข้อร้องเรียนให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคาวัสดุก่อสร้าง และเหล็กเส้นแพง และขอขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคาหรือลงนามกับภาครัฐไปแล้วออกไปอีก 180 วัน เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนให้กับผู้รับเหมา
. |
สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ยื่นข้อร้องเรียนให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคาวัสดุก่อสร้าง และเหล็กเส้นแพง และขอขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคาหรือลงนามกับภาครัฐไปแล้วออกไปอีก 180 วัน เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนให้กับผู้รับเหมา |
. |
หลังจากที่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ได้เข้าพบนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อเช้าวันที่ 24 เมษายน 2551 ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อร้องเรียนให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคาวัสดุก่อสร้าง และเหล็กเส้นแพง และขอขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคาหรือลงนามกับภาครัฐไปแล้วออกไปอีก 180 วัน |
. |
เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนให้กับผู้รับเหมา พร้อมเสนอรัฐเร่งแก้ปัญหาค่าK ที่ไม่เป็นธรรม ขอปรับแก้ระเบียบการประมูลงานแบบ e-Auction ให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสมากที่สุด หวั่นผู้รับเหมารายเล็ก-กลางทิ้งงานมากขึ้น เพราะไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนไหว ระบุช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ผู้รับเหมาต้องแบกภาระต้นทุนราคาเหล็กแพงกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว |
. |
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับข้อร้องเรียนของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ไว้ในความดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมภายในสัปดาห์หน้าเพื่อเร่งหามาตรการช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นการด่วน โดยเฉพาะปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างและเหล็กเส้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก |
. |
โดยขณะนี้ราคาเหล็กเส้นได้ปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมตันละ 18,000 — 19,000 บาท เป็นตันละ 35,000 บาท ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างซึ่งมีความต้องการใช้เหล็กทั้งระบบสูงถึง 4.5 ล้านตันต่อปี ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2551 ผู้รับเหมาก่อสร้างต้องแบกภาระต้นทุนจากราคาเหล็กแพงกว่า 10,000 ล้านบาทแล้ว และในช่วงที่ผ่านมาผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งระบบยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆจากภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้มีจำนวนผู้รับเหมาทิ้งงานเพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมของประเทศต่อไป |
. |
ข้อเสนอที่สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือมี ดังนี้ 1. ให้ภาครัฐหามาตรการชดเชยผลกระทบที่เกิดจากราคาเหล็กเส้นและวัสดุก่อสร้างแพงให้กับผู้รับเหมาเพื่อให้ผู้รับเหมาสามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ |
. |
2. แก้ไขวิธีการคำนวณสัญญาแบบปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้าง (ค่า K) งานราชการทุกสัญญา โดยงดการหักดัวย 4% เมื่อต้องเพิ่มค่างานหรือบวกเพิ่ม 4% เมื่อต้องเรียกค่างานคืน จนกว่าทางราชการจะปรับปรุงสูตรการปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้างแล้วเสร็จ |
. |
3. พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคาและ/หรือลงนามในสัญญาก่อสร้างแล้ว และ/หรือโครงการที่ยังให้ดำเนินการก่อสร้างอยู่ เพื่อเป็นการลดและยืดปริมาณความต้องการเหล็กเส้นให้น้อยลงและยาวขึ้น เพื่อเป็นการตรึงราคาวัสดุก่อสร้างให้นานขึ้น |
. |
4. ให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนวิธีการประมูลงานของภาครัฐใหม่โดยแก้ไขระเบียบการประมูลงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และปรับราคากลางให้เป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงได้เพื่อลดปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานหรือทำงานไม่เสร็จตามกำหนดเพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น |
. |
5. พิจารณาเร่งรัฐพระราชบัญญัติการประกอบอาชีพก่อสร้าง พ.ศ....... ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
. |
นายพลพัฒ กล่าวต่อไปว่า การแก้ไขระเบียบราชพัสดุเกี่ยวกับการประมูลงานขนาดใหญ่หากภาครัฐเข้ามาดูแลปรับปรุงแก้ไขให้สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งในด้านของการเสนอราคากลางและเงื่อนไขกฎระเบียบการประมูลก็จะทำให้คุณภาพของงานและการทำงานของผู้รับเหมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |