ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ 83.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในเดือน ก.พ.ที่อยู่ที่ 83.0 โดยได้รับผลดีจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปริมาณการผลิตที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ 83.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในเดือน ก.พ.ที่อยู่ที่ 83.0 โดยได้รับผลดีจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปริมาณการผลิตที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งยอดคำสั่งซื้อและยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้ของเกษตรกรที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับผลดีจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล |
. |
"เดือนมี.ค. ต้นทุนการประกอบการถูกกระทบจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ส่งผลต่อเนื่องถึงผลประกอบการ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 51 จึงมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายสันติ ระบุ |
. |
ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.51 พบว่า ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการมากที่สุด รองลงมาเป็นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ตามด้วยปัจจัยการเมือง |
. |
สำหรับใน 3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าผู้ประกอบการจะมีความกังวลในปัจจัยต่างๆ ในแนวโน้มที่ลดลง แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยที่มีความกังวลมากที่สุด รองลงมาเป็นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากปัญหา Sub prime ของสหรัฐฯ |
. |
พร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ภาครัฐควรควบคุมราคาวัตถุดิบไม่ให้สูงเกินไป, เร่งการใช้จ่ายของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์, เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น, ดูแลราคาพลังงานให้มีความเหมาะสมและเร่งหาพลังงานทดแทน, ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ, ลดดอกเบี้ยพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน และเพิ่มมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น |