เนื้อหาวันที่ : 2008-04-23 09:41:40 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1534 views

ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค.อยู่ที่ 83.2 จาก 83.0 ในก.พ.

ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ 83.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในเดือน ก.พ.ที่อยู่ที่ 83.0 โดยได้รับผลดีจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปริมาณการผลิตที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.51 อยู่ที่ 83.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากในเดือน ก.พ.ที่อยู่ที่ 83.0 โดยได้รับผลดีจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปริมาณการผลิตที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งยอดคำสั่งซื้อและยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้ของเกษตรกรที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งได้รับผลดีจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล

.

"เดือนมี.ค. ต้นทุนการประกอบการถูกกระทบจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ ส่งผลต่อเนื่องถึงผลประกอบการ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 51 จึงมิได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายสันติ ระบุ

.

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.51 พบว่า ราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการมากที่สุด รองลงมาเป็นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ตามด้วยปัจจัยการเมือง

.

สำหรับใน 3 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าผู้ประกอบการจะมีความกังวลในปัจจัยต่างๆ ในแนวโน้มที่ลดลง แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยที่มีความกังวลมากที่สุด รองลงมาเป็นภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากปัญหา Sub prime ของสหรัฐฯ

.

พร้อมกันนี้ยังมีข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ภาครัฐควรควบคุมราคาวัตถุดิบไม่ให้สูงเกินไป, เร่งการใช้จ่ายของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์, เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้มากขึ้น, ดูแลราคาพลังงานให้มีความเหมาะสมและเร่งหาพลังงานทดแทน, ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ, ลดดอกเบี้ยพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน และเพิ่มมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น