เนื้อหาวันที่ : 2008-04-02 09:22:12 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2905 views

ฮอนด้า พัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI

ฮอนด้าพัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก พร้อมเริ่มต้นติดตั้งในรุ่นใหม่ ปี 2008 และจะขยายให้ครอบคลุมในรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นของฮอนด้าภายในปี 2009

.

ฮอนด้าพัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก พร้อมเริ่มต้นติดตั้งในรุ่นใหม่ ปี 2008

.

ฮอนด้าก้าวล้ำหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ สนองตอบ ทั้งความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภค และที่สำคัญยังส่งเสริมสภาพสิ่งแวดล้อม ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI สำหรับรถขนาดเล็ก ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง โดยควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างแม่นยำ และลดค่าไอเสีย ประกอบกับ ออกแบบโครงสร้างเครื่องยนต์แบบใหม่ ช่วยลดการสูญเสียพลังงาน ส่งผลให้มีไอเสียสะอาดขึ้น อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสมรรถนะสูงขึ้น พร้อมเริ่มต้นติดตั้งในรถรุ่นใหม่ปี 2008 และขยายให้ ครอบคลุมทุกรุ่นภายในปี 2009

.

บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงความก้าวล้ำหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์โดยส่วนใหญ่ในประเทศไทย รวมทั้งรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กนี้ยังมีสัดส่วนปริมาณการใช้ ในทั่วโลกสูงถึง 90% จากรถจักรยานยนต์รวมทุกประเภท โดยการพัฒนาครั้งนี้มุ่งเน้นวัตถุประสงค์หลักสองประการสำคัญคือสนองตอบความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งเสริมการอนุรักษ์สภาพสิ่งแวดล้อม

.

โดยเทคโนโลยีใหม่สำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กนั้น นับเป็นความสำเร็จของพัฒนาการที่ต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีชั้นสูงระดับโลกในรถจักรยานยนต์รุ่นใหญ่ (Big Bike) ถ่ายทอดสู่เครื่องยนต์เล็ก คือ เทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด หรือ Programmed Fuel Injection (PGM-FI) ซึ่งระบบนี้ได้รับการพัฒนาใหม่ ให้โครงสร้างทุกชิ้นส่วนของกระบวนการทำงาน มีขนาดกะทัดรัดสอดคล้องกับขนาดของเครื่องยนต์ อันนับเป็น

.

การพัฒนาให้อุปกรณ์ของระบบแบบหัวฉีดมีขนาดเล็กที่สุดในโลก ในขณะที่ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลอัจฉริยะ ECU (Engine Control Unit) รวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมโยงระบบทั้งหมดเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะ O2 เซ็นเซอร์ ซึ่งตรวจวัดระดับออกซิเจนในไอเสีย พร้อมเซ็นเซอร์คำนวณการผสมผสานการจ่ายน้ำมันอย่างแม่นยำรวม 5 จุด ส่งผลให้ PGM-FI ยุคใหม่สำหรับรถขนาดเล็ก มีประสิทธิภาพสูงทั้งในด้านการตอบสนองอัตราเร่ง รวมถึงทำให้ไอเสียสะอาด และเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมัน

.

เทคโนโลยีระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่ล่าสุด ทั้งนี้ความโดดเด่นพิเศษและหน้าที่การทำงานของเทคโนโลยีระบบนี้ คือ โครงสร้างชิ้นส่วนที่มีขนาดกะทัดรัดทั้งปั๊มน้ำมัน หัวฉีด และ ECU โดยเล็กลงจากที่ใช้ในรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ถึง 25% 70% และ 40% ตามลำดับ โดยขนาดหัวฉีดที่มีขนาดเล็กนั้นทำให้ใช้ปริมาณไอดีเพียง 1/2 และใช้น้ำมัน 1/3 ของระบบหัวฉีด ในรถขนาดใหญ่ ต่อการจุดระเบิดหนึ่งครั้ง

.

ประกอบกับเรือนลิ้นเร่ง (Throttle Body) ที่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สามจุด คือ เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิอากาศ , เซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง และเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงดันในท่อไอดี รวมถึงการทำหน้าที่ของเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ทำให้สามารถควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศได้อย่างแม่นยำ

.

นอกจากนั้นแล้ว อุปกรณ์เชื่อมโยงการทำงาน อันได้แก่ ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ยังได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กโดยผลิตขึ้นจากเรซินชนิดพิเศษ ซึ่งมีคุณสมบัติในการยืดหยุ่น รวมถึงมีการยกเลิกท่อน้ำมันไหลกลับ ส่งผลให้ ลดความซับซ้อนของโครงสร้างระบบ และที่สำคัญมีการติดตั้งออกซิเจนเซ็นเซอร์ หรือ O2 เซ็นเซอร์ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบสภาพการเผาไหม้

.

โดยตรวจวัดค่าออกซิเจนในไอเสีย แล้วส่งข้อมูลไปยัง ECU สำหรับใช้เป็นข้อมูล ในการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่ระบบกำเนิดไฟฟ้าได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ สามารถควบคุมการทำงาน ของจังหวะการจุดระเบิดได้ถูกต้อง รวมถึงระบบกรองไอเสียออกแบบให้โครงสร้างภายในเป็นกรองแบบรังผึ้ง (Metal Honeycomb) ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงในการกรองไอเสีย

.

จากการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ทั้งหมดในภายโครงสร้างระบบ PGM-FI ยุคใหม่ของเครื่องยนต์ขนาดเล็ก จะส่งผลให้การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีความแม่นยำสูง อีกทั้งการเผาไหม้สมบูรณ์ ซึ่งนอกจากจะให้ค่าไอเสียสะอาด และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังตอบสนองอัตราเร่งได้รวดเร็ว ทำให้ขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนาน

.

นอกจากนั้นภายในเครื่องยนต์รุ่นใหม่ยังได้รับการปรับโครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ เพื่อลดแรงเสียดทานลง มากถึง 14% อันเป็นส่วนช่วยทำให้ลดการสูญเสียพลังงานในเครื่องยนต์ได้ในระดับสูง

.

โครงสร้างเครื่องยนต์ใหม่ ลดแรงเสียดทานภายในสำหรับการปรับโครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ ของเครื่องยนต์ใหม่ประกอบด้วย กระเดื่องวาล์วที่เป็นแบบโรลเลอร์ ซึ่งส่งผลให้จุดสัมผัสที่เป็นโรลเลอร์หรือเป็นแบบล้อของกระเดื่องวาล์วกับแคม มีการเสียดสีลดน้อยลง , ผิวลูกสูบออกแบบใหม่ให้มีคุณสมบัติลดแรงเสียดทาน ด้วยการทำให้บริเวณสเกิร์ตของผิวลูกสูบเป็นร่อง เพื่อเก็บกักน้ำมันหล่อลื่นอันเป็นผลลดการเสียดสี , ลูกสูบออกแบบใหม่ให้มีน้ำหนักเบาขึ้น 10% ทำให้เครื่องยนต์โดยรวม

.

มีน้ำหนักเบา , เพลาข้อเหวี่ยงแบบมีระยะเยื้องศูนย์ (offset) ซึ่งลดแรงเสียดทานระหว่างเสื้อสูบกับลูกสูบ , ติดตั้ง Oil Jet ที่ด้านหลังลูกสูบ เพื่อฉีดน้ำมันหล่อลื่นไปที่ลูกสูบ โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อลื่น รวมทั้งระบายความร้อนให้กับลูกสูบ และที่สำคัญเครื่องยนต์รุ่นใหม่เป็นขนาด 110 ซีซี แบบ 4 จังหวะ ทำให้ลดรอบการทำงานของเครื่องยนต์ ในขณะที่มีสมรรถนะสูงขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้น

.

ทั้งนี้ด้วยระบบ PGM-FI ยุคใหม่ พร้อมการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและรายละเอียดเครื่องยนต์ เป็นขนาด 110 ซีซี แบบ 4 จังหวะ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ในรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กในปัจจุบัน คือ ฮอนด้าเวฟ 100 แล้ว

.
ปรากฏว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ ให้การขับขี่ที่สนุกสนานด้วยสมรรถนะที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 20% ในขณะที่ประหยัดน้ำมัน มากกว่า 15% และที่สำคัญมีค่าไอเสียเพียง 1 ใน 5 ของมาตรฐานควบคุมไอเสียระดับ 5 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีใหม่นี้สามารถรองรับมาตรฐานควบคุมไอเสียระดับ 6 ที่จะประกาศบังคับใช้ในอนาคต
.

ด้วยพัฒนาการอันล้ำหน้าเพื่อสนองตอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภค ทางฮอนด้าเตรียมพร้อมสำหรับการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถจักรยานยนต์ ด้วยประสิทธิภาพสูงทั้งในด้านเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากไอเสียที่สะอาดมากยิ่งขึ้น และประหยัดน้ำมันสูงขึ้นรวมถึงสมรรถนะสูง ให้การขับขี่ที่สะดวกสบายและสนุกสนาน โดยเทคโนโลยีใหม่นี้จะเริ่มต้นติดตั้งใน รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ในปี 2008 และจะขยายให้ครอบคลุมในรถจักรยานยนต์ทุกรุ่นของฮอนด้าภายในปี 2009