กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 0.6 % สู่ 1.065 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. 2551 และการอนุญาตก่อสร้างลดลง 7.8 % สู่ 978,000 ยูนิตซึ่งเป็น อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 1991 ซึ่งอยู่ที่ 974,000 ยูนิต
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 0.6 % สู่ 1.065 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. 2551 และการอนุญาตก่อสร้างลดลง 7.8 % สู่ 978,000 ยูนิตซึ่งเป็น อัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 1991 ซึ่งอยู่ที่ 974,000 ยูนิต |
. |
โดยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่ทุกประเภทลดลงเล็กน้อย แต่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวและการอนุญาตก่อสร้างบ้านใหม่ในอนาคตมีปริมาณลดลงอย่างมาก |
. |
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 0.6 % เหลือ 1.065 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. จาก 1.071 ล้านยูนิตในเดือนม.ค. |
. |
ก่อนหน้านี้โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจัดทำโดย Thomson's IFR Markets คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะลดลงเหลือเพียง 990,000 ยูนิต ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านอยู่ตัวกว่าระดับ 1 ล้านยูนิต นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 |
. |
ยอดขายบ้านลดลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่ อันเป็นผลมาจากวิกฤติซับไพร์มและการที่ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านเริ่มมีความยับยั้งชั่งใจมากขึ้นแม้ว่าราคาบ้านจะลดลงแล้วก็ตาม ส่งผลให้ผู้สร้างบ้านไม่สามารถขายบ้านได้ |
. |
เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐร่วงลง 27.7% โดยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวร่วงลงถึง 42.3% ในขณะที่ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในแถบมิดเวสท์ยังทรงตัว ส่วนในภาคใต้และตะวันตกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน |