บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) รายงานไตรมาส 2 ปี 2549 สิ้นสุดงวดบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 กำไรสุทธิรวม 1,459 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,855 ล้านบาท
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2549 สิ้นสุดงวดบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 ฉบับก่อนสอบทานของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,459 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.01 บาท ลดลง 396 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 21 เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,855 ล้านบาท |
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,961 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากค่าขายไฟฟ้ารวม จำนวน 12,592 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับ จำนวน 132 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้า เป็นเงินจำนวน 220 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 17 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมเป็นจำนวน 11,119 ล้านบาท ประกอบด้วย ต้นทุนขาย 10,985 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารจำนวน 127 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 7 ล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้รวมจำนวน 383 ล้านบาท |
สำหรับ ผลการดำเนินงานประจำงวดครึ่งแรก ของปี 2549 ฉบับก่อนสอบทาน มีกำไรสุทธิรวม 3,393 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2.34บาท ลดลง 611 ล้านบาท หรือร้อยละ 15เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,004 ล้านบาท |
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาสนี้ รายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี จำนวน 2,802 ล้านบาท ลดลงจำนวน 578 ล้านบาทจากรายได้ของไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอัตราค่าความพร้อมจ่ายที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวในปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว จึงส่งผลต่อกำไรในไตรมาส 2 ปีนี้ |
รวมทั้ง ต้นทุนขายของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเพราะ บริษัทฯมีค่าบริการในการบำรุงรักษาและค่าอะไหล่โรงไฟฟ้า จำนวน 149 ล้านบาท จากการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมชุดที่ 1 เพื่อทำการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรครั้งใหญ่ ซึ่งกำหนดทำในระยะเวลาทุก 6 ปี หรือ Major Overhaul |
นอกจากนี้ บริษัทยังมีจากการทำสัญญาจัดหาและซ่อมอะไหล่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรีกับบริษัท General Electric International Operations Co., Inc. และ บริษัท GE Energy Parts, Inc. ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด และจ่ายค่าบริการและค่าซ่อมอุปกรณ์ในไตรมาสนี้เป็นเงิน 159ล้านบาท ขณะที่ ดอกเบี้ยจ่ายมีจำนวน 368 ล้านบาท สูงขึ้น 84 ล้านบาท จากไตรมาส 2 ปี 2548 ซึ่งมีจำนวน 284 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น |
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้บริษัทฯบันทึกดอกเบี้ยรับจำนวน 132 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 63 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว รายได้ส่วนแบ่งกำไรในกิจการร่วมค้าจำนวน 220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 110 ล้านบาท |
นายณรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 6,800 ล้านบาท และมีกำไรสะสมจากการดำเนินงานมากกว่า 17,400 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินซึ่งมั่นคงของบริษัท โดยบริษัทมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า อันจะสร้างความเติบโตและเพิ่มมูลค่ากิจการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น โดยยึดปฏิบัติตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลสูง อยู่ระหว่างร้อยละ 47-50 |