ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ เร่งกระตุ้นตลาดเชิงรุก ผู้ผลิตเตรียมทุ่มพันล้านเสริมศักยภาพการผลิตเพิ่มขีดการแข่งขัน ในงาน "ออโตโมทีฟแมนูแฟคเจอริ่ง" มหกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ 1 ปีมีครั้งเดียว คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท

นายชัยณรค์ ลิมป์กิตติสิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน อุตสาหกรรมต่างๆอาจจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งตัว ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม รวมถึงพบแรงกดดันจากคู่แข่งขันอย่างประเทศจีน และเวียดนาม นักอุตสาหกรรมน่าจะใช้โอกาสนี้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรที่มีกำลังผลิตสูงเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตในการแข่งขันตลาด

นายชัยณรค์ ลิมป์กิตติสิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์

โดยเฉพาะ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ต่างมุ่งยุทธศาสตร์เชิงรุก เน้นการนำเทคโนโลยีใหม่มาเสริมศักยภาพเพิ่มการผลิต รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของเอเชีย เห็นได้จากอัตรากำลังการผลิตซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับจากปี2003 จนถึงปัจจุบันมูลค่าการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนที่ผ่านมา เติบโตแบบก้าวกระโดด ดังนั้นการจัดงานดังกล่าวถือเป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์"Detroit of Asia"อย่างเป้าที่วางไว้

บริษัทฯ จึงเตรียมจัดงาน ออโตโมทีฟแมนูแฟคเจอริ่ง มหกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ 1 ปีมีครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 19 -22 มิถุนายน 2551 ณ ไบเทค บางนา พร้อมกับ3งานยักษ์ ครอบคลุมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งในส่วนของเครื่องจักรเพื่อการผลิตพลาสติก, การใช้แม่พิมพ์การขึ้นรูป และเทคโนโลยีออโตเมชั่น การควบคุมการผลิตอัติโนมัติ เพื่อเสริมศักยภาพการผลิต เป็นคลัสเตอร์โชว์ที่ครบวงจรและเป็นเพียงหนึ่งเดียวในภูมิภาค เพื่อเสริมให้นักอุตสาหกรรม ต่อยอดอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนที่ครบวงจรทั้งในด้านแม่พิมพ์พลาสติกระบบอัตโนมัติ และMachine Tool

ซึ่งจะมุ่งเป้าที่ชัดเจนยังกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรายSME ให้สามารถรุกตามผู้ผลิตรายใหญ่ได้ทัน ซึ่งจากภาวะเงินบาทในปัจจุบัน จะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการลงทุนเครื่องจักรเป็นอย่างมาก โดยมีบริษัทเข้าร่วมแสดงนวัตกรรมมากกว่า400 บริษัท ชั้นนำ บนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 45,000คน เงินสะพัดกว่า 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดนำผู้ประกอบการขยายตลาดสู่เวียดนาม ในเดือนพฤษภาคม