โชว์ศักยภาพของแสงที่เป็นมากกว่าการให้ความสว่าง มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน เชื่อมั่นสามารถรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดแสงสว่างในไทย

บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่าง จัดงาน Philips Big Blue Day 2008 ครั้งที่ 1 นำทัพหลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างจัดแสดงโซลูชั่นการใช้พลังงานจากแสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficient Lighting Solution) โชว์ศักยภาพของแสงที่เป็นมากกว่าการให้ความสว่าง มุ่งมั่นตอบสนองความต้องการการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน เชื่อมั่นสามารถรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ตลาดแสงสว่างในประเทศไทย ปี 2551 ติดต่อกันเป็นปีที่ 56 อย่างแน่นอน 

คุณประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฟิลิปส์ในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดแสงสว่างระดับโลกรวมถึงประเทศไทย จัดงาน Philips Big Blue Day  ขึ้นเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นแสงสว่างใหม่ที่ฟิลิปส์จะนำเสนอสู่ตลาดประเทศไทยในปีนี้  พร้อมจัดแสดงในรูปแบบของแอพพลิเคชั่นการใช้งานโดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ บ้าน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และไฟภายนอกอาคาร 

ซึ่งรวมถึงไฟถนนและไฟสำหรับการตกแต่งเมือง เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องของความสำคัญในการเลือกใช้หลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมให้กับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้กว่า 1,000 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิลิปส์ทั่วประเทศทั้งในส่วนของตลาดลูกค้าทั่วไป และลูกค้าโครงการ นักออกแบบแสงสว่าง วิศวกรไฟฟ้า และตัวแทนจากหน่วยงานทั้งในภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ฟิลิปส์จัดงาน Philips Big Blue Day 2008 ครั้งที่ 1 ในระหว่างวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2551 ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ

"ฟิลิปส์เป็นบริษัทหลอดไฟแห่งแรกและแห่งเดียว ที่จัดการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่โดยการแสดงให้เห็นถึงแอพลิเคชั่น การใช้งานของหลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างทั้งในกลุ่มของผู้บริโภคที่ใช้ทั่วไปภายในบ้านและลูกค้าโครงการ โดยมุ่งเน้น 2 แนวคิดคือการเลือกใช้หลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างอย่างเหมาะสมและสามารถช่วยประหยัดพลังงาน ลดปัญหาภาวะโลกร้อนและศักยภาพของแสงยังสามารถช่วยสร้างบรรยากาศ อาทิ สร้างความรู้สึกทันสมัย อบอุ่น สบาย เป็นกันเอง โรแมนติก หรืออาจสร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน รื่นเริง และในขณะเดียวกันสามารถประหยัดไฟได้อีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ทางธุรกิจได้สูงสุด"

ฟิลิปส์ได้จำลองการใช้โซลูชั่นการบริหารพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ Energy Efficient Lighting Solution ที่ได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางของคำมั่นสัญญาแบรนด์ “sense and simplicity” นั่นคือผลิตภัณฑ์ของเราได้ถูกออกแบบสร้างสรรค์มาเพื่อผู้บริโภคในกลุ่มต่างๆ (Design around you) สะดวกในการใช้งาน (Easy to experience) และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Advance) นำเสนอแอพพลิเคชั่นการใช้งานโดยแบ่งเป็น 5 โซน 

สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย ฟิลิปส์เล็งเห็นถึงความต้องการผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่จะเข้ามาช่วยประหยัดพลังงานและในขณะเดียวกันสามารถสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

ฟิลิปส์จึงนำเสนอหลอดประหยัดไฟทอร์นาโด ซีรี่จิ๋ว ที่มีประสิทธิภาพประหยัดพลังงานได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่สว่างกว่าหลอดประหยัดไฟทั่วไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ พร้อมการดีไซน์สวยงามด้วยหลอดรูปทรงเกลียวพายุ ที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถใช้งานได้เหมาะกับหลากหลายสถานที่ภายในบ้าน

นอกจากนี้ชุดแสงสว่างประหยัดไฟใหม่สำเร็จรูป EasyForLife ได้ออกแบบโดยผสมผสานโคมไฟ หลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สามารถประหยัดไฟได้มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ สามารถติดตั้งได้ง่ายเพียงแค่ต่อสายไฟแล้วใช้งานได้ทันที พร้อมทั้งยังได้รับการดีไซน์ให้มีขนาดเล็กและเพรียวบาง ทำให้มีความสวยงามในการติดตั้ง 

หลอดประหยัดไฟใหม่ รุ่น Ecotone High Switch นั้น นอกจากจะสามารถประหยัดไฟได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้วยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นถึง 10,000 ชั่วโมง และยังมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเปิดและปิดได้มากถึง 15,000 ครั้ง ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในสถานที่ที่ต้องเปิดและปิดไฟบ่อยๆ อาทิ ห้องน้ำ ฟิลิปส์ยังคำนึงถึงแสงที่มีศักยภาพมากกว่าการให้แสงสว่างเท่านั้น แสงสามารถช่วยสร้างบรรยากาศในบ้านให้น่าอยู่และโรแมนติกมากยิ่งขึ้น จึงแนะนำ Philips Imageo Candle ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี LED ทำให้สามารถออกแบบให้แสงกระพริบได้เสมือนจุดเทียนไข  

สำหรับอาคารสำนักงาน ฟิลิปส์เปิดตัวด้วยหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 ที่เมื่อทำงานร่วมกับบัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมแสงสว่างแล้ว สามารถทำให้ประหยัดพลังงานลงได้ถึง 61 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ทั่วไป และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้ถึง 77 กิโลกรัม ต่อหลอดต่อปี

หลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่เพรียวบาง มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 16 มิลลิเมตร เล็กกว่าหลอดฟลูออเรสเซ็นต์รุ่นมาตรฐานถึง 10 มิลลิเมตร ทำให้การกระจายแสงมีความแม่นยำ สามารถบีบลำแสงให้ตกกระทบพื้นที่ใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับโคมที่ได้รับการออกแบบมาใช้กับหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 ซึ่งเป็นโคมที่มีขนาดเล็กลง นั่นหมายถึงการออกแบบติดตั้งจะทำได้สวยงามมากยิ่งขึ้น

ฟิลิปส์ก้าวล้ำด้วยการนำเสนอระบบการปรับแสงอัจฉริยะ (Automatic dimmer) สำหรับระบบหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 โดยระบบจะวัดปริมาณแสงสว่างที่ได้จากแสงดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาภายในอาคาร หากมีปริมาณแสงเพียงพอ ระบบนี้จะทำการปรับลดการใช้พลังงานแสงสว่างจากหลอดไฟอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ปริมาณความสว่างของแสงที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถช่วยในการประหยัดพลังงานได้

สำหรับห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ฟิลิปส์แนะนำหลอด CDM หรือ หลอดเซรามิก ดิสชาร์จ เมทัลฮาไลท์ที่ให้ค่าความถูกต้องของสีสูง และเป็นหลอดนวัตกรรมใหม่ ที่มีคุณภาพแสงยอดเยี่ยม คมชัด มี เทคโนโลยีป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต (UV Block) ทำให้สีของสินค้าไม่ซีดจาง และยังช่วยสร้างบรรยากาศของร้านให้ดูโดดเด่น สีสันสดใส และยังประหยัดไฟกว่าหากเทียบกับหลอดฮาโลเจน  

เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติของหลอด CDM กับหลอดฮาโลเจนแล้ว หลอด CDM มีประสิทธิภาพดีกว่าหลอดฮาโลเจนกว่า 6 เท่าตัวและอายุการใช้งานยาวนานกว่า 4-5 เท่าตัว เป็นหลอดที่มีความเข้มของแสงสูงเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดหลอดที่เล็ก ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในการส่องเน้นเฉพาะจุด หรือในกรณีที่ฝ้าหรือห้องโถงสูงได้ ประหยัดค่าบำรุงรักษา ทั้งในด้านค่าไฟและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า เนื่องจาก CDM เป็นหลอดที่สร้างความร้อนออกมาน้อยกว่าหลอดฮาโลเจนมาก ทำให้สามารถลดค่าไฟของเครื่องปรับอากาศ และสร้างความรู้สึกสบายในการจับจ่ายใช้สอยของผู้เข้ามาใช้บริการพร้อมกันนี้ฟิลิปส์ยังได้แนะนำโคมไฟรุ่นใหม่ที่สามารถใช้สำหรับการให้แสงสว่างทั่วไป หรือการส่องเฉพาะจุด อาทิ โคมไฟ Magneos และโคมไฟ Fugato

 .

สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ฟิลิปส์นำเสนอโคมไฟ CrestbayTM ที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยี Swing-2-BrightTM เป็นโคมไฟประเภทไฮเบย์ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับภายในอาคารที่มีบริเวณกว้างและหลังคาสูงสำหรับความสูง 6 เมตรขึ้นไป โคมไฟ CrestbayTM ให้ประสิทธิภาพในการกระจายแสงมากกว่าโคมไฟทั่วไปที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมโดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดจำนวนการใช้โคมลง ลดแสงแยงตา

และสามารถปรับมุมการกระจายแสงไฟได้ ทำให้ภายในอาคารมีแสงสว่างที่เพียงพอและเหมาะสม และนวัตกรรม Swing-2-BrightTM เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะฟิลิปส์ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถบำรุงรักษาได้ง่ายเพียงไม่กี่ขั้นตอนและยังไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ ทำให้สะดวก ปลอดภัย เพราะเมื่อเปิดฝาโคมขึ้นก็สามารถเปลี่ยนหลอดไฟได้ง่าย โดยหลอดไฟที่ใช้กับโคมไฟนี้คือ หลอด HPI-BU Daylight เป็นหลอดเมทัลฮาไลด์รุ่นใหม่ ที่ให้แสงขาวกว่าเดิม และมีอายุยาวนานถึง 20,000 ชั่วโมง นานกว่าหลอดเมทัลฮาไลด์ทั่วไป 50 เปอร์เซ็นต์

ส่วนระบบหลอดฟลูออเรสเซ็นต์นั้น ฟิลิปส์แนะนำ บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ EB-Primalume ที่ใช้ร่วมกับหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ทั่วไปและหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ผอมใหม่ T5 ทำให้สามารถประหยัดไฟได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และมีเทคโนโลยีการจุดหลอดแบบ Warmstart ที่สามารถช่วยยืดอายุหลอดไฟได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

สำหรับไฟภายนอกอาคาร ซึ่งประกอบด้วยไฟถนนและไฟตกแต่งเมือง โดยไฟถนน ฟิลิปส์แนะนำโคมไฟรุ่น Iridium ที่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างสูง ทำให้สามารถลดจำนวนโคมไฟและหลอดไฟที่ใช้ต่อถนนลงได้ หมายถึงการประหยัดค่าไฟ และยังสามามารถบำรุงรักษาได้ง่าย เพราะโคมได้รับการออกแบบมาให้สามารถเปิดขึ้นจากทางด้านบน สร้างความสะดวกสบายให้กับช่างซ่อมมากยิ่งขึ้น ที่จากเดิมที่ต้องเปิดโคมด้านล่าง ทำให้ไม่สะดวกในการต้องเงยหน้าเวลาซ่อมโคมไฟ   

นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่ที่เป็นบัลลาสต์แกนเหล็กชนิดหรี่ไฟได้สำหรับหลอดไฟโซเดียม High Pressure ซึ่งมีชื่อเรียกว่า BSD Step-Dimming โดยมีคุณสมบัติสามารถหรี่ไฟและสามารถตั้งเวลาการหรี่ไฟอัตโนมัติได้ อาทิ ในเวลาหลังเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่การจราจรไม่คับคั่งจึงไม่จำเป็นต้องใช้แสงสว่างถึง 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ทำให้สามารถตั้งหรี่ไฟถนน ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานไปได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ปลอดภัยกว่าการปิดไฟสลับดวงเว้นดวงเพราะจะทำให้สายตาอ่อนล้าและอาจเกิดอุบัติเหตุได้

นอกจากนี้ไฟสำหรับการตกแต่งเมืองให้สวยงาม ฟิลิปส์นำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยี LED หรือ SSL (Solid State Lighting) อาทิ โคมไฟ LED Strip II และ DynaFlood ที่เหมาะสำหรับไฟส่องอาคารเหมือนกับไฟ floodlight และโคมไฟ  Projector LED ที่ใช้เป็นไฟส่องขนาดเล็ก อาทิ อนุสาวรีย์ ป้าย และรูปปั้นที่มีขนาดเล็ก

หลอดไฟ LED ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟิลิปส์ในการพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วย LED มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดทั่วไปโดยมีอายุเฉลี่ยยาวนานถึง 50,000 ชั่วโมง (ถ้าเปิดติดต่อกัน 6 ชั่วโมงต่อวันจะสามารถใช้ได้มากกว่า 20 ปี) จึงไม่จำเป็นต้องดูและเปลี่ยนหลอดบ่อยๆ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าเปลี่ยนหลอดไฟ นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะปราศจากสารปรอท ใช้ไฟแรงดันต่ำจึงมีความปลอดภัยสูง และหลอดไฟ LED ยังมีขนาดเล็กน้ำหนักเบาทำให้ลดข้อจำกัดในการออกแบบและติดตั้ง        

นอกจากนี้ฟิลิปส์ยังจัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมเสื้อเรืองแสงเทคโนโลยี LED ที่เป็นการผสมผสานเทคโนโลยี Lumalive LED ลงบนใยผ้า มีประสิทธิภาพในการแสดงผลเป็นภาพกราฟฟิก ตัวอักษร หรืออื่นๆ  ตลอดจนภาพสามารถเปลี่ยนสี และเคลื่อนไหวได้ขณะสวมใส่อีกด้วย

นายประกรณ์ กล่าวว่า สำหรับปี 2551 นี้ กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างกำหนดงบประมาณการตลาดไว้ประมาณ 200 ล้านบาทในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าโครงการเพื่อสร้างยอดขายการเติบโต 2 หลัก และทำให้ฟิลิปส์สามารถรักษาแชมป์ความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดแสงสว่างในประเทศไทยได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 56 ในปีนี้ 

สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป ฟิลิปส์มุ่งเน้นที่จะดำเนินการตลาดควบคู่ทั้งการโฆษณา และการทำกิจกรรม ณ จุดขาย สร้างความเข้าใจและโปรโมทความสำคัญของการประหยัดพลังงาน ในขณะที่การดำเนินการตลาดสำหรับลูกค้าโครงการ

ฟิลิปส์ยังคงมุ่งเน้นการจัดสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ และความเข้าใจในการเลือกใช้หลอดไฟและอุปกรณ์แสงสว่างสำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาทิ บ้าน อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม และไฟภายนอกอาคาร พร้อมทั้งมีทีมงานบริการการให้คำปรึกษาด้านแสงสว่าง (Lighting Consultant) เพื่อให้คำปรึกษาในการออกแบบแสงสว่างและการเลือกใช้อุปกรณ์แสงสว่างให้เหมาะสมกับสถานที่ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจในการบริหารพลังงานและค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายประกรณ์กล่าวว่า “ฟิลิปส์ในฐานะที่เป็นผู้นำระดับโลกด้านแสงสว่างและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นใจในการนำเสนอ Total Energy Efficient Lighting Solution ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีด้านแสงสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถลดการใช้พลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และส่งให้มีผลกำไรให้ธุรกิจดีขึ้น นอกจากนั้นยังส่งผลถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการลดภาวะโลกร้อน และจะทำให้ฟิลิปส์ประสบความสำเร็จสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายในปี 2551นี้”