เนื้อหาวันที่ : 2008-02-13 14:23:26 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1414 views

ปตท.รื้อแผน เอ็นจีวี หลัง พูนภิรมย์ รมว.พลังงาน โชว์กึ๋นชงอุ้มแอลพีจีต่อ

ปตท.ได้ชะลอแคมเปญส่งเสริมเอ็นจีวีในส่วนของรถบ้านทั่วไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนส่งเอ็นจีวีไปยังจุดจำหน่าย และจะสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งยอมรับว่าถ้ารัฐจะกลับมาตรึงราคาแอลพีจีต่อ ก็ยิ่งทำให้ความสนใจในการติดเครื่องยนต์เอ็นจีวีของรถแท็กซี่และรถบ้านน้อยลงไปด้วย เพราะเห็นว่าได้รับการอุดหนุนราคาแอลพีจีต่อไป

ปตท.รื้อแผน 'เอ็นจีวี' หลังรัฐหันอุ้มแอลพีจีต่อ พลังงานกลับลำขึ้นค่าเอฟที 2 สต.

.

พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการหารือกับนายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูอัตราค่าไฟฟ้าและบริการ (บอร์ดเอฟที) ว่า จากการหารือมีแนวโน้มว่าค่า เอฟทีงวดเดือน ก.พ.-พ.ค.นี้ จากเดิมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดว่าต้องปรับเพิ่มขึ้น 5.28 สต.ต่อหน่วย

.

จากปัจจุบันเก็บที่ 66 สต.ต่อหน่วย ก็อาจจะปรับขึ้นแค่ 2 สต.ต่อหน่วย หรือปรับขึ้นเป็น 68 สต.ต่อหน่วย เนื่องจากค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ 33 บาท ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าทุกบาทจะมีผลให้ค่าเอฟทีลดลง 3 สต.ต่อหน่วย

.

นอกจากนี้ ยังมอบให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ไปพิจารณาเร่งเรื่องการใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเจดีเอและแหล่งอาทิตย์ให้เพิ่มขึ้น เพราะหากใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นก็จะสามารถลดการใช้น้ำมันในการผลิตไฟได้จำนวนมาก ทำให้ค่าเอฟทีจะลดลงได้ การขึ้นค่าเอฟทีงวดนี้ ขอให้ประชาชนยอมรับว่าอาจทำให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่ากระทรวงพลังงานได้หาทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว การขึ้นค่าเอฟทีเพียง 2 สต.ต่อหน่วย จะไม่ทำให้ กฟผ.และบริษัท ปตท.แบกรับภาระต้นทุนเรื่องเชื้อเพลิงมากนัก

.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ได้ข้อสรุปให้ขึ้นค่าเอฟที 2 สต.ต่อหน่วย ทำให้นายณอคุณจะได้เปิดแถลงเรื่องนี้ในวันที่ 13 ก.พ. จากเดิมที่มีข่าวว่าบอร์ดเอฟทีได้เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด

.

ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์บริษัท ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการรับฟังนโยบายที่ชัดเจนจากกระทรวงพลังงานเรื่องโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เพราะหากมีการทบทวนตัวเลขใหม่ โดยชะลอการปรับขึ้นราคานั้น จะมีผลกระทบต่อแผนส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ในภาคขนส่งอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ ปตท.ต้องปรับแผนการส่งเสริมเอ็นจีวีใหม่โดยหันไปเน้นส่งเสริมรถขนส่งขนาดใหญ่แทนรถแท็กซี่และรถยนต์ทั่วไป

.

ที่ผ่านมา ปตท.ได้ชะลอแคมเปญส่งเสริมเอ็นจีวีในส่วนของรถบ้านทั่วไปแล้ว เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนส่งเอ็นจีวีไปยังจุดจำหน่าย และจะสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นในช่วงกลางปี ซึ่งยอมรับว่าถ้ารัฐจะกลับมาตรึงราคาแอลพีจีต่อ ก็ยิ่งทำให้ความสนใจในการติดเครื่องยนต์เอ็นจีวีของรถแท็กซี่และรถบ้านน้อยลงไปด้วย เพราะเห็นว่าได้รับการอุดหนุนราคาแอลพีจีต่อไป

.

นายณัฐชาติกล่าวว่า ปัญหาที่หลายฝ่ายยังเป็นห่วงคือ การเข้ามาอุดหนุนราคาแอลพีจี อาจทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนได้ เพราะปัจจุบันสัดส่วนการใช้กับกำลังการผลิตก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก จนทำให้มีการหารือในเบื้องต้นว่าจะลดโควตาการใช้แอลพีจีในส่วนของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีลงได้หรือไม่ เพื่อให้ปริมาณการใช้ในภาคครัวเรือนและขนส่งมีอย่างเพียงพอ

.

หาก ปตท.ปรับแผนมาเน้นส่งเสริมเอ็นจีวีรถขนส่งขนาดใหญ่ อาจทำให้การปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นไป จากแผนเดิมจะตรึงราคา 8.50 บาท/กก. ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันมีรถแท็กซี่ที่มาเข้าโครงการแลกถังฟรี แล้วจำนวน 19,000 คัน โดยกำหนดเป้าหมายจะเพิ่มให้เป็น 50,000 คันภายในปี 52

.

ที่มา :  INN News