เนื้อหาวันที่ : 2008-02-12 17:40:25 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2153 views

ภาระของซีไอโอในปี 2551

บทบาทของซีไอโอกำลังเปลี่ยนไปและมีหลายสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ นอกเหนือจากทิศทางด้านเทคโนโลยีของบริษัทแล้ว ซีไอโอยังต้องเข้าไปมีส่วนรร่วมในด้านการผลักดันธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไปด้วย

การจัดลำดับความสำคัญและความต้องการด้านไอทีของบริษัทต่างๆ กำลังเปลี่ยนแปลง และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (ซีไอโอ) จำเป็นต้องจัดการกับความต้องการของธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงด้วย งบประมาณที่ลดลงเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นและความต้องการสตอเรจที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุให้โครงการด้านไอที  ค่าใช้จ่าย การจัดลำดับความสำคัญ และการเป็นผู้นำของซีไอโอถูกนำมาตั้งคำถาม

.

โดยซีไอโอต้องสามารถจัดการกับความต้องการและค่าใช้จ่ายใหม่ต่างๆ เหล่านี้ให้ได้ จะเห็นได้ว่านอกจากความต้องการด้านธุรกิจแล้ว โลกกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางของไอทีสีเขียว (เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) และบริษัทต่างๆ กำลังต้องการลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานให้น้อยลง

.

นายฮิว โยชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เตือนบรรดา      ซีไอโอเกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญในปี 2551 และแนะวิธีจัดการกับปัญหาเหล่านั้น ซึ่งรวมถึงปัญหาภายนอก อย่าง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และปัญหาภายใน เช่น การจัดการกับความต้องการข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น

.

1. ควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อันเนื่องจากการผลิตไฟฟ้า: ด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน เราจะพบว่ารัฐบาลต่างๆ ได้กำหนดแนวทางและข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ขณะที่องค์กรส่วนใหญ่ก็ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ โดยแหล่งสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จะมาจากการผลิตไฟฟ้า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านกำลังการประมวลผล ช่องสัญญาณเครือข่าย และความจุสตอเรจ ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านการใช้ไฟและระบบปรับอากาศภายในศูนย์ข้อมูลมากขึ้น ไอทีจะต้องหาวิธีที่จะจัดระเบียบโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด

.

2. มีแผนสำรองข้อมูลและยุทธศาสตร์การกู้คืนข้อมูลเมื่อเกิดภัยพิบัติที่เหมาะสม: การล่มสลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจขึ้น และเป็นผลให้ซีไอโอต้องเผชิญหน้ากับงบประมาณที่ลดลง  ซึ่งไอทีจะได้รับแรงกดดันให้ทำงานมากขึ้นโดยลดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง

.

ซึ่งนั่นผลักดันให้ไอทีต้องพิจารณาวิธีที่จะรวมทรัพยากรด้านไอทีผ่านทางระบบเสมือนจริง เพิ่มการใช้ประโยชน์ทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น การทำงานของเซิร์ฟเวอร์และความจุของสตอเรจ การกำจัดความซ้ำซ้อนด้วยการใช้เทคนิคลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลและใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลเพียงที่เดียว ตลอดจนลดชุดการทำงานของการผลิตข้อมูลผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลถาวรอย่างจริงจัง

.

3. ทำงานมากขึ้นเพื่อจัดการกับข้อมูลที่เติบโต: ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างฐานข้อมูลกำลังเติบโต   มากขึ้นเนื่องจากต้องการให้เป็นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นและนานขึ้นด้วยเหตุผลทางข้อกฎหมาย ส่วนข้อมูลกึ่งมีประโยชน์ เช่น อีเมล์ หน้าเว็บ และข้อมูลการจัดการเอกสาร ก็กำลังเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แรงกดดันดังกล่าวผลักดันให้เกิดความต้องการในด้านการจัดเก็บข้อมูลถาวรเพื่อลดชุดการทำงานของการผลิตข้อมูล สิ่งนี้ทำให้เกิดความต้องการในระบบจัดเก็บถาวรชนิดใหม่ ที่สามารถปรับขนาดได้ในระดับ  เพตาไบต์และให้ความสามารถในการค้นหาเนื้อหาในกลุ่มข้อมูลต่างชนิดกันได้

.

4. แน่ใจกับระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ: ด้วยการตระหนักที่เพิ่มขึ้นว่าระบบการจัดเก็บข้อมูลกลายเป็นระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์น้อยและมีการคัดลอกข้อมูลซ้ำซ้อนมากเกินไป การซื้อสถาปัตยกรรมสตอเรจแบบเดิมมากขึ้นจึงไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป สถาปัตยกรรมใหม่ที่สามารถปรับขนาดได้ มีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย และมีความจุที่มากขึ้น

.

ตลอดจนไม่ทำให้การทำงานติดขัดขณะที่รองรับได้หลายเพตาไบต์จะเป็นที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังต้องสามารถให้บริการสตอเรจและข้อมูลใหม่ได้เหมือนกับระบบหลายโปรโตคอลและมีความสามารถในการค้นหาข้อมูลในกลุ่มสตอเรจต่างชนิดกันได้ภายใต้การจัดการจากส่วนกลางและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ

.

5. แน่ใจกับข้อมูลที่ต่อเนื่องและแอพพลิเคชั่นพร้อมใช้งาน: ด้วยความต้องการให้แอพพลิเคชั่นมีความพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไอทีต้องการความสามารถในด้านการย้ายข้อมูลโดยไม่ไปหยุดการทำงานของแอพพลิเคชั่น ขณะที่ซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวย้ายข้อมูลถูกพบว่าเป็นตัวการที่ทำให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ หยุดชะงัก การเคลื่อนย้ายข้อมูลจะต้องปรับเปลี่ยนไปใช้ในระบบจัดเก็บข้อมูลที่สามารถย้ายข้อมูลบนการเชื่อมต่อของ Fibre Channel ความเร็วสูงโดยไม่ต้องไปรบกวนการทำงานของ  ตัวประมวลผลสำหรับแอพพลิเคชั่น สิ่งนี้จะเป็นสิ่งสำคัญเพิ่มขึ้นสำหรับการโยกย้ายข้อมูลในระหว่างการอัพเกรดสตอเรจไปยังระบบที่มีความจุมากขึ้นเรื่อยๆ

.

บทบาทของซีไอโอกำลังเปลี่ยนไปและมีหลายสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ นอกเหนือจากทิศทางด้านเทคโนโลยีของบริษัทแล้ว ซีไอโอยังต้องเข้าไปมีส่วนรร่วมในด้านการผลักดันธุรกิจให้ก้าวหน้าต่อไปด้วย

.

เทคโนโลยีจำนวนมากที่พร้อมใช้งานในตลาดขณะนี้ โดยที่สามารถช่วยซีไอโอจัดการกับความต้องการใหม่ๆ ได้ เทคโนโลยีใหม่ดังกล่าว ได้แก่ ชุดควบคุมระบบเสมือนจริงของสตอเรจ (Control Unit  Virtualization of Storage), การลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล (Data De-duplication),  การจัดสรรพื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ (Thin Provisioning) และระบบจัดเก็บข้อมูลเชิงบริการ (Services Oriented Storage) ซึ่งทั้งหมดจะช่วยให้ซีไอโอสามารถจัดการปัญหาด้านค่าใช้จ่าย การจัดการ และการจัดสรรทรัพยากรภายในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของตนได้

.

เมื่อเข้าสู่ปี 2551 ซีไอโอมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่างความต้องการด้านไอทีของบริษัทและความต้องการด้านธุรกิจ และดำเนินบนเส้นทางที่เหมาะสมระหว่างทั้งสองแนวทางโดยต้องแน่ใจว่าจะไม่มีเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งแซงหน้าอีกเส้นทางได้

.

สำหรับในประเทศไทยงานสำคัญของซีไอโอในปี 2551 ว่า ประเทศไทยกำลังประสบกับต้นทุนในการทำธุรกิจสูงขึ้น (เช่น ผลพวงจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา) การแข่งขันสูงขึ้น ผลกำไรต่อหน่วยที่ลดลง จึงส่งผลให้งบประมาณด้านไอที โดยเฉพาะการจัดเก็บข้อมูลลดลง ซึ่งสวนทางกลับการเติบโตและความสลับซับซ้อนของการจัดเก็บข้อมูล (เช่น อัตราการเติบโตของข้อมูล 25%-50% ต่อปี

.

ในขณะนี้งบประมาณด้านไอที ด้านจัดเก็บข้อมูล อาจจะไม่ได้เพิ่มหรือลดลงในบางองค์กร) เพื่อให้ผ่านพ้นในเรื่องดังกล่าว ซีไอโอ ต้องวางกลยุทธในการคัดเลือก สถาปัตยกรรม การจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมให้กับองค์กรของท่าน เช่น Storage Virtualization เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ เน็ตเวิร์คและระบบไอทีต่างๆ ของบริษัท

.

โดยลดภาระการดูแลระบบที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของขนาดและความซับซ้อนของระบบไอที Thin Provisioning เป็นการจัดสรรข้อมูล เพื่อช่วยบริษัทต่างๆ เพิ่มการใช้ประโยชน์ด้านสตอเรจ และ ด้านStorage Consolidation คือ การให้ระบบสตอเรจต่างๆ สามารถประสานการทำงานร่วมกันได้   โดยหากระบบการจัดเก็บข้อมูลสามารถใช้เทคโนโลยีดังกล่าวได้ จะนำไปสู่การช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะทำให้ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า และลดพื้นที่การจัดวางระบบสตอเรจ