นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปั๊มน้ำมันอิสระขนาดเล็กปิดตัวไปแล้ว 500-600 แห่ง และได้รับหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ว่า ผู้ค้าน้ำมันรายย่อยเดือดร้อน แต่เรื่องนี้ถือเป็นกลไกการค้าน้ำมันเสรี ต้องปล่อยให้ตลาดแข่งขันกัน ขณะเดียวกัน จากปัญหาน้ำมันแพง มีรถเปลี่ยนไปใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) จำนวนมาก และได้รับรายงานว่า บางจังหวัดมีปั๊มแอลพีจีเถื่อนจำหน่าย โดยนำก๊าซแอลพีจีจากโรงบรรจุไปลักลอบจำหน่ายแก่รถยนต์ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบและจะลงโทษหากพบผู้กระทำผิด และขอเตือนภาคประชาชน การใช้แอลพีจีหากติดตั้งไม่เหมาะสม เกิดการรั่วไหลจะเป็นอันตรายถึงขั้นไฟลุกไหม้และระเบิดได้ นอกจากนี้ ภาครัฐมีแผนลอยตัวแอลพีจีสำหรับยานยนต์ในอนาคต ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยหากพื้นที่ใดมีเอ็นจีวีก็ควรจะเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีจะดีกว่า เพราะประหยัดและปลอดภัยกว่า

สำหรับยอดการใช้แอลพีจีสำหรับรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. –มิ.ย.49 ) ได้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 25.2 เป็น 33.6 กิโลกรัม/เดือน สวนทางกับยอดการใช้น้ำมันของประเทศที่ลดต่ำลง โดยเฉพาะเบนซินที่ลดลงร้อยละ 3 จากเฉลี่ยวันละ 20.4 ล้านลิตร เหลือ 19.7 ล้านลิตร/วัน ส่วนดีเซลลดลงร้อยละ 9.3 จากเดิมเฉลี่ย 58 ล้านลิตร/วัน เหลือ 52.6 ล้านลิตร/วัน ดีเซลลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 ส่งผลให้ยอดนำเข้าน้ำมันลดลง ในแง่ปริมาณได้ลดลงอย่างมาก จาก 848,000 บาร์เรล/วัน เหลือ 833,000 บาร์เรล/วัน แต่จากราคาตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาดที่ราคาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36.5 (ราคาน้ำมันดิบดูไบ เพิ่มจาก 55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาเป็น 72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล) ทำให้มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ถึงร้อยละ 29.7 หรือปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 376,197 ล้านบาท โดยคาดว่าทั้งปีมูลค่านำเข้าจะเพิ่มเป็นกว่า 700,000 ล้านบาท เพิ่มจากที่ปีที่แล้วมีมูลค่านำเข้าเพียง 645,000 ล้านบาท

ส่วนปริมาณนำเข้าทั้งปี แม้ว่าอาจจะไม่ลดลงถึงร้อยละ 10 ตามแผนของรัฐบาล แต่ก็คาดว่าจะลดลงได้ดีเหลือเพียง 820,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนการส่งออกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สร้างรายได้แก่ประเทศเป็นมูลค่า 83,753 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 นับเป็นมูลค่า 27,568 ล้านบาท และการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.9 สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่า 56,185 ล้านบาท