เนื้อหาวันที่ : 2008-02-05 10:39:57 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1554 views

ล็อกซเล่ย์ ควง 3 ยักษ์ใหญ่ออสซี่ บุกตลาดระบบรักษาความปลอดภัยเมืองไทย

ล็อกซเล่ย์ รุกธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย ควง 3 ยักษ์ใหญ่ในวงการระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย เผยโฉมผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์ BQT, Microlatch และ Rhino นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลกบุกตลาดเมืองไทย

.

ล็อกซเล่ย์ เปิดศักราชปี 51 รุกธุรกิจระบบรักษาความปลอดภัย ล่าสุดเปิดตัวบริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี จำกัด พร้อมควง 3 ยักษ์ใหญ่ในวงการระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย เผยโฉมผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์ BQT, Microlatch และ Rhino นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก

 .

บริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี จำกัด ในเครือบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ 3 บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมระบบรักษาความปลอดภัยจากออสเตรเลีย ได้แก่ บริษัท บีคิวที โซลูชั่น บริษัท ไมโครแลทช์ กรุ๊ป และบริษัท ไรโน เทคโนโลยี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BQT, Microlatch และ Rhino ในงาน "Securing Your Future in 2008" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 6 กุมภาพันธ์ 2551 ณ ชั้น 18 อาคารล็อกซเล่ย์ คลองเตย โดยนำนวัตกรรม ด้านระบบรักษาความปลอดภัยชั้นนำจาก 3 แบรนด์ดังส่งตรงจากออสเตรเลียมาจัดแสดง พร้อมสาธิตอุปกรณ์และวิธีการใช้งานให้ชมอย่างใกล้ชิด

 .

มร.เกรแฮม สโตราห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล-แทค เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบรักษาความปลอดภัยและระบบควบคุมการเข้าออกชั้นนำจากออสเตรเลีย เปิดเผยว่า บริษัทแอลแทค เทคโนโลยี จำกัด ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัท กิลลอน จากประเทศออสเตรเลีย จุดประสงค์เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย หรือ TAFTA ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ในแง่การลดกำแพงภาษีสินค้าหลายๆรายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้านระบบรักษาความปลอดภัยที่บริษัทฯ เล็งเห็นว่าน่าจะมีโอกาสสูงในการนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะสามารถนำเข้าสินค้าประเภทนี้ที่มีคุณภาพสูงได้ในราคาที่ต่ำลงเรื่อยๆ

 .

"ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในเมืองไทยกำลังมีความตื่นตัวสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงิน องค์กรใหญ่ๆ บริษัทเอกชนและหน่วยงานราชการ หรือแม้แต่บ้านเรือนทั่วไปก็ยังนิยมติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของตลาดมีการเติบโตสูงมาก เฉลี่ยร้อยละ 30 ต่อปี โดยมีมูลค่ารวมในตลาดประมาณ 5 พันล้านบาท จึงเป็นโอกาสอันดีที่บริษัท แอล-แทคฯ จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อนำสินค้าและเทคโนโลยีใหม่ๆ จากออสเตรเลียเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง"  มร.เกรแฮม กล่าว

 .

กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล-แทคฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการศึกษาและวิจัยตลาด พร้อมทั้งทดสอบอุปกรณ์ต่างๆอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์นำเข้ามาทำตลาดให้เหมาะสม ซึ่งประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ บีคิวที (BQT), ไมโครแลทช์ (Microlatch) และ ไรโน (Rhino) ทั้ง 3 แบรนด์มีผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ตั้งแต่ลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ กลุ่มครัวเรือน และกลุ่มเจ้าของรถยนต์ เรือ หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น (Dealer) 

 .

โดยเน้นจุดเด่นที่คุณภาพของสินค้าและการให้บริการหลังการขายในราคาที่เหมาะสม มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนสำหรับจุดเด่นของ BQT เป็นระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) ที่มาพร้อมกันทั้งฮาร์ดแวร์ ISC และ SRM ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ SMAX ที่ง่ายต่อการใช้งาน ควบคุมและดูแล ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลัก

 .

ในส่วนของ Rhino มีสินค้า 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1. Rhino กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบป้องกันการขโมยสำหรับรถยนต์ เรือและพาหนะต่างๆ 2. Watchguard กลุ่มผลิตภัณฑ์สัญญาณเตือนภัยและระบบดูแลรักษาความปลอดภัยในบ้าน อาคาร และสำนักงาน จัดเป็นแพ็คเกจที่ลูกค้าสามารถติดตั้งได้เอง 3. Securview กลุ่มผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิด (CCTV) และเครื่องบันทึกภาพเคลื่อนไหว (DVR)

 .

และสุดท้าย Microlatch เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเอาเทคโนโลยีการอ่านลายนิ้วมือและเทคโนโลยีไร้สายมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยของระบบควบคุมการเข้า-ออกแบบเดิม ๆให้สูงขึ้นอย่างง่ายดายด้วยราคาที่ไม่แพง ในโอกาสนี้ Microlatch ได้ถือโอกาสเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ BioFob ll เป็นครั้งแรกของโลกด้วย ซึ่ง BioFob ll เป็นสุดยอดนวัตกรรมระบบควบคุมการเข้า-ออก ที่เพิ่มความสะดวกสบายด้วยการรวมเทคโนโลยีการอ่านลายนิ้วมือ และรีโมทคอนโทรลแบบไร้สาย เข้าไว้ด้วยกัน สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานแบบต่างๆได้หลากหลาย เช่น การเปิดปิดประตูเข้าออกในอาคาร หรือรถยนต์

 .

มร.เกรแฮม กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ด้วยเทคโนโลยี คุณภาพและราคาที่เหมาะสม จะทำให้สินค้าทั้ง 3 แบรนด์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะมีผู้สนใจสมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นี้เป็นจำนวนมาก คาดว่าไม่ต่ำกว่า 50 รายในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯจะทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด โดยพร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านการทำตลาด การฝึกอบรมและด้านเทคโนโลยีต่างๆ