เนื้อหาวันที่ : 2008-01-24 18:36:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1744 views

จีเอ็ม ครองแชมป์! ยอดขายทั่วโลกทะลุเป้า 9 ล้านคัน 3 ปีซ้อน

เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สร้างยอดขายทะลุ 1 ล้านคันในจีน สร้างสถิติใหม่ให้กับจีเอ็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ มียอดจำหน่ายที่ดีที่สุดในยุโรป ละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 95 ในรัสเซีย

.

เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สร้างยอดขายทะลุ 1 ล้านคันในจีน สร้างสถิติใหม่ให้กับจีเอ็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสร้างสถิติยอดจำหน่ายที่ดีที่สุดในยุโรป ละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลางผู้นำด้านยอดขายในตลาดประเทศเศรษฐกิจใหม่ซึ่งมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 95 ในรัสเซีย

.
ตามรายงานข้อมูลยอดจำหน่ายเบื้องต้นโดย เจนเนอรัล มอเตอร์ส เปิดเผยว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมา จีเอ็มมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก เป็นจำนวนทั้งสิ้น 9,369,524 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปี 2549 และสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว จีเอ็มมียอดจำหน่ายทั่วโลกอยู่ที่ 2,305,752 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549
.

"ในประเทศจีน เราสร้างสถิติยอดจำหน่ายได้มากกว่า 1 ล้านคัน ส่วนในประเทศรัสเซีย เราจำหน่ายรถยนต์ไปแล้วกว่า 258,000 คัน ทำลายทุกสถิติด้วยยอดขายที่มากกว่าปี 2549 เกือบสองเท่า และสำหรับประเทศบราซิล เราจำหน่ายรถยนต์ไปเกือบ 5 แสนคัน

.

ผลงานในตลาดประเทศเศรษฐกิจใหม่เหล่านี้ช่วยกระตุ้นผลประกอบการทั่วโลกของจีเอ็ม แสดงให้เห็นการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั่วโลกต่อรถยนต์ประหยัดพลังงาน และมีรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและการสร้างสรรค์ของเรา" มร. จอห์น มิดเดิลบรู๊ค รองประธาน ฝ่ายขาย การบริการ และการตลาดทั่วโลก บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์เปอเรชั่น กล่าว

.

ยอดจำหน่ายทั่วโลกในปี 2550 นับว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดอันดับที่สองบนหน้าประวัติศาสตร์ 100 ปีของจีเอ็ม และเป็นปีที่สามติดต่อกันที่จีเอ็มมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า 9 ล้านคัน นับตั้งแต่ปี 2548 2549 และ 2550 และเป็นครั้งที่สี่เมื่อรวมกับสถิติในปี 2521

.

นับว่าสถานการณ์ในตลาดโลกของจีเอ็มในขณะนี้ ได้สร้างแรงผลักดันยอดขายให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดของประเทศที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับปี 2549 ยอดจำหน่ายทั่วโลกของเชฟโรเลตซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดของจีเอ็มนั้น เติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 4 จาก 4.30 ล้านคันในปี 2549 เป็น 4.49 ล้านคัน ในปี 2550 ซึ่งเชฟโรเลตสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้ดีใน 3 ทวีปนอกอเมริกาเหนือ

.

โดยผลงานที่ดีที่สุดเป็นของทวีปยุโรป ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 34 ด้วยยอดขาย 208,000 คัน ส่วนในละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 23 ส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโตขึ้นร้อยละ 22 ด้วยแรงหนุนจากเชฟโรเลต อาวีโอ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเชฟโรเลตในตลาดโลกได้เป็นอย่างดี

.

ในปี 2550 จีเอ็มยังคงรักษาสถิติการจำหน่ายรถกระบะทั่วโลกไว้ด้วยจำนวน 3.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 33,000 คัน จากปี 2549 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 1 โดยเป็นรถกระบะจากเชฟโรเลต 1.96 ล้านคัน ส่วนแบรนด์จีเอ็มซี มียอดขาย 613,000 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6 เทียบกับจำนวน 579,000 คันในปี 2549 ด้านแบรนด์วู่หลิง ก็สามารถสร้างสถิติที่โดดเด่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

.

 

ด้วยยอดจำหน่ายรถกระบะ รถกระบะขนาดเล็ก และรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก รวมทั้งสิ้น 516,000 คัน มีอัตราเติบโตร้อยละ 24 นอกจากนั้นในตลาดรถอเมริกัน จีเอ็มยังมีส่วนแบ่งการตลาดของรถกระบะขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.2 คิดเป็นยอดรวมร้อยละ 40.2 อีกด้วย

.

ส่วน คาดิลแลคยังคงรักษาความแข็งแกร่งของยอดจำหน่ายทั่วโลกนอกตลาดอเมริกาเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 ในยุโรป และร้อยละ 42 ในละตินอเมริกา แอฟริกาและตะวันออกกลาง แต่สถิติที่น่าประทับใจที่สุดยังคงเป็นผลงานจากเอเชียแปซิฟิกด้วยอัตราการเติบโตของยอดขายที่ทะยานขึ้นไปกว่าร้อยละ 106 ทีเดียว

.

สำหรับผลงานประจำปี 2550 ของซาบ ก็ไม่น้อยหน้าด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง ตามมาด้วยร้อยละ 5 ในเอเชียแปซิฟิก ส่วนในยุโรป ซาบยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่ร้อยละ 0.4 และด้วยการเพิ่มไบโอพาวเวอร์ให้กับรุ่น 9-3 ซึ่งทำให้ซาบครองความเป็นผู้นำตลาดสำหรับเครื่องยนต์ E-85 ในยุโรปต่อไป

.

ทั้งนิ้ สถิติที่โดดเด่นในด้านยอดจำหน่ายทั่วโลกของจีเอ็ม ประกอบด้วย ในปี 2550 จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 9.37 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีก่อน โดยในไตรมาสที่สี่มียอดขาย 2.31 ล้านคัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

.

โดยเป็นยอดขายนอกสหรัฐอเมริกา 5.5 ล้านคัน คิดเป็นร้อยละ 59 ของยอดขายทั่วโลก นับเป็นอัตราที่เพิ่มสูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างมาก ซึ่งในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์โลกมีการขยายตัวของตลาดอย่างเห็นได้ชัด โดยมีจำนวนรถยนต์เกือบ 71 ล้านคันในตลาด

.

แบรนด์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด 3 อันดับแรกของจีเอ็มในปี 2550 ได้แก่ อันดับหนึ่ง เชฟโรเลต จำนวนยอดขาย 4.9 ล้านคัน อัตราการเติบโตร้อยละ 4 อันดับที่สอง โอเปิล และ วอกซ์ฮอลล์ 1.69 ล้านคัน เติบโตร้อยละ 4 เช่นกัน ส่วนอันดับที่สาม คือจีเอ็มซี ด้วยยอดขาย 613,000 คัน เติบโตร้อยละ 6

.

ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์ไปกว่า 1.43 ล้านคัน สร้างสถิติยอดขายทะลุ 1 ล้านคันติดต่อกันเป็นปีที่สาม โดยในประเทศจีน จีเอ็มมีอัตราการเติบโตถึงกว่าร้อยละ 18 โดยจำหน่ายได้ 382,000 คันในไตรมาสที่สี่ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปี 2549 แซงหน้าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน

.

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยจำนวนรถยนต์ 1.03 ล้านคันที่จีเอ็มจำหน่ายในจีนเมื่อปี 2550 ทำให้จีเอ็มกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่สร้างยอดขายเกิน 1 ล้านคัน ส่วนในอินเดีย จีเอ็มยังคงเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ๆ ด้วยยอดขายที่มีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 74 ด้วยแรงผลักดันจากการเปิดตัวเชฟโรเลต สปาร์ค ผนวกกับความแรงอย่างต่อเนื่องของ เชฟโรเลต ทาวีรา อาวีโอ และออพตร้า

.

ส่วนในละตินอเมริกา แอฟริกา และภูมิภาคตะวันออกกลางนั้น จีเอ็มทุบทุกสถิติด้วยยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวน 1.23 ล้านคัน เติบโตจากปี 2549 ร้อยละ 19 และสร้างสถิติยอดจำหน่ายเกิน 1 ล้านคันเป็นครั้งที่สอง สำหรับไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์ 341,000 คัน มีอัตราเติบโตที่ร้อยละ 18 ซึ่งการเติบโตของตลาดหลักในสามภูมิภาคดังกล่าวยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบราซิลที่สร้างสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดด้วยจำนวน 499,000 คัน ด้วยเชฟโรเลต 3 รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ เชฟโรเลต คอร์ซา อาวีโอ และ เซลต้า

..

ในยุโรป จำนวนรถยนต์ที่จำหน่ายออกสู่ตลาดของจีเอ็มยังพุ่งทะยานเกิน 2.18 ล้านคันเป็นปีที่สอง ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 9 โดยมียอดขายในไตรมาสที่สี่ 529,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปี 2549 และยังคงเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมรถยนต์ในภูมิภาคเช่นกัน โดยเฉพาะยอดขายทั้งปีกว่า 250,000 คัน ของประเทศรัสเซีย

.

สร้างสถิติใหม่ด้วยอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 95 หรือเกือบสองเท่าของปี 2549 สำหรับแบรนด์โอเปิล ว็อกซ์ฮอลล์ เชฟโรเลต และคาดิลแลค ก็ยังมียอดจำหน่ายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นคอร์ซา แอสตร้า เมอริวา และ ซาฟิรา ที่ช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายให้แก่โอเปิลและวอกซ์ฮอลล์ขึ้นเป็นร้อยละ 4 โดยสถิติยอดจำหน่าย 458,000 คันนั้นเป็นของเชฟโรเลตที่มีอัตราการเติบโตร้อยละ 34 และคาดิลแลคตามมาที่ร้อยละ 45 ในขณะที่ซาบตามมาด้วยยอดจำหน่ายรวม 85,000 คัน

.

 สถิติเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า รถยนต์แบรนด์ต่างๆ ในเครือจีเอ็มมีอัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ แบรนด์ระดับภูมิภาคอื่นๆ ของจีเอ็มที่มีผลงานโดดเด่นไม่แพ้กัน อาทิ แซทเทิร์น มีอัตราการเติบโตของยอดขายในอเมริกาเหนือกว่าร้อยละ 8 ในปี 2550 โดยส่วนมากเป็นผลงานจากความนิยมในรุ่น ออรา 2007 ออรา ไฮบริด สกาย เอาท์ลุค วิว และ วิว กรีนไลน์ ไฮบริด

.

ด้วยตำแหน่งรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองในตลาดรถยนต์ออสเตรเลีย จีเอ็ม โฮลเด้น มียอดจำหน่าย 158,000 คัน ในปี 2550 ด้วยแรงหนุนจากยอดขายที่ครองอันดับหนึ่งในประเทศออสเตรเลียติดต่อกันเป็นปีที่ 12 ของ คอมโมดอร์ และที่สำคัญ ในปี 2551 แบรนด์รถยนต์ที่พัฒนาขึ้นในออสเตรเลียเป็นรายแรกนี้จะมีอายุครบ 60 ปี