ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย นอกจากมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกให้เป็นผู้เครื่องปรับอากาศชั้นนำหลายแบรนด์ดัง
ปัจจุบันการบริหารสมัยใหม่ส่วนใหญ่จะเน้นที่การฝึกอบรมและพัฒนา แต่ที่นี่ส่วน
|
||||||||
. | ||||||||
อัตราการเข้าออกของพนักงานก็น้อยลง" เหล่านี้เป็นแนวคิดของ คุณสมยศ กีรติชีวนันท์ กรรมการบริหาร บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีต่อการดำเนินงานและจากการที่กองบรรณาธิการได้มีโอกาสเยี่ยมชมและสัมผัสกับการทำงานที่โรงงานแห่งนี้ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เป็นกันเองและมีความสุขกับการทำงานด้วยอากาศที่เย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในโรงงานเพื่อช่วยให้คนงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าอากาศภายนอกจะร้อนมากก็ตาม |
||||||||
. | ||||||||
ซึ่งปัจจุบัน บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย นอกจากมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองแล้ว ยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกให้เป็นผู้เครื่องปรับอากาศชั้นนำหลายแบรนด์ดัง ภายใต้การบริหารของคุณสมยศ กีรติชีวนันท์ หัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จดังกล่าว ซึ่งได้ให้เกียรติมาพูดคุยกันถึงความเป็นมาของบริษัท แผนการดำเนินงาน วิสัยทัศน์ และปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ผ่านมากว่า 20 ปี |
||||||||
|
||||||||
ต่อยอดความสนใจสู่ความสำเร็จ |
||||||||
สำหรับความสำเร็จในปัจจุบันของบิทไว้ส์นั้น เริ่มต้นจากความความสนใจในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาเป็นหลัก ซึ่งคุณสมยศได้เล่าว่า หลังจากเรียนจบมาก็คลุกคลีอยู่ในวงการเครื่องทำความเย็นมาโดยตลอด และได้มีโอกาสไปศึกษางานที่สิงคโปร์ เพราะเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน สิงคโปร์เป็นตลาดที่ผลิตตู้เย็นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งตอนนั้นซันโยติดตลาดในประเทศไทยแต่มีการผลิตไม่มาก ในขณะที่สิงคโปร์ผลิตได้วันละหลายร้อยตัว และเป็นตู้เย็นแบบ 2 ประตู ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยยังไม่มี ทำงานมาประมาณ 10 ปี จึงได้มาเปิดโรงงานเป็นของตัวเอง คือนอกเหนือจากเป็นผู้ผลิตทางด้านอุตสาหกรรมแล้ว ก็ยังได้ทำงานทางด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณสมยศมีความสนใจเป็นพิเศษอีกด้วย |
||||||||
. | ||||||||
คุณสมยศได้กล่าวเสริมว่า "แต่เดิมงานทางด้านการวิจัยและพัฒนานั้น คนจะมองว่าเป็นงานที่ต้องเสียเงิน อุตสาหกรรมส่วนใหญ่จึงได้ให้ความสำคัญแต่กับการผลิตเป็นหลัก ซึ่งถ้าเป็นสมัยก่อนที่ประเทศจีนยังไม่เป็นแหล่งผลิตรายใหญ่โลก เราก็ยังรู้สึกเพลิดเพลินอยู่ เพราะเราผลิตอะไรก็สามารถขายได้ แต่ตอนนี้ประเทศจีนเขามีการเปิดประเทศ แล้วมาแข่งขันกับเรา กลายเป็นว่าสินค้าที่เราผลิตแพงกว่าของประเทศจีน ซึ่งถ้าผู้ผลิตเจ้าไหนไม่มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ก็จะเป็นการเสียเปรียบต่อคู่แข่ง" |
||||||||
. | ||||||||
"และทุกวันนี้ที่เราอยู่ได้เพราะว่าเรามีการออกแบบที่ไม่เหมือนกับสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งต่อยอดมาจากการวิจัยและพัฒนาของเราเองเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันที่โรงงานของเรามีการทำ R&D อย่างต่อเนื่องและยังมีห้องทดสอบเครื่องทำความเย็นถึง 9 ห้อง ซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย และยังได้รับมาตรฐานสากลจาก สมอ.17025 ที่ว่าด้วยมาตรฐานห้องทดสอบทางด้านประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศอีกด้วย" |
||||||||
. | ||||||||
"อย่างในส่วนของเครื่องปรับอากาศ ถ้ามีการเทียบประสิทธิภาพเบอร์ 5 จะมีค่ามาตรฐานการทำงานของเครื่องเท่ากับ 10.6-11 บีทียูต่อวัตต์ แต่ที่แผนก R&D ของบิทไวส์เราสามารถพัฒนาเครื่องปรับอากาศให้สามารถทำประสิทธิภาพได้สูงถึง 15 บีทียูต่อวัตต์ ซึ่งนับว่าเป็นการวิจัยและพัฒนาที่เหนือคู่แข่งเลยทีเดียว" คุณสมยศกล่าว |
||||||||
. | ||||||||
ก้าวแรกความสำเร็จสู่การผลิตแบบครบวงจร |
||||||||
คุณสมยศ ได้เล่าถึงความเป็นมาของบริษัทว่า บริษัท บิทไวส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 โดยเริ่มต้นจากพนักงานเพียง 26 คน จนถึงปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 500 คน ธุรกิจหลักคือผลิตเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น และรับจ้างผลิตเครื่องปรับอากาศให้กับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก นอกเหนือจากที่ประเทศไทยแล้ว บิทไว้ส์ก็ยังมีโรงงานที่เซี้ยงไฮ้ (SHANGHAI BITWISE ELECTRIC MOTOR & APPLIANCE CO., LTD) อีก 2 โรงซึ่งมีจำนวนพนักงาน 800 คน ทำธุรกิจหลักคือผลิตมอเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และฉีดพลาสติก |
||||||||
. | ||||||||
คุณสมยศกล่าวว่า "สำหรับการผลิตในประเทศไทยนั้น เรามีการผลิตเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นแบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ชั้นนำ ทาซากิ (Tasaki) ซึ่งบริษัทสามารถสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมาถึง 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากตลาดส่งออก 70% และตลาดในประเทศอีก 30% และนอกเหนือจากการผลิตแบรนด์ Tasaki ที่เป็นแบรนด์ของเราเองแล้ว เรายังรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ เพื่อส่งออกไปยังกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิเช่น เยอรมัน บราซิล สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา หรือกลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10,000 เครื่องต่อเดือน" |
||||||||
. | ||||||||
ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศจีนนั้น คุณสมยศเล่าว่า "ปัจจุบันตลาดในประเทศจีนมีการแข่งขันกันสูงมากทั้งในเรื่องของราคาและคุณภาพของสินค้า อย่างที่จีนเรามีโรงงานผลิตมอเตอร์ ถ้าเราต้องการกำไรเยอะ เราก็ต้องมีการผลิตมอเตอร์ที่เยอะขึ้นเพราะต้นทุนจะได้ถูกลงและสามารถสู้ราคาได้ แต่ผมไม่อยากให้มองประเทศจีนเป็นคู่แข่งเพียงอย่างเดียว เพราะบางอย่างจีนเขาสามารถทำได้ดีกว่า เราก็สามารถนำมาประยุกต์หรือผสมผสานเป็นชิ้นส่วนของเรา แล้วพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้นได้ ซึ่งตรงนี้เราสามารถใช้ความเป็นพันธมิตรทางการค้ามาเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อีกทาง
|
||||||||
. | ||||||||
เครื่องปรับอากาศสำหรับโรงงาน โดยอาศัยหลักการส่งลมเย็นตามท่อเพื่อให้ความเย็นแก่พนักงานตามจุดที่ยืนทำงานหน้าเครื่องจักร |
||||||||
. | ||||||||
ไฮบริดคูล ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุด |
||||||||
นอกจากเครื่องปรับอากาศที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทแล้ว ล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่มีชื่อว่า ไฮบริดคูล ภายใต้แบรนด์ Tasaki ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศภายนอกอาคาร หรือในอาคารที่ไม่มิดชิด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศที่ให้ประสิทธิภาพในการให้ความเย็นและลดความชื้นในอากาศ ซึ่งบิทไว้ส์ ได้ใช้เวลาในการวิจัยคิดค้นนานถึง 3 ปี และนำสู่ตลาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำหรับหลักการทำความเย็นของไฮบริดคูล จะมาจากการนำเอาวิธีการทำความเย็นสองแบบมารวมกันคือ เทคนิคการระบายน้ำผ่าน Evaporative Heat Exchange หรือ Cooling Pad |
||||||||
. | ||||||||
ซึ่งทำมาจาก Cellulose ชนิดพิเศษช่วยให้การระบายและการระเหยของความชื้นมีประสิทธิภาพสูง เมื่ออากาศไหลผ่าน Cooling Pad จะเกิดการระเหยของน้ำโดยดึงเอาความร้อนจากอากาศไปใช้ในการระเหย ส่งผลให้อากาศเย็นไหลเข้าสู่ระบบ และ Wind Chill Effect ก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยให้คนรู้สึกเย็นยิ่งขึ้น โดยการออกแบบที่คำนึงถึงรูปแบบลมธรรมชาติ และการกระจายลม เมื่ออากาศไหลผ่านผิวหนัง จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นเพิ่มขึ้น โดยสามารถรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลงได้อย่างน้อย 2๐C |
||||||||
. | ||||||||
"ระบบระบายอากาศภายนอกอาคารส่วนใหญ่จะมีข้อเสียตรงที่ก่อให้เกิดความชื้นเพิ่มขึ้น แต่ระบบของไฮบริดคูลนั้นอากาศที่ได้จะเย็นสบายและมีการระบายความชื้นอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้มีการเพิ่มความชื้นภายในอากาศเพียงแค่ 1.4-3.1 กรัม หรือคิดเป็น 5-10% ของความชื้นที่เพิ่มขึ้น โดยการระเหยปกติจะมีความชิ้นของอากาศประมาณ 18-25 กรัมต่ออากาศ 1 กิโลกรัม และด้วยสภาพของประเทศไทยที่มีลักษณะเป็นเขตร้อนชื้นพบว่าในช่วงเวลากลางวัน ในขณะที่อุณหภูมิสูงขึ้น ความชื้นสัมพัทธ์จะต่ำลง ซึ่งทำให้สามารถลดอุณหภูมิได้มากขึ้น และจากผลการทดสอบในเขตพื้นที่กรุงเทพ ฯ ในเดือนเมษายนพบว่า ระบบไฮบริดคูลสามารถลดอุณหภูมิความร้อนได้ถึง 10๐C เลยทีเดียว"
|
||||||||
|
||||||||
. | ||||||||
คุณสมยศกล่าวเพิ่มเติมว่า "ไฮบริดคูล ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับตลาดที่ต้องการความเย็น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นโรงงาน รวมถึงสถานที่จัดงานแสดง และร้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งบริษัทมีทั้งขายขาดและให้เช่า ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งไฮบริดคูลยังถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพที่สูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดไฟฟ้าอีกด้วย จึงมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมียอดขายผลิตภัณฑ์น้องใหม่ตัวนี้ได้มากกว่า 3,000 เครื่อง หรือประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี" |
||||||||
. | ||||||||
อัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง |
||||||||
"แม้ว่าในปีนี้สภาวะทางเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย อันเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศ ปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางด้านการลงทุนของผู้ประกอบการทั้งในประเทศและจากสภาวการชะลอตัวการลงทุนจากต่างประเทศ อีกทั้งประเทศไทยที่ประสบกับปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว ส่งผลกระทบต่อตลาดการส่งออกซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ถึง 70 % ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จึงไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ก็ถือว่าเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาจจะรักษาระดับหรือเติบโตกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อย คงไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์" |
||||||||
. | ||||||||
ซึ่งเพียงแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว เพราะถ้ามองจากยอดการผลิตในปีนี้เรามียอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่เม็ดเงินที่ได้เข้ามาน้อยลง เพราะค่าเงินบาทแข็ง อีกทั้งในส่วนของวัตถุดิบที่เป็นเหล็กบางส่วนที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศก็มีราคาสูงขึ้น ทำให้เรามีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นตามมา เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเร่งปรับตัวด้วยการทำผลิตภัณฑ์ของเราให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจของไทยโดยรวมน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น |
||||||||
. | ||||||||
โดยเราคาดหวังว่าจะโตกว่าปีนี้สัก 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็อยู่ในระดับที่เราจะสามารถทำได้ อีกทั้งตลาดในประเทศไทยก็ยังมีความต้องการใช้งานเครื่องปรับอากาศที่สูงอยู่ หรือแม้แต่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ไฮบริดคูล ก็น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังจากที่เรามีนโยบายจะทำการตลาดอย่างจริงจังในปีหน้า” คุณสมยศกล่าว | ||||||||
. | ||||||||
ช่องทางการจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ |
||||||||
นอกเหนือจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจของลูกค้าแล้ว บิทไว้ส์ยังมีดีลเลอร์ที่ครอบคลุมการจำหน่ายทั่วประเทศทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และการบริการ “ปัจจุบันในส่วนของไฮบริดคูลเรามีดีลเลอร์ทั่วประเทศ 200 เจ้า นอกเหนือจากนั้น |
||||||||
. | ||||||||
"เรายังมีการให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับประโยชน์ของตัวผลิตภัณฑ์ผ่านทางสื่อต่าง ๆ ทั้งสิ่งตีพิมพ์ และผ่านทาง UBC เรามีการออกอีเวนต์หรือจัดแสดงสินค้า หรือเชิญผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมการใช้ผลิตภัณฑ์กับที่ทำงานและดูสถานที่ติดตั้งจริง ซึ่งผลตอบรับจากการทำกิจกรรมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำให้ลูกค้ารู้จักผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น" |
||||||||
. | ||||||||
"ส่วนในเรื่องของคู่แข่งนั้น ตอนนี้ก็มีบางเจ้านำสินค้าประเภทนี้ที่ผลิตจากจีนเข้ามาจำหน่าย ซึ่งก็ไม่น่ากลัวเนื่องจากเรามีความได้เปรียบหลายด้านทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีที่เราคิดค้นเอง ทั้งในเรื่องของอายุการใช้งานที่ยาวนาน หรือแม้แต่อะไหล่ของสินค้าหากต้องมีการซ่อมหรือเปลี่ยน เราก็สามารถทำได้เนื่องจากเป็นสินค้าที่เราผลิตเอง อีกทั้งเรามีความพร้อมทั้งในเรื่องบุคลากรที่มีความชำนาญ หรือการบริการหลังการขายที่เรามีความพร้อมกว่า" |
||||||||
. | ||||||||
ซึ่งหากเป็นสินค้าที่นำเข้ามาก็อาจจะมีปัญหาเมื่อมีการใช้งานมาเป็นเวลานาน หรือชิ้นส่วนของอะไหล่ที่ตกรุ่นซึ่งไม่สามารถซ่อมหรือเปลี่ยนได้ เราจึงไม่ห่วงเรื่องส่วนแบ่งการตลาดตรงนี้ เพราะสุดท้ายคือลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่าอย่างแน่นอน” คุณสมยศกล่าวเพิ่มเติม |
||||||||
. | ||||||||
จุดแข็งของการดำเนินงาน |
||||||||
สำหรับความได้เปรียบของบิทไว้ส์นั้น จะเป็นในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมามีคุณภาพสูง ได้รับความไว้วางใจแก่ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง "เรามีความสามารถที่จะสนองตอบต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม เรามีการวิจัย ออกแบบสินค้าได้ตามความต้องการ เรามีการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างดีเพื่อนำมาใช้ในการผลิต เรายังได้นำเทคโนโลยีการออกแบบที่มีความประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Eco-design เข้ามาใช้กับผลิตภัณฑ์ของเราด้วย |
||||||||
. | ||||||||
จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าสินค้าที่เราผลิตจะมีคุณภาพสูง ผ่านการทดสอบเป็นอย่างดี เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน นอกเหนือจากคุณภาพของสินค้าแล้ว เรายังมีจุดแข็งในด้านของประสบการณ์การทำงานที่มีมากว่า 20 ปี ซึ่งทำให้เรามีความเชี่ยวชาญทางด้านเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะ อีกทั้งจุดเด่นของเราอีกอย่างก็คือการบริการหลังการขายที่พร้อมทั้งในส่วนของเราเองและในส่วนของดีลเลอร์ที่คอยบริการแก่ลูกค้าหากเกิดปัญหาในตัวสินค้าขึ้น" คุณสมยศกล่าว |
||||||||
. | ||||||||
นโยบายแห่งความสำเร็จ |
||||||||
ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และใฝ่รู่ เป็นสิ่งที่คุณสมยศได้ปลูกฝังให้กับพนักงานทุกคนของบิทไว้ส์ตั้งแต่ดำเนินงานมา"พนักงานทุกระดับชั้นร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ไม่ได้แบ่งชั้นระดับเจ้านายหรือลูกน้อง แต่อยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง ผู้บริหารดูแลความทุกข์สุขของพนักงาน ตั้งแต่ความเป็นอยู่จนถึงชีวิตครอบครัว ในส่วนของผู้บริหารเองก็ต้องทุ่มเทแล้วก็สอนงานแก่ลูกน้อง การทำงานไม่มีเคล็ดลับอะไร เพียงแต่ให้ขยันทำงาน มีความอดทน และก็ซื่อสัตย์ทั้งต่องานของตนเองและก็ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซื่อสัตย์ต่อซัพพลายเออร์ |
||||||||
.. | ||||||||
ที่นี่เราทำงานมา 20 ปี การนัดหมายจ่ายชำระเงินให้ลูกค้าไม่มีบิดพลิ้ว ไม่เคยเช็คเด้ง ไม่มีการดึงเงิน แม้แต่วันเดียวก็ไม่ทำ ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัทเราเลย ทำให้ทุกคนอยากจะคบค้ากับเรา ซัพพลายเออร์ก็อยากจะขายของให้บิทไวส์ ลูกค้าเราเองถ้ามีปัญหาอะไรเราก็รับผิดชอบเต็มที่ นอกจากขยัน อดทน และซื่อสัตย์แล้ว เพิ่มเข้าไปอีกอย่างคือต้องใฝ่รู้ด้วย จึงจะทำให้การดำเนินงานมีการพัฒนาและประสบความสำเร็จ” คุณสมยศกล่าวทิ้งท้าย |
||||||||
. | ||||||||
จากที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานและความสำเร็จของ บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่พร้อมบริการลูกค้าด้วยสินค้าคุณภาพอย่างต่อเนื่อง จากประสบการณ์ดำเนินงานมายาวนาน ผนวกกับความไม่หยุดนิ่งในการการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน จึงทำให้วันนี้ของบิทไว้ส์ ยังคงได้รับไว้วางใจจากลูกค้าและประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง |