
กรุงเทพมหานคร – AVEVA ผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมได้เผยแนวทางเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับภาค อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยให้สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG) โดย Thomas Phang ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ของ AVEVA ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงการผลิตให้ทันสมัยและยั่งยืนจะต้องอาศัยเทคโนโลยีสะอาดที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานและความคาดหวังของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าที่ยั่งยืน โดยนำเสนอแพลตฟอร์ม AVEVA CONNECT และโซลูชันต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อุตสาหกรรม (Industrial AI) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทลายไซโลข้อมูล ช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการแบ่งปันข้อมูลระหว่างแผนก ทีม หรือกลุ่มต่าง ๆ ภายในองค์กร และเสริมความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันทางเศรษฐกิจและความยั่งยืน พร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จจาก SCG Chemicals และ B.Grimm Power ในประเทศไทย และ Schneider Electric’s Smart Factory ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ตอกย้ำว่าการลงทุนดิจิทัลตามแนวทาง BCG สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สูงควบคู่ไปกับผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

Thomas Phang ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)
BCG Model: กรอบการทำงานแห่งอนาคต ลดปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูล
Thomas Phang กล่าวว่า โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ของประเทศไทย ถือเป็นกรอบการทำงานที่มองไปข้างหน้าเพื่อการเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน โมเดลนี้มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมหลัก 4 ประเภท ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร 2.อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ 3.อุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพ ชีววัสดุ และชีวเคมี และ 4.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 21% ของ GDP ณ ปี 2566 และมีเป้าหมายที่จะบรรลุ 24% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยการผสานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้อุตสาหกรรมไม่สามารถพึ่งพาระบบเครือข่ายสารสนเทศที่แยกจากกันและขาดการเชื่อมต่อได้อีกต่อไป ด้วยข้อมูลที่ขาดหายและข้อมูลเชิงลึกที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับองค์กรในการมองเห็นภาพรวมประสิทธิภาพทั้งหมดและเพิ่มประสิทธิภาพในระดับขนาดใหญ่ทั้งองค์กร AVEVA เสนอแนวทางที่จำเป็นคือการทลายไซโลข้อมูล ไม่เพียงแค่การเชื่อมโยงเทคโนโลยีและข้อมูลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทลายกำแพงความคิดและวัฒนธรรม เพื่อให้ทีมงานต่าง ๆ ชุมชน และแม้แต่คู่แข่งสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกข้ามขอบเขตขององค์กร การค้า และภูมิศาสตร์ สำหรับประเทศไทย นี่หมายถึงการสร้างระบบนิเวศที่เกษตรกร โรงงานผู้ผลิต สาธารณูปโภค และผู้ให้บริการ สามารถทำงานร่วมกันโดยใช้ข้อมูลคุณภาพสูงร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โตอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

AVEVA CONNECT: แพลตฟอร์มหลักสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลตามโมเดล BCG
Thomas เน้นว่า กรอบการทำงาน BCG สนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้โดยตรง ด้วย การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ มุ่งเพิ่มการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และนำนวัตกรรมมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศไทยตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดย AVEVA จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและการผลิต ไปจนถึงพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน และทางทะเล เพื่อมอบข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมที่ชาญฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านการเข้าถึงข้อมูลอุตสาหกรรมที่เชื่อถือได้แบบเรียลไทม์ ด้วย AVEVA CONNECT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการระบบข้อมูลเชิงอุตสาหกรรมแบบเปิด นำเสนอบริบทของข้อมูลจากทุกช่วงวงจรชีวิตของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การออกแบบ การดำเนินงาน และการปรับปรุงประสิทธิภาพ CONNECT รวบรวมข้อมูลและผสานรวมข้อมูลเชิงลึกที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI ที่ชาญฉลาด พลิกโฉมการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยการกระชับความร่วมมือระหว่างผู้มีอำนาจตัดสินใจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลงในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตอุตสาหกรรม สำหรับผู้ผลิตในประเทศไทย นี่หมายถึงการเห็นข้อมูลทั้งองค์กรได้ครอบคลุม การตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น และรวมไปถึงการใช้พลังงาน น้ำ และวัตถุดิบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
ความร่วมมือกับองค์กรในประเทศไทย: ลดต้นทุนและลดการหยุดการทำงานที่ไม่อยู่ในแผน
AVEVA ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการลงทุนดิจิทัลที่สอดคล้องกับโมเดล BCG ผ่านความร่วมมือกับองค์กรในประเทศไทย โดย Thomas Phang ได้ยกตัวอย่าง 2 บริษัทชั้นนำในที่ใช้แพลตฟอร์มของ AVEVA กล่าวคือ
SCG Chemicals หนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใช้แพลตฟอร์มความน่าเชื่อถือทางดิจิทัล (Digital Reliability Platform: DRP) ของ AVEVA เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการเงินในระยะยาว ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จาก AI ในการเรียนรู้ของเครื่องและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ทำให้ SCG Chemicals สามารถคาดการณ์ความผิดพลาดของอุปกรณ์ได้ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ช่วยลดเวลาหยุดทำงานที่ไม่ได้วางแผนไว้ได้อย่างมาก อีกทั้งสนับสนุนการดำเนินงานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของโรงงานจาก 98% เป็นเกือบ 100% และยังช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมได้อย่างมาก
ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่สูงถึง 9 เท่าภายในเวลาเพียง 6 เดือน แนวทางการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ SCG Chemicals ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดของเสีย และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ส่งผลให้อุปกรณ์มีความทนทานในการใช้งานและความยั่งยืน นับเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการลงทุนทางดิจิทัลที่สอดคล้องกับโมเดล BCG สามารถสร้างมูลค่าทั้งทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมได้
ขณะที่ B.Grimm Power ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนา การจัดหาเงินทุน การก่อสร้าง และการดำเนินงานโรงไฟฟ้าใหม่ (Greenfield) ปัจจุบันได้ใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในกลยุทธ์การบำรุงรักษาด้วย AVEVA PI System และ AVEVA Predictive Analytics ด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา (O&M) ของบริษัทฯ ยังไม่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ทำให้ความสามารถในการตรวจสอบหรือวิเคราะห์การทำงานของเครื่องไม่เพียงพอ B.Grimm Power จึงตัดสินใจเลือกใช้โซลูชันของ AVEVA เพื่อช่วยลดระยะเวลาการหยุดทำงานของโรงงานโดยไม่กระทบต่อความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการทำงาน
หลังจากนำเทคโนโลยีของ AVEVA มาใช้ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของความล้มเหลวและวินิจฉัยเครื่องจักรเทอร์โบเพื่อค้นหาข้อบกพร่อง ส่งผลให้ระยะเวลาการหยุดทำงานลดลง 50% และลดต้นทุน การบำรุงรักษาได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งลดความเสี่ยงของความล้มเหลวและส่งเสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษาที่มีอยู่ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าข้อมูลและ AI สามารถทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศไทยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเชื่อถือได้มากขึ้น
นอกจากนั้นยังมี Schneider Electric’s Smart Factory (อินโดนีเซีย) ที่ใช้การผสานรวมแพลตฟอร์ม Discrete Lean Management, Enterprise Asset Management และ Insight ของ AVEVA ทำให้โรงงานนี้ลดเวลาการหยุดทำงานที่เกิดจาการชำรุดของเครื่องจักรลง 44% ลดการใช้พลังงานลง 21% และเพิ่มอัตราการส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ทันเวลาถึง 40% ซึ่งเน้นย้ำถึงการสอดประสานกันระหว่างประสิทธิภาพและความยั่งยืน จนได้รับการยกย่องจาก the World Economic Forum ว่าเป็นประภาคารที่ส่องแสงนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Forth Industrial Revolution (4IR) Lighthouse) เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัล ช่วยผลักดันสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

การรับรองความถูกต้องและการรายงาน ESG: เปลี่ยนการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เป็นข้อได้เปรียบ
ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและความคาดหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับการรายงาน ESG (Environmental, Social and Governance) ที่เข้มงวดมากขึ้น ก่อให้เกิดทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับบริษัทอุตสาหกรรม AVEVA ตอบโจทย์ปัญหานี้ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมจำนวนมากให้เป็นข้อมูลเชิงลึกด้านความยั่งยืนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที
AVEVA CONNECT เป็นศูนย์กลางของการทำรายงาน ESGนี้ โดยรวบรวมข้อมูลจากวงจรชีวิตอุตสาหกรรมทั้งหมดของบริษัท และจัดรูปแบบให้เหมาะสมตามสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้สามารถติดตามประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างครอบคลุม ฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์นี้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถวัดผล ตรวจสอบ และรายงานการปล่อยมลพิษ การใช้ทรัพยากร และตัวชี้วัดความยั่งยืนที่สำคัญอื่น ๆ ได้อย่างแม่นยำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ผ่านมา AVEVA บริหารจัดการข้อมูลการดำเนินงานทั่วโลกถึง 40% ผ่านระบบ AVEVA PI ทำให้เรามีความสามารถพิเศษในการช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมที่ซับซ้อนให้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพ ESG ที่ชัดเจนและตรวจสอบได้
ตัวอย่างสำเร็จของ Dominion Energy ในสหรัฐอเมริกา เมื่อการรายงานความยั่งยืนที่เข้มงวดขึ้นเป็นเรื่องสำคัญ Dominion จึงใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตนเองในภาคพลังงานหมุนเวียน ด้วยการใช้ AVEVA CONNECT พวกเขารวบรวมและแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก เครือข่ายไฟฟ้าในอเมริกาเหนือ กับลูกค้าสาธารณูปโภคผ่านระบบคลาวด์ ทำให้พวกเขาสามารถมอบหลักฐานที่ตรวจสอบได้เกี่ยวกับ การดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้แก่นักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ตรวจสอบบัญชี กล่าวโดยสรุปคือ พวกเขาสามารถแสดงให้เห็นได้แบบเรียลไทม์ว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดความยั่งยืนที่สำคัญได้อย่าง โปร่งใสและชัดเจน
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ความโปร่งใสนี้กำลังต่อยอด Dominion ไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ เนื่องจากความต้องการรายงานความยั่งยืนที่วัดผลได้เพิ่มขึ้น เพราะรากฐานของกลยุทธ์ ESG ที่ประสบความสำเร็จคือข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและเชื่อมโยงกัน ที่ผ่านมาวิศวกรเกือบ 40% เสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูล ระบบของ AVEVA ช่วยขจัดปัญหาดังกล่าวด้วยการเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาต้องการในเวลาที่ต้องการ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการติดตาม ESG ที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้มากกว่าแค่การปฏิบัติตามกฎระเบียบเพียงอย่างเดียว
สำหรับบริษัทในประเทศไทยและทั่วภูมิภาค โซลูชันของ AVEVA ช่วยเปลี่ยนการรายงานความยั่งยืนที่เคยเป็นภาระผูกพันให้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเชิงกลยุทธ์ ด้วยการมอบข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบบเรียลไทม์ในทุกการดำเนินงาน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบเท่านั้น แต่ยังมองเห็นโอกาสในการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยลดทั้งต้นทุนและการปล่อยมลพิษ เมื่อหลักการ BCG และความคาดหวังเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกพัฒนาขึ้น ข้อมูลที่เชื่อถือได้และเชื่อมต่อกันเช่นนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจไทยในการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันเช่นกัน

บทบาทของ Industrial AI: ขับเคลื่อนประสิทธิภาพและความปลอดภัยด้วย Agentic AI
AVEVA เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการให้บริการด้านเทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในภาคอุตสาหกรรม มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน AI อุตสาหกรรมมากกว่า 20 ปี ตั้งแต่ AI เชิงเส้นและการเรียนรู้ของเครื่อง ไปจนถึงโมเดลที่ซับซ้อนใหม่ ๆ ที่ใช้ประโยชน์จาก Generative AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่
โซลูชัน AI ของ AVEVA ถูกนำไปใช้ในอู่ต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก 10 แห่ง บริษัทเภสัชกรรมชั้นนำ 25 แห่ง และโรงงานกว่า 16,000 แห่งทั่วโลก Industrial AI Assistant บน CONNECT เป็นโซลูชัน Generative AI เชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ถามคำถามด้วยภาษาธรรมชาติเพื่อค้นหา ทำความเข้าใจ และแสดงภาพข้อมูลอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว โซลูชันนี้ให้คำตอบที่เข้าใจบริบท พร้อมอ้างอิงแหล่งที่มาโดยไม่ต้องใช้โมเดลที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าหรือแดชบอร์ดแบบแมนนวล
AVEVA ยังมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการและประสานงานชุดของเอเจนต์อัจฉริยะหลายตัวให้ทำงานร่วมกันอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของงอุตสาหกรรม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดผ่านการประยุกต์ใช้ Agentic AI ด้วยการประสานเอเจนต์อัจฉริยะหลายตัวในระบบที่ซับซ้อน AVEVA กำลังยกระดับความสามารถอีกขั้นให้แก่ระบบอัตโนมัติ ทั้งความสามารถในการปรับตัวและการสนับสนุนการตัดสินใจ แนวทางนี้ก้าวข้ามโมเดลแบบแยกส่วน และนำเทคนิคของ AI เชิงคาดการณ์ เชิงสร้างสรรค์ และเชิงผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเทคนิค AI อื่น ๆ มารวมกัน เพื่อแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเร็ว ขนาด และสภาพแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น เอเจนต์ AI ที่แตกต่างกันสามารถทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน กำหนดแผนการบำรุงรักษา และดูแลสถานการณ์ความปลอดภัยในโรงงานที่ซับซ้อนได้ในเวลาเดียวกัน

การดำเนินงานในประเทศไทยและพันธมิตรทางยุทธศาสตร์
Thomas Phang กล่าวปิดท้ายอย่างมั่นใจว่า เนื่องจาก AVEVA มีสำนักงานประจำประเทศไทยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ จึงทำให้สามารถทำงานร่วมกันกับลูกค้าชาวไทยได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อบูรณาการแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมแบบเปิดของ AVEVA ให้สามารถเชื่อมเข้ากับระบบที่มีใช้อยู่เดิมในประเทศไทย รวมทั้งมีความร่วมมือกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทำการจัดกิจกรรมและการฝึกอบรมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอที่มุ่งเน้นด้านวิศวกรรม การดำเนินงาน และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ยังร่วมพัฒนาโซลูชันดิจิทัลกับพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ด้านความยั่งยืนและผลผลิตที่วัดผลได้
AVEVA ยังร่วมมือกับ Enlighten Technology เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือนี้ ธุรกิจต่าง ๆ จะได้รับการสนับสนุนในการปรับปรุงการดำเนินงานให้ทันสมัยด้วยการย้ายระบบเดิม (Legacy System) แล้วมาใช้โซลูชัน HMI, SCADA และ MES ขั้นสูงของ AVEVA แทน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นข้อมูล การควบคุม และการวิเคราะห์ข้อมูล Enlighten ได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ AVEVA กำลังร่วมกับภาคอุตสาหกรรมในการสร้างความพร้อมทางดิจิทัลและความเป็นเลิศ ในการดำเนินงานในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (CPG) ของประเทศไทย เนื่องจากผู้ผลิต CPG กำลังปรับตัวให้สอดคล้องกับโมเดลBCG ที่มุ่งขับเคลื่อนประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และการผลิตที่ยั่งยืนเข้าด้วยกัน
เกี่ยวกับ AVEVA
AVEVA เป็นผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม โดยเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการให้บริการด้านเทคโนโลยีและบริการที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในภาคอุตสาหกรรม มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้าน AI อุตสาหกรรมมากกว่า 20 ปี ตั้งแต่ AI เชิงเส้นและการเรียนรู้ของเครื่อง ไปจนถึงโมเดลที่ซับซ้อนใหม่ ๆ ที่ใช้ประโยชน์จาก Generative AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่
AVEVA มุ่งมั่นที่จะนำประโยชน์จาก AI มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมและขับเคลื่อนประสิทธิภาพความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และความยั่งยืนที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลแบบบูรณาการ โซลูชัน AI ของ AVEVA ถูกนำไปใช้ในอู่ต่อเรือขนาดใหญ๋ที่สุดในโลก 10 แห่ง บริษัทเภสัชกรรมชั้นนำ 25 แห่ง และในโรงงานผลิตกว่า 16,000 แห่งทั่วโลก โดยมีแพลตฟอร์มหลักคือ AVEVA CONNECT ซึ่งเป็นการแสดงผลข้อมูลอุตสาหกรรมแบบเปิด ที่รวบรวมข้อมูลและผสานรวมข้อมูลเชิงลึกที่เสริมประสิทธิภาพด้วย AI ตลอดห่วงโซ่คุณค่า