เนื้อหาวันที่ : 2008-01-16 08:33:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1518 views

ครม. ขิงแก่รับรายงานคาดจีดีพีปีนี้โตแค่ 4-6% แนะฟื้นเชื่อมั่นลงทุน

ครม.รับทราบรายงานภาวะประเทศไทย คาดปีนี้ จีดีพีโต 4-6 % แนะสร้างความเชื่อมั่นการลงทุน เร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 94 % เตือนไทยเข้าสู้สังคมผู้สูงอายุ ปี 2554 คนแก่เพิ่มเป็น 12 %

ครม.รับทราบรายงานภาวะประเทศไทย คาดปีนี้ จีดีพีโต 4-6 % แนะสร้างความเชื่อมั่นการลงทุน เร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 94 % เตือนไทยเข้าสู้สังคมผู้สูงอายุ ปี 2554 คนแก่เพิ่มเป็น 12 %

.

ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานสรุปสภาวะของประเทศปี 2550 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศในเดือน ต.ค.2549 เป็นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่ต้นปี 2549 และในปี 2550 ราคาน้ำมันยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่บาร์เรลละ 91.26 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ราคาเฉลี่ยรายไตรมาสที่ 1 ปีที่แล้วราคาบาร์เรลละ 55.4 ดอลลาร์

ดร.โชติชัย กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินมาตรการเร่งด่วนและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2550 ให้มีการเบิกจ่าย 93.91 % และแก้ไขปัญหาอุปสรรคพร้อมกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน และในไตรมาส 3 ปี 2550 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.9 % โดยมีการบริโภคและการลงทุนของเอกชนชะลอตัวในครึ่งแรกของปีแต่ในไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งคาดว่าในปีที่แล้วเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4.5 %

.

ทั้งนี้ ในปี 2551 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4-6 % โดยอุปสงค์ภายในประเทศจากการลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นในปีนี้ รวมทั้งมีการลงทุนในระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากกรอบภาษีรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโค คาร์) และรถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ (อี 20) การขยายตัวการลงทุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตเอทานอลและโครงการผลิตไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี)

.

ดร.โชติชัย กล่าวว่า สำหรับประเด็นนโยบายการบริหารเศรษฐกิจในช่วงต่อไป ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการลงทุน โดยเฉพาะเร่งรัดการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของเอกชน และการสานต่อนโยบายด้านการลงทุนภาครัฐทางโครงสร้างพื้นฐานให้มีความต่อเนื่อง เช่น โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพื่อสร้างพื้นฐานการขยายตัวและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจระยะยาว รวมทั้งควรมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2551 ของภาครัฐให้เบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย 94 % โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข 15,000 บาท และเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจให้ได้ 90 %

.

นอกจากนี้ ควรมีการการส่งเสริมการส่งออกในตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก รวมทั้งควรมีการดูแลมาตรฐานสินค้าอาหารให้มีความเข้มงวด ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวควรให้ฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวในปี 2550 และควรผลักดันมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานรวมถึงการรณรงค์การใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และควรให้ความสำคัญกับการกำหนดกลไกการดูแลและสนับสนุนการปรับตัวของธุรกิจรายสาขาและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตในตลาดโลก

.

ดร.โชติชัย กล่าวว่า สศช.รายงานภาวะสังคมว่าสังคมไทยมีโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดการบริหารทางสังคมในทุกรูปแบบ โดยสัดส่วนผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มจาก 10.71 % ในปี 2550 เป็น 12.01 % ในปี 2554 โดยจะส่งผลกระทบต่อการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อบริการทางการแพทย์เพราะการเกิดโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุจะมากขึ้น และมีผลต่อการสร้างหลักประกันทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับอนาคตเพื่อการชราภาพ

.

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์