เนื้อหาวันที่ : 2022-06-06 19:09:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1255 views

แลนเซสส์และ Advent International ตั้งบริษัทร่วมทุนชั้นนำระดับโลกด้านวัสดุโพลีเมอร์วิศวกรรมประสิทธิภาพสูง

 

  • แลนเซสส์และ Advent เข้าซื้อธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) จาก DSM ด้วยราคาประมาณ 3.7 พันล้านยูโร
  • แลนเซสส์จะโอนหน่วยธุรกิจวัสดุประสิทธิภาพสูง (High Performance Materials) เข้าสู่กิจการร่วมทุนนี้
  • แลนเซสส์จะได้รับเงินตอบแทนอย่างน้อย 1.1 พันล้านยูโร และถือหุ้นสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในการร่วมทุน
  • แลนเซสส์จะนำเงินที่ได้ไปลดหนี้และวางแผนซื้อหุ้นในตลาดคืนบางส่วน
  • บริษัทร่วมทุนใหม่นี้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ในระดับแถวหน้าของตลาด โดยผนึกอยู่ในห่วงโซ่ทางคุณค่าตั้งแต่การนำวัตถุดิบเข้ามาจนถึงการผลิตออกเป็นสินค้าสำเร็จรูปอย่างบูรณาการ

แลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และบริษัท Advent International (“Advent”) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการลงทุนเอกชนรายใหญ่ที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุดในโลกและมีประวัติการลงทุนในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มาอย่างยาวนาน ประกาศร่วมกันตั้งบริษัทร่วมทุนด้านวัสดุโพลีเมอร์วิศวกรรมประสิทธิภาพสูง (High-Performance Engineering Polymers) โดยทั้งสองบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อซื้อธุรกิจ DSM Engineering Materials (DEM) จากกลุ่ม Royal DSM ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุนใหม่ ราคาซื้ออยู่ที่ประมาณ 3.7 พันล้านยูโร และจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินในการซื้อกิจการครั้งนี้จากการร่วมทุนผ่านหุ้นกับทาง Advent และหนี้ภายนอก ธุรกิจนี้มียอดขายประมาณ 1.5 พันล้านยูโร โดยมี EBITDA Margin อยู่ที่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ DEM เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับโลกในด้านวัสดุชนิดพิเศษที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งตอบสนองความต้องการของตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค

นอกจากนี้แลนเซสส์จะโอนหน่วยธุรกิจวัสดุประสิทธิภาพสูง (High Performance Materials : HPM) ให้กับกิจการร่วมค้านี้ HPM เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก หน่วยธุรกิจนี้มียอดขายทั้งปีประมาณ 1.5 พันล้านยูโร โดยมี EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติประมาณ 210 ล้านยูโร Advent จะถือครองหุ้นอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ในการร่วมทุน ส่วนแลนเซสส์จะได้รับการชำระเงินเบื้องต้นอย่างน้อย 1.1 พันล้านยูโร และถือหุ้นสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในการร่วมทุนครั้งนี้ ภายหลังการโอนไปยังกิจการร่วมค้าหน่วยธุรกิจ HPM จะไม่อยู่ร่วมในกลุ่มแลนเซสส์อีกต่อไป แต่จะแสดงร่วมอยู่ในงบการเงินรวมในส่วนของผู้ถือหุ้น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของแลนเซสส์ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษ 3 กลุ่มที่เหลือ เมื่อธุรกรรมเสร็จสิ้นลงแลนเซสส์จะนำเงินที่ได้รับจากการทำธุรกรรมนี้มาลดหนี้และเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุล นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีแผนการจะซื้อคืนหุ้นในปริมาณสูงถึง 300 ล้านยูโร
แลนเซสส์อาจจะขายหุ้นในกิจการร่วมค้านี้ให้กับ Advent ด้วยการประเมินมูลค่าในราคาเดียวอย่างเร็วสุดหลังจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนนี้ผ่านไปแล้ว 3 ปี ทำให้ EBITDA สูงขึ้นกว่าปัจจุบันเนื่องจาก Advent และแลนเซสส์คาดว่าการผนึกกำลังจะช่วยเสริมแรงกันทำให้ธุรกิจเข้มแข็งยิ่งขึ้นอันเป็นผลจากการรวมกันของทั้งสองธุรกิจ การทำธุรกรรมยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากทางการ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566

Matthias Zachert ซีอีโอ บริษัท แลนเซสส์ กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้จะทำให้แลนเซสส์ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจน้อยลงอย่างชัดเจนอีกครั้ง นอกจากนี้ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุลของเราด้วยรายได้จากการทำธุรกรรมนี้ และช่วยการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบริษัทต่อไป ด้วยการร่วมทุนครั้งใหม่เรากำลังสร้างผู้เล่นใหม่ที่แข็งแกร่งระดับโลกในด้านวัสดุโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูง ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ ห่วงโซ่คุณค่า และตำแหน่งระดับโลกของธุรกิจทั้งสองช่วยเสริมซึ่งกันและกันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม การร่วมทุนจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการพัฒนาในอนาคตของเรา อย่างเช่น ในด้านอุตสาหกรรมการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Advent เป็นพันธมิตรของเราที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้เสมอมา พร้อมประสบการณ์ที่ลึกซึ้งในอุตสาหกรรมเคมีและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของลูกค้าของเรา”

Ronald Ayles ผู้จัดการด้านการบริหารจัดการพันธมิตร บริษัท Advent International กล่าวว่า “การผนึกกำลังกับแลนเซสส์ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมของอุตสาหกรรม ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่สำคัญอย่างยิ่งของ Advent และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจได้อย่างยืนยาว เพิ่มความเคารพสูงสุดต่อกันและกัน เราวางแผนที่จะนำประสบการณ์ องค์ความรู้ในเชิงลึก และทรัพยากรทางการเงินร่วมกันเพื่อทำให้การร่วมทุนครั้งนี้ประสบความสำเร็จระดับโลกกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การร่วมกันของหน่วยธุรกิจวัสดุประสิทธิภาพสูง (HPM) ของแลนเซสส์และวัสดุวิศวกรรมของ DSM (DEM) ทำให้เกิดองค์กรธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง นำความเชี่ยวชาญที่กว้างขวางมารวมกัน ส่งผลให้เกิดโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานและสร้างมูลค่าเพิ่มที่มากขึ้นสำหรับลูกค้า”


แลนเซสส์จะโอนหน่วยธุรกิจ High Performance Materials (HPM) ให้กับบริษัทร่วมทุนใหม่

การรวมตัวกันทั่วโลกของสองหน่วยธุรกิจนี้มีการบูรณาการย้อนกลับไปจนถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำ
หน่วยธุรกิจวัสดุทางวิศวกรรมของ DSM ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์วัสดุโพลีเอไมด์ (PA6, PA66) รวมถึงวัสดุพิเศษต่าง ๆ (PA46, PA410 และโพลีเอสเตอร์พิเศษ ตลอดจน PPS) โดยมีพนักงานประมาณ 2,100 คนทำงานในแผนกนี้ในโรงงานผลิต 8 แห่งและศูนย์วิจัย 7 แห่งในตลาดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั่วโลก หน่วยธุรกิจนี้ยังมีสถานะที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษในภูมิภาคเอเชียนอกเหนือไปจากในภูมิภาคยุโรปและสหรัฐอเมริกาแล้ว
หน่วยธุรกิจวัสดุประสิทธิภาพสูง (HPM) ของแลนเซสส์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำด้านวัสดุวิศวกรรมโพลีเมอร์ PA6 และ PBT และคอมโพสิตไฟเบอร์เทอร์โมพลาสติก มีพนักงาน 1,900 คนในโรงงานผลิต 10 แห่งและศูนย์วิจัย 7 แห่งทั่วโลกทำงานให้กับ HPM เครือข่ายการผลิตทั่วโลกมีลักษณะการรวมตัวย้อนกลับไปจนถึงอุตสาหกรรมต้นน้ำ (Backward Integration) ในระดับสูง โดยมีหน่วยงานหลักที่เป็นกระดูกสันหลังคือโรงงานที่เมือง Antwerp/Belgium โรงงานแห่งนี้ HPM ไม่เพียงผลิตโพลีเมอร์ PA6 เท่านั้น แต่ยังผลิตสารตั้งต้นที่เกี่ยวข้อง เช่น คาโปรแลคตัมและเส้นใยแก้ว

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนกับสิ่งแวดล้อม
ทั้ง DEM และ HPM เป็นผู้บุกเบิกด้านความยั่งยืนกับสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอทางเลือกชีวภาพและวัสดุรีไซเคิลในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตน ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้แลนเซสส์ได้เปิดตัววัสดุโพลีเมอร์ประสิทธิภาพสูงตัวใหม่ซึ่งทำจากวัตถุดิบที่ยั่งยืน 92 เปอร์เซ็นต์ ในการผลิตโพลีเมอร์แลนเซสส์ใช้ไซโคลเฮกเซน "สีเขียว" (Green Cyclohexane) จากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น น้ำมันเรพซีด (Rapeseed Oil) หรือชีวมวลอื่น ๆ เป็นวัตถุดิบ เสริมด้วยวัสดุใยแก้วที่มีส่วนผสมตามน้ำหนัก 60 เปอร์เซ็นต์มาจากวัสดุรีไซเคิลจากเศษแก้วอุตสาหกรรม


สำนักงานใหญ่ของแลนเซสส์ในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี

มุ่งสู่ตลาดแห่งอนาคต
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับการร่วมทุนใหม่นี้ มีการใช้โพลีเมอร์สำหรับองค์ประกอบน้ำหนักเบาในชิ้นส่วนโครงสร้าง แต่ยังรวมถึงองค์ประกอบสำหรับการตกแต่งภายในและมักจะใช้ทดแทนชิ้นส่วนเดิมที่เป็นโลหะอีกด้วย ด้วยแนวทางนี้จึงสามารถลดน้ำหนักและลดการปล่อย CO2 ได้อีกด้วย พื้นที่การเติบโตที่สำคัญคือการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electromobility) โดยอุตสาหกรรมนี้ใช้โพลีเมอร์ เช่น ในการทำแบตเตอรี่และระบบชาร์จ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลัง นอกจากนี้วัสดุดังกล่าวยังใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย เช่น ในส่วนประกอบสำหรับสมาร์ทโฟน อุปกรณ์ไอที และเครื่องใช้ภายในครัวเรือน