เนื้อหาวันที่ : 2022-04-05 23:26:48 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1338 views

Aruba ESP พร้อมนำเสนอบริการแบบ Cloud-Native ช่วยติดตั้งและปกป้องระบบเครือข่าย Cloud-to-Edge โดยอัตโนมัติและรวดเร็วยิ่งขึ้น

Aruba ESP พร้อมนำเสนอบริการแบบ Cloud-Native ช่วยติดตั้งและปกป้องระบบเครือข่าย Cloud-to-Edge
โดยอัตโนมัติและรวดเร็วยิ่งขึ้น Aruba Central NetConductor สามารถเสริมประสิทธิภาพ
ในการบริหารจัดการและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับ Network Fabrics
ที่เป็นมาตรฐาน เผยก้าวใหม่ของความสามารถด้าน Location Services

อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ที่มาพร้อมกับความสามารถใหม่ใน Aruba Central ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถตอบรับต่อความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงที โดยความสามารถที่เปิดตัวใหม่ในชื่อ Aruba Central NetConductor จะทำให้องค์กรธุรกิจสามารถรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบเครือข่ายแบบกระจายตัวได้ด้วยบริการในแบบ Cloud-Native ที่สามารถบริหารจัดการนโยบายดูแลระบบเครือข่ายได้อย่างง่ายดาย ทำการตั้งค่าระบบเครือข่ายได้ในแบบอัตโนมัติ ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายแบบมีสาย ไร้สาย และ WAN อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ Central NetConductor ยังช่วยให้ระบบเครือข่ายมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นในขณะที่ยังคงสามารถบังคับใช้นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้วย Zero Trust และ SASE อีกทั้งอรูบ้ายังได้มีการเปิดตัวระบบ Access Point (AP) สำหรับใช้งานภายในอาคารที่สามารถระบุตำแหน่งของตนเองได้ด้วยการใช้ GPS ภายในตัวอุปกรณ์ร่วมกับมาตรฐาน Open Locate ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางใหม่ของวงการสำหรับการแบ่งปันข้อมูลด้านตำแหน่งจากอุปกรณ์ AP ไปยังอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อได้โดยตรง

การเติบโตของดิจิทัลที่ถูกขับเคลื่อนโดยการทำงานจากระยะไกลหรือการทำงานแบบไฮบริด รูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ และความต้องการในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ขับเน้นถึงความต้องการของระบบเครือข่ายที่ต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม อรูบ้าได้นำเสนอบริการ Cloud-Native ที่ครบถ้วนเพื่อตอบโจทย์ต่อความซับซ้อนของระบบเครือข่ายที่ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมในหลายยุคสมัยซึ่งมีวิธีในการดูแลรักษาและมีความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยที่แตกต่างกัน สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมซึ่งอาศัย VLAN เป็นหลักนั้นต้องมีการตั้งค่าและผสานระบบด้วยตนเองเป็นหลัก ซึ่งช้าเกินกว่าที่จะปรับประยุกต์ให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการในการเชื่อมต่อของธุรกิจได้ทัน และยังมีประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ต้องให้ความสำคัญอยู่หลายประการ

ส่วนระบบเครือข่ายสมัยใหม่ที่มีความคล่องตัวนั้นจะใช้แนวคิดของระบบเครือข่ายแบบ “Overlay” ช่วยเชื่อมผสานระหว่าง VLAN ที่ถูกแบ่งเอาไว้อย่างหลากหลายเข้ากับนโยบายในแบบ Cloud-Native และบริการด้านการตั้งค่าการทำงาน ทำให้ผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อจากทุกที่ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ซึ่งในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งดำเนินโครงการด้านการทำ Digital Transformation จนประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว Central NetConductor จึงได้นำ AI มาใช้ในการบริหารจัดการและการปรับปรุงการใช้งาน สร้างกระบวนการทำงานโดยมีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจเป็นเป้าหมายในการจัดการตั้งค่าเครือข่ายแบบอัตโนมัติ เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยชั้นนำของอรูบ้าให้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วยระบบ Network Access Control (NAC) ในแบบ Cloud-Native และการทำ Dynamic Segmentation สำหรับระบบเครือข่ายทั้งหมดรวมกัน เนื่องจาก Central NetConductor ทำงานโดยอาศัยโปรโตคอลมาตรฐานที่ถูกใช้งานเป็นวงกว้าง อย่างเช่น EVPN, VXLAN และ BGP โซลูชันดังกล่าวจึงถูกนำไปใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อและต่อยอดจากการลงทุนเดิมที่ธุรกิจเคยลงทุนก่อนหน้านั้นได้ สามารถทำงานร่วมกับระบบเครือข่ายของอรูบ้าและผู้ผลิตรายอื่น ๆ ที่มีอยู่เดิมได้อย่างสมบูรณ์

Maribel Lopen ผู้ก่อตั้ง Lopez Research กล่าวว่า “ในโลกธุรกิจทุกวันนี้ความยืดหยุ่นคือหัวใจสำคัญ – องค์กรต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำเสนอบริการและสิ่งใหม่ ๆ สำหรับตอบรับต่อลูกค้ารายใหม่ ๆ ให้ได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน ซึ่งเนื่องจากการที่ระบบเครือข่ายคือสิ่งที่เชื่อมต่อทุกสิ่งเข้าด้วยกัน – ทั้งในส่วนการเชื่อมต่อสิ่งสำคัญถึงกันและการทำงานแบบ Data-Driven ดังนั้นระบบเครือข่ายจึงต้องมีความยืดหยุ่นเป็นคุณสมบัติที่ใช้งานได้ทันที องค์กรในทุกวันนี้จึงควรมองหาโซลูชันที่ใช้มาตรฐานสากลที่จะทำให้เกิดความยืดหยุ่นเชิงเทคนิคและความสามารถในการปกป้องการลงทุน รวมถึงการเปิดรับต่อเทคโนโลยีใหม่ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังต้องมีทางเลือกในการเลือกลงทุนใช้งานที่หลากหลายด้วย”

สามหัวใจหลักในการปรับปรุงระบบเครือข่ายให้ทันสมัย
ระบบเครือข่ายแบบดั้งเดิมที่มีความตายตัวไม่อาจตอบโจทย์ต่อความต้องการของธุรกิจที่กำลังเติบโตหรือสนับสนุนต่อความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัยที่กำลังเปลี่ยนไปได้ ดังนั้นองค์กรจึงต้องก้าวสู่กระบวนการในการปรับปรุงระบบเครือข่ายให้ทันสมัยด้วยหลักการ 3 ประการ ได้แก่

  • Automation ปรับกระบวนการให้ง่ายและใช้การทำงานแบบอัตโนมัติโดยมี AI ขับเคลื่อนเพื่อลดเวลาและทรัพยากรที่ต้องใช้ในการวางแผน ติดตั้ง และบริหารจัดการระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเชื่อมต่อใช้งานจากภายนอก จากสาขา จากภายในองค์กร และจาก Cloud
  • Security เพิ่มความสามารถในการตรวจจับและยับยั้งภัยคุกคามด้วยระบบควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายตามตัวตนของผู้ใช้งาน การทำ Dynamic Segmentation ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการใช้เฟรมเวิร์ก Zero Trust และ SASE
  • Agility สถาปัตยกรรมรวมศูนย์ในแบบ Cloud-Native ที่ใช้เทคโนโลยีตามมาตรฐานสากลเพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่าในการใช้งาน เริ่มต้นได้ง่ายด้วยการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานแบบ NaaS ให้เหมาะสมต่องบประมาณและทรัพยากรบุคคล

Aruba Central NetConductor สามารถเร่งการติดตั้งใช้งาน การบริหารจัดการ และการปกป้องระบบเครือข่ายสมัยใหม่ในแบบ Fabric ได้ด้วยการนำความสามารถที่มีอยู่เข้ามาตอบโจทย์ต่อหลักการทั้ง 3 ประการ ดังนี้

  • Automation กระบวนการทำงานโดยยึดวัตถุประสงค์เป็นหลักซึ่งสามารถกำหนดการเชื่อมต่อและนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบอัตโนมัติได้ด้วย “การคลิกเพียงครั้งเดียว”
  • Security การควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายตามบทบาทของผู้ใช้งานสามารถเสริมการทำ Dynamic Segmentation สำหรับการบังคับใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยในแบบ Zero Trust และ SASE ได้
  • Agility บริการแบบ Cloud-Native สำหรับการตรวจสอบและควบคุมจากศูนย์กลาง ใช้เทคโนโลยีมาตรฐานสากลเพื่อให้ง่ายต่อการย้ายระบบและการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่โดยยังคงต่อยอดจากการลงทุนที่มีอยู่เดิมได้

นวัตกรรมที่หลากหลายสำหรับบริการข้อมูลตำแหน่งภายในอาคาร
การติดตั้ง WLAN AP ยังคงเป็นขั้นตอนที่ธุรกิจต้องทำด้วยตนเองซึ่งต้องใช้เวลา เกิดความผิดพลาด และมีผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องอาศัยข้อมูลด้านตำแหน่งและสถานที่ เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้อรูบ้าจึงได้เปิดตัว AP ภายในอาคารระบบแรกที่สามารถระบุข้อมูลตำแหน่งของตนเองได้เพื่อให้การรับข้อมูลด้านตำแหน่งภายในอาคารมีความแม่นยำ สามารถส่งข้อมูลนี้ไปยังอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่ออยู่ได้
Aruba Wi-Fi 6 AP และ Wi-Fi 6E AP ได้ผสมผสานทั้งระบบรับสัญญาณ GPS, การรองรับ Wi-Fi Location อย่างแม่นยำ และซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาดเพื่อให้สามารถทำการติดตั้งระบบ WLAN ได้อย่างแม่นยำและเป็นอัตโนมัติ ซึ่ง WLAN AP ที่สามารถระบุตำแหน่งสถานที่ได้ด้วยตนเองของอรูบ้าจะทำการวิเคราะห์ตำแหน่งที่ติดตั้งของ AP โดยอัตโนมัติ มีการตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการนำเสนอข้อมูลพิกัดตำแหน่งเพื่อนำไปแสดงบนแผนที่อาคารหรือระบบแผนที่บนเว็บไซต์ได้

ข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำของระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน WLAN นี้จะสร้างตำแหน่งอ้างอิงที่สามารถนำไปแบ่งปันให้กับระบบอื่นได้ผ่านทาง Open Locate โดยธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลพิกัดสากลและข้อมูลตำแหน่งอ้างอิงนี้ของ AP ภายในอาคารที่ระบุตำแหน่งสถานที่ของตนเองได้จากอรูบ้าเพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงระบบติดตั้งทรัพย์สิน ระบบด้านความปลอดภัยและการบังคับตามข้อกำหนด การวางแผนภายในอาคาร แอปพลิเคชันเสริมประสบการณ์การใช้สถานที่ และบริการอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยข้อมูลด้านสถานที่ภายในอาคาร

Sean Ginevan หัวหน้าฝ่าย Global Strategy and Digital Partnerships for Android Enterprise บริษัท Google กล่าวว่า “ข้อมูลตำแหน่งสถานที่นี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ของหลายระบบแอปพลิเคชัน การมีข้อมูลตำแหน่งภายในอาคารที่แม่นยำสามารถสร้างให้เกิดกรณีการใช้งานใหม่ ๆ ภายในองค์กรได้อย่างหลากหลาย ด้วย Android 10 ทาง Google จึงเป็นบริษัทแรกที่สามารถสนับสนุน Wi-Fi RTT สำหรับการระบุตำแหน่งภายในอาคารของอุปกรณ์พกพาได้อย่างแม่นยำ ระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายของอรูบ้าที่สามารถระบุตำแหน่งพิกัดและการริเริ่มโครงการ Open Locate จะช่วยให้วิสัยทัศน์ด้านความแม่นยำของข้อมูลตำแหน่งภายในอาคารชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับชุมชนนักพัฒนาของเรา และช่วยให้การติดตั้งระบบเครือข่ายขนาดใหญ่เหล่านี้เป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เราตั้งตารอที่จะเห็นนักพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นจากสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง”

David Hughes ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Technology and Product Officer บริษัท อรูบ้า บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวว่า “องค์กรได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นเป็นอย่างมากท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่หลากหลายภายในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าความคล่องตัวของธุรกิจนั้นได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของลูกค้าของเรา เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ได้เปิดตัวในวันนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นอยู่ไปสู่การทำงานแบบ ‘Service Orientation’ ด้วยการใช้โซลูชันซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI และเสริมความมั่นคงปลอดภัย พร้อมเร่งความเร็วในการมุ่งไปสู่สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบ Cloud-Centric ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อระบบเครือข่ายที่ทันสมัยทั้งสิ้น”

โซลูชันเหล่านี้พร้อมให้ใช้งานได้ทั้งในรูปแบบของการจัดซื้อและติดตั้งใช้งานแบบดั้งเดิม การให้บริการผ่าน HPE GreenLake for Aruba ทำให้ลูกค้ามีความยืดหยุ่นอย่างสูงสุดในการปรับความต้องการด้านระบบเครือข่ายให้สอดคล้องต่อความต้องการทางธุรกิจ โดยการปรับปรุงล่าสุดให้กับ HPE GreenLake for Aruba Network as a Service (NaaS) ได้รวมการออกแบบที่เป็นมาตรฐานด้วยกัน 8 รายการซึ่งอ้างอิงจากกรณีการใช้งานระบบเครือข่ายในองค์กรที่ได้รับความนิยมเพื่อให้มีความง่ายดายยิ่งขึ้น และเร่งความคุ้มค่าในการลงทุนสำหรับการติดตั้งในแบบ NaaS ให้มากขึ้น
ผู้ที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของ NaaS ที่มีต่อองค์กรสามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์เพื่อรับเอกสาร March 2022 InfoBrief, Network as a Service: State of the Market จาก IDC ได้ทันที