โดย : Steve Wood, Vice President, APJ บริษัท Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise
Wi-Fi ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน โดยจากสถิติล่าสุดได้แสดงให้เห็นว่า 59.5% หรือเกินกว่าครึ่งของประชากรโลกได้มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว และด้วยวิกฤตโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นนี้ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นของ Wi-Fi ที่ทำให้ธุรกิจในแต่ละวันยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีเมื่อองค์กรมีการใช้งานระบบ Video Conference ที่ต้องการใช้แบนด์วิดธ์มากขึ้น มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเร่งปรับตัวสู่การใช้งาน Cloud ระบบเครือข่ายที่มีอยู่ในปัจจุบันต้องแบกรับภาระที่มากขึ้น ซึ่งความต้องการในการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาส่งผลให้ระบบเครือข่ายไร้สายต้องรองรับการเชื่อมต่อที่มากยิ่งขึ้น รวมถึงต้องการช่องสัญญาณรับส่งข้อมูลที่มากขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องในทุกวันนี้เริ่มเผชิญกับข้อจำกัดด้านช่องความถี่สัญญาณที่มีให้ใช้งานแล้ว
ประเด็นนี้เองทำให้ Wi-Fi 6E ได้รับความสำคัญด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มากกว่า 338 ล้านชุดในปี ค.ศ. 2021 แต่เทคโนโลยีดังกล่าวแตกต่างจากเทคโนโลยี Wi-Fi ก่อนหน้าอย่างไร? และเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเร่งการทำ Digital Transformation ที่ Edge ได้อย่างไร?
รองรับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
ประเด็นแรกที่เป็นพื้นฐานเลย นั่นคือ Wi-Fi 6E ถูกออกแบบโดย Wi-Fi Alliance เพื่อให้ Wi-Fi 6 สามารถใช้งานได้ในย่านความถี่ 6 GHz โดยการตัดสินใจของ U.S. Federal Communications Commission ที่เปิดให้ย่านความถี่ 6 GHz สามารถใช้งานได้เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศอื่นทั่วโลกดำเนินการตาม โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เปิดให้ใช้งานย่านความถี่ 6 GHz ได้เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะที่ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่นและไต้หวันเริ่มมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน
ทำไมประเด็นนี้จึงสำคัญ? ตัวอักษร ‘E’ ใน Wi-Fi 6E ย่อมาจากคำว่า ‘Extended’ ซึ่งเดิมทีเทคโนโลยี Wi-Fi 6 ที่เราคุ้นเคยนั้นจะใช้ย่านความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz เท่านั้น ในขณะที่ Wi-Fi 6E จะเพิ่มย่านความถี่ที่ใช้งานได้มากกว่าเดิมเกิน 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งด้วยย่านความถี่ที่จะถูกแย่งกันใช้งานน้อยลง มีช่องสัญญาณที่กว้างขึ้นและรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายได้มากขึ้นนี้ส่งผลให้ Wi-Fi 6E สามารถสนับสนุนการใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆ รองรับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
เปิดโอกาสสำหรับการใช้งานรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่
หนึ่งในกรณีการใช้งานที่เห็นได้ชัดเจนของ Wi-Fi 6E ก็คือ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ที่ต้องการความเร็วในระดับ Multi-Gigabit โดยทั้งสองเทคโนโลยีนี้ต่างเป็นที่ทราบกันดีถึงความสามารถในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี หากอ้างอิงจากรายงานของ Grand View Research จะพบว่าการใช้งาน AR นั้นเติบโตมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว (ด้วยมูลค่าตลาดโดยประมาณที่สูงถึง 340,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี ค.ศ. 2028
นอกจาก AR และ VR แล้วการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมเองก็ยังได้รับประโยชน์จาก Wi-Fi 6E ด้วยเช่นกัน โดยในภาคการศึกษา Wi-Fi 6E จะช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อที่น่าเชื่อถือและไร้รอยต่อสำหรับโลกในยุค Digital Transformation ที่ทำให้เกิดห้องเรียนแบบดิจิทัลและโรงเรียนอัจฉริยะ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออย่างหนาแน่น อย่างเช่น หอประชุม ห้องเรียน และหอพัก เป็นต้น เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการเรียนที่เข้มข้น ช่วยให้การบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับภาคสาธารณสุข Wi-Fi 6E สามารถช่วยให้แอปพลิเคชันที่มีความสำคัญสูงทำงานได้ดียิ่งขึ้น ให้บริการด้านการรักษาผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้าน Latency หรือความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่จะต้องเดินทางภายในอาคารตลอดเวลาและมีการเชื่อมต่อใช้งานจากอุปกรณ์หลายร้อยชิ้นพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ภาคสาธารณสุขยังจำเป็นต้องอัปเกรดไปสู่การใช้ Wi-Fi 6E เพื่อรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันและบริการใหม่ที่ต้องใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาล อย่างเช่น ระบบการรักษาทางไกลที่เป็นที่นิยมท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด เป็นต้น
เตรียมองค์กรของคุณให้พร้อมสำหรับ Wi-Fi 6E
เมื่อโลกเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการมาของ Wi-Fi 6E ผู้นำทางธุรกิจก็ต้องพิจารณาว่าระบบเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้จะช่วยสนับสนุนการทำ Digital Transformation ได้อย่างไร และนี่คือกลยุทธ์ 6 ประการที่จะช่วยให้ใช้งาน Wi-Fi 6E ได้อย่างเต็มศักยภาพ สามารถรองรับการลงทุนใน Wi-Fi ระยะยาวได้เป็นอย่างดี
มองสู่อนาคต
เมื่อปัญหาความหนาแน่นในการใช้ Wi-Fi เกิดมากขึ้น ประสบการณ์ของผู้ใช้งานก็ย่อมได้รับผลกระทบ โดยท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเรายังคงต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นจากที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในพื้นที่สาธารณะก็ตาม Wi-Fi 6E จึงเป็นเทคโนโลยีที่จะเปิดโอกาสใหม่ให้กับองค์กรที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่การนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าผู้ใช้งานรายนั้น ๆ จะเชื่อมต่อจากช่องทางใดก็ตาม