เนื้อหาวันที่ : 2021-12-22 22:02:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1207 views

เปลี่ยนประสบการณ์ Hybrid Workplace สำหรับธุรกิจขนาดเล็กให้ทันสมัยด้วยโซลูชันใหม่ Aruba Edge Connect Microbranch

โซลูชันนี้จะช่วยให้ผู้ที่ทำงานจากที่บ้านสามารถใช้งานได้ด้วยประสบการณ์ที่เหมือนการทำงานในออฟฟิศ ด้วยการเชื่อมระบบ SD-WAN และ SASE Security Services ผ่าน Access Point เพียงชุดเดียว ไม่ต้องติดตั้ง Gateway หรือ Agent อีกต่อไป

อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ได้ประกาศเปิดตัว EdgeConnect Microbranch โซลูชันใหม่ล่าสุดสำหรับระบบเครือข่ายที่ใช้บ้านเป็นออฟฟิศและออฟฟิศขนาดเล็กเพื่อรองรับการทำงานแบบ Hybrid Work ซึ่งจะช่วยให้พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับการทำงานที่ออฟฟิศ ด้วยการใช้ Wi-Fi Access Point (AP) เพียงชุดเดียว ไม่ต้องติดตั้ง Gateway, Agent หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่ปลายทางเพิ่มเติมอีกต่อไป

ด้วยการใช้ Edge Connect Microbranch ฝ่ายไอทีขององค์กรสามารถมั่นใจได้ในการส่งมอบประสบการณ์การทำงานที่ดีแก่พนักงาน ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะทำงานจากที่ใดก็ตาม ซึ่ง EdgeConnect Microbranch นี้มีความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่ายจากภายนอกไปยังสาขาหลักของธุรกิจได้อย่างครบถ้วน ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และยังคงปกป้ององค์กรได้ด้วยการใช้เฟรมเวิร์กด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่าง Zero Trust และ Secure Access Services Edge (SASE) ที่จะช่วยปกป้องออฟฟิศของธุรกิจขนาดเล็กและการทำงานจากที่บ้านได้อย่างครอบคลุม
โซลูชัน EdgeConnect Microbranch เป็นส่วนหนึ่งของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ประกอบด้วย AP และบริการ SD-WAN ใหม่ ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากประสบการณ์ในการให้บริการด้านการเชื่อมต่อ การรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการติดตั้งใช้งานแบบ Zero Touch ของอรูบ้าที่มีอยู่ไปสู่ธุรกิจขนาดเล็กผ่านอุปกรณ์ Remote Access Point (RAP) ยอดนิยม

เดิมที SD-WAN นั้นถูกติดตั้งใช้งานภายในสาขาขนาดใหญ่และออฟฟิศหลักเพื่อจัดการกับความต้องการในการใช้งานแอปพลิเคชันให้มีประสิทธิภาพ ความมั่นคงทนทาน และความปลอดภัยที่สูงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีในปัจจุบัน Hybrid Work ได้กลายเป็นรูปแบบการทำงานหลักที่บ้านของพนักงานและสาขาขนาดเล็ก จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการการส่งข้อมูลให้เป็นตามนโยบายที่กำหนดได้อย่างอัตโนมัติ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้วยบริการ SASE ในรูปแบบ Cloud จาก Aruba SD-WAN ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการในการทำงานจากที่บ้านและภายนอกองค์กรที่กำลังเติบโตนี้ให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคงทนทาน และปลอดภัย โดย IDC ได้ประเมินว่าองค์กรในกลุ่ม G2000 กว่า 70% จะต้องมีการทำงานจากระยะไกลหรือทำงานในแบบ Hybrid-First และเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานไปโดยสิ้นเชิง (IDC, IDC FutureScape : Worldwide Future of Work Predictions, November 2021)

สำหรับองค์กรธุรกิจกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำงานจากระยะไกลได้อย่างยืดหยุ่นก็คือการที่พนักงานที่ทำงานแบบ Hybrid สามารถเข้าถึงเครื่องมือ แอปพลิเคชัน และความสามารถที่จำเป็นต่อการทำงานจากที่บ้านได้เสมือนกับทำงานในออฟฟิศ ซึ่งโซลูชัน EdgeConnect Microbranch สามารถตอบโจทย์นี้ได้ด้วยการเพิ่มบริการ SD-WAN และ SASE เข้าไปในการเชื่อมต่อ การควบคุมการใช้งานตามสิทธิ์ การบริหารจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูล ตามที่เคยได้รับบน Aruba RAP โดยไม่ต้องมีการเพิ่มอุปกรณ์ หรือติดตั้งซอฟต์แวร์ Agent ในอุปกรณ์ใด ๆ ซี่งการที่ไม่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ใด ๆ ที่บ้านของพนักงาน ออฟฟิศขนาดเล็ก หรือพื้นที่ชั่วคราวที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และไม่มีบุคลากรไอทีประจำอยู่ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ อย่างเช่น การใช้งานหน้าร้านชั่วคราว จุดติดตั้ง Kiosk หรือ ศูนย์บริการสุขภาพเคลื่อนที่ เป็นต้น

บริการ EdgeConnect Microbranch ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยมุ่งเน้นการเอาชนะความท้าทายในการทำงานจากระยะไกลเป็นหลัก อย่างเช่น การรับประกันประสิทธิภาพในแง่การตอบสนองของแอปพลิเคชันในกลุ่ม Unified Communication and Collaboration (UCC) ในขณะที่ยังคงต้องมั่นใจได้ในความมั่นคงปลอดภัย และรองรับอุปกรณ์เครือข่ายที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูงในจำนวนที่มากขึ้น
บริการของ EdgeConnect Microbranch ที่เปิดตัวใหม่นี้มีความสามารถที่หลากหลาย เช่น การทำ Policy-based Routing ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถทำการปรับปรุงเส้นทางการรับส่งข้อมูลของแอปพลิเคชันได้ การทำ Air Slice ที่สามารถแบ่งส่วนสัญญาณของ AP ไปรองรับแอปพลิเคชันเฉพาะเพื่อเพิ่มคุณภาพการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยการปรับให้ระบบ Video Conference ได้รับความสำคัญที่สูงกว่าระบบ Video เพื่อความบันเทิง และทำการส่งทราฟฟิกของระบบ Video Conferencing ตรงไปยังผู้ให้บริการ SaaS ที่ได้รับความเชื่อถือโดยไม่ต้องส่งกลับดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อทำการตรวจสอบที่ไม่จำเป็น เป็นต้น

Larry Lunetta ผู้ดำรงตำแหน่ง VP of Solutions Portfolio Marketing บริษัท อรูบ้า บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวว่า “EdgeConnect Microbranch ช่วยให้องค์กรมีแนวทางใหม่ที่ทันสมัย รองรับผู้ใช้งานจำนวนมากในการทำงานจากระยะไกล และสร้างประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านให้ทัดเทียมกับการทำงานในออฟฟิศได้ ในขณะที่บางคนยังคงเชื่อว่าความปลอดภัยเป็นความสามารถเดียวที่จะขยายไปถึง AP/Router ซึ่งโดยมากจะต้องมีการเพื่อเติมอุปกรณ์เพื่อการนี้ แต่ EdgeConnect Microbranch สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้อย่างครอบคลุมด้วยการใช้แนวทางแบบ Cloud ทำให้บริการด้านระบบเครือข่ายทั้งหมดขององค์กรสามารถเพิ่มขยายไปสู่ระบบเครือข่ายที่บ้านได้อย่างครบถ้วนผ่าน Access Point เพียงชุดเดียวเท่านั้น”

ด้วยการเสริมประสบการณ์การทำงานจากที่บ้านผ่าน RAP ด้วยความสามารถ SD-WAN ทำให้ EdgeConnect Microbranch กลายเป็นโซลูชันในอุดมคติสำหรับการทำงานแบบ Hybrid เช่น การทำงานในระบบ Contact Center, การให้บริการ Telehealth และการบริหารจัดการระบบไอที ซึ่งความต่อเนื่องในการเชื่อมต่อและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยล้วนเป็นสิ่งสำคัญ

EdgeConnect Microbranch คือโซลูชันชั้นนำของวงการที่เหนือกว่าแนวทางแบบดั้งเดิมซึ่งเคยต้องติดตั้งอุปกรณ์จำนวนมากภายในออฟฟิศขนาดเล็กหรือที่บ้านเพื่อนำเสนอบริการ SD-WAN และ SASE หรือเมื่อเทียบกับระบบทั่วไปที่มักใช้อุปกรณ์ในระดับผู้บริโภคสำหรับรองรับการทำงานเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขาดทั้งความสามารถในการบริหารจัดการและการทำงานที่ครอบคลุม

รวมความสามารถใหม่และคุณประโยชน์จาก SD-WAN ได้โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เกตเวย์เพิ่มเติม

  • Policy-based Routing : ช่วยให้ฝ่ายไอทีให้บริการแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัยบนนโยบายที่กำหนดเอาไว้และบังคับใช้โดยอัตโนมัติเพื่อให้สอดรับต่อ Service-Level Agreement (SLA) สำหรับแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และกลุ่มของผู้ใช้งานที่ต้องการ
  • Tunnel and Route Orchestration : ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายด้วยการจัดการ VPN Tunnel ได้ตามต้องการ และปรับเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลไปใช้งานเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดโดยอัตโนมัติ
  • SASE Integration : ให้บริการการเชื่อมต่อที่มั่นคงปลอดภัยไปยังบริการ Cloud Security อย่างเช่น Zscaler โดยตรงผ่าน AP โดยมี Aruba Central คอยบริหารจัดการการเชื่อมต่อและการตั้งค่าจากศูนย์กลาง
  • Enhanced WAN Visibility : แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานด้วยการอัปเดตข้อมูลด้านความพร้อมในการให้บริการ สัดส่วนการใช้งาน และปริมาณการใช้งานของ WAN ด้วยการตรวจสอบ Latency, Jitter และประเด็นปัญหาในการเชื่อมต่ออื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อ ISP ซึ่งเดิมทีฝ่ายไอทีไม่สามารถตรวจสอบได้มาก่อน

ความสามารถเหล่านี้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากความสามารถเดิมของโซลูชัน Aruba Remote Access ได้แก่

  • Traffic Prioritisation : แบ่งคลื่นสัญญาณให้กับแอปพลิเคชันหนึ่ง ๆ และปรับเปลี่ยนการจัดสรรนี้เมื่อเซสชันของแอปพลิเคชันนั้นเริ่มต้นหรือจบลง
  • Massive Scalability : สนับสนุนการติดตั้งใช้งานแบบ Zero Touch และบริหารจัดการผู้ใช้งานได้หลายหมื่นรายผ่านบริการ Cloud ของ Aruba Central และ AOS 10
  • Improved Uptime and Reliability : ใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเส้นทางสำรองได้ผ่านยูเอสบีในกรณีที่การเชื่อมต่อไปยังที่บ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กผ่าน ISP ขาดหายไป

Chris DePuy นักวิเคราะห์เทคโนโลยี บริษัท 650 Group กล่าวว่า “เมื่อแนวโน้มการทำงานจากระยะไกลกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายไอทีจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบการเชื่อมต่อให้ได้อย่างมั่นใจ การบริหารจัดการให้ได้อย่างง่ายดาย และการปกป้องทุกการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันหรือข้อมูลสำคัญให้มั่นคงปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคนจากทุกสถานที่ การเพิ่มขยายเฟรมเวิร์ก Zero Trust และ SASE ไปยังที่บ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็กได้จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากต่อองค์กรที่ต้องการมุ่งไปสู่การทำงานแบบ Hybrid Workplace”

ราคาและการวางจำหน่ายโซลูชัน Aruba EdgeConnect Microbranch เปิดให้ใช้งานได้แล้วในแบบ Early Access และเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไปในเดือนมีนาคมปีหน้าสำหรับทุกอุปกรณ์ AP ที่ใช้งาน ArubaOS 10 ซึ่งติดตั้ง Foundation AP License (รวมถึง AP ที่รองรับซึ่งถูกใช้งานและบริหารจัดการด้วย Central) Aruba Central Foundation License จะวางจำหน่ายในราคา $145 ต่อ AP ในส่วนราคาของอุปกรณ์ AP จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ $575.00 สำหรับ รุ่น Aruba 303H Series