เนื้อหาวันที่ : 2021-04-30 01:35:15 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1513 views

อรูบ้ามั่นใจด้วยความก้าวหน้าล่าสุดของ Aruba ESP นำองค์กรขนาดใหญ่เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยได้ครอบคลุมจาก Edge จนถึง Cloud

ด้วยการผสานแนวทาง Zero Trust และ SASE เข้าด้วยกัน องค์กรขนาดใหญ่จึงสามารถเร่งการปรับปรุงประสิทธิภาพของ WAN และเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้ระบบเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเปิดรับการใช้งานระบบ Cloud และ IoT ที่ก้าวหน้าไปจนถึงช่วยการทำ Digital Transformation ให้องค์กรได้อย่างรวดเร็ว

อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือฮิวเลตต์แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) ได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ Aruba Atmosphere 2021 งานสัมมนาใหญ่ระดับโลกจากอรูบ้า ลูกค้าในประเทศไทยได้พบกับผู้บริหารระดับสูงจากอรูบ้าที่มาเผยวิสัยทัศน์ด้าน Data, AI และ Automation ในระบบเครือข่ายเพื่อรับการมาของ Edge ที่มีโซลูชันความปลอดภัยสูงสุด งานเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ด้านเครือข่ายระดับโลกอย่างงาน Aruba Atmosphere Digital  ATMD’21 ภายใต้ธีมงาน “Your Journey, Your Edge” เพื่อส่งมอบเนื้อหาและประสบการณ์อันน่าทึ่งต่าง ๆ ผ่านงาน Atmosphere Digital ซึ่งช่วยให้ลูกค้าไม่เพียงแค่เข้าใจถึงโอกาสในการรับรู้เทคโนโลยีใหม่ แต่ยังมอบแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจนว่าองค์กรของลูกค้าในไทยสามารถก้าวเข้าสู่ศตวรรษแห่ง Edge ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
รายละเอียดงานและช่องทางการบรรยายในงานเป็น Online Web Conference ในธีมงาน “Your Journey, Your Edge” คือการเดินทางขององค์กรต่าง ๆ ท่ามกลางการปรับตัวมากมายในยุค Digital Transformation ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบเครือข่ายภายในองค์กร ระบบเครือข่ายระหว่างสาขา หรือเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งไม่ว่าองค์กรของลูกค้าจะอยู่ส่วนไหนในการเดินทางก็ตาม อรูบ้าจะคอยอยู่ที่นั่นเพื่อพาไปยังจุดหมายปลายทาง โดยมี Keynote คนสำคัญคือคุณ Keerti Melkote, Founder และ CEO บริษัท อรูบ้า เป็นผู้บรรยายภายใต้หัวข้อ “Your Journey, Your Edge : How Edge-to-Cloud Powers Transformation” นั่นคือ บรรยายถึงการเดินทางในยุค Digital Transformation ซึ่งระบบเครือข่ายแบบ Edge-to-Cloud สามารถช่วยได้ Keynote คนถัดมาคือคุณ Partha Narasimhan, Chief Technology Officer หรือ CTO จากอรูบ้า บรรยายภายใต้หัวข้อ “Define Your Edge Journey : Reach Your Destination with Aruba ESP” ซึ่งช่วยนิยามการเดินทางของ Edge ในแบบของตนเองและนำพาไปสู่จุดหมายปลายทางด้วย Aruba ESP


Keerti Melkote, Founder และ CEO บริษัท อรูบ้า

นอกจากนั้นภายใน Virtual Event มีโซนต่าง ๆ ที่ให้ข้อมูลน่าสนใจซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปเลือกชมได้ เหมือนอยู่ในงานสัมมนาจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Innovation Zone โดยอรูบ้าทำการอัพเดต Innovation ให้ได้ศึกษากันมากกว่า 15 เรื่อง พร้อมทั้ง Airheads Community รวบรวมข้อมูลจากกรณีศึกษาต่าง ๆ มาเล่าสู่กันฟัง หรือ Airheads Lounge ซึ่งเป็นประชาคมสำหรับวิศวกร

อรูบ้าประกาศการขยายความสามารถในการผสานด้านระบบความมั่นคงปลอดภัยและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ครอบคลุม Edge จนถึง Cloud ภายใต้ Aruba ESP (Edge Services Platform) ได้แก่ การผสานแพลตฟอร์ม ClearPass Policy Manager สำหรับควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่ายเข้ากับแพลตฟอร์ม Aruba EdgeConnect SD-WAN หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า Silver Peak, การผสาน Aruba Threat Defense เข้ากับแพลตฟอร์ม EdgeConnect และการขยายระบบนิเวศของ Aruba ESP ให้สามารถรองรับพันธมิตรด้านระบบความมั่นคงปลอดภัยที่หลากหลายยิ่งขึ้นได้เพื่อให้ลูกค้าระดับองค์กรขนาดใหญ่มีอิสระในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่ดีที่สุดจากพันธมิตรเหล่านี้ ซึ่งรวมถึง Secure Access Service Edge (SASE) บนระบบ Cloud ได้อย่างอิสระตามต้องการ ด้วยความสามารถใหม่ของ Aruba ESP ที่ประกาศเปิดตัวในวันนี้จะทำให้องค์กรธุรกิจทำ Digital Transformation จาก Edge จนถึง Cloud ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
องค์กรธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายนานัปการท่ามกลางการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการเกิด New Normal ในเรื่อง “การทำงานได้จากทุกที่” ทำให้การเลือกใช้บริการบน Cloud ยิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงศูนย์ข้อมูลแบบเดิมและเครือข่ายที่มี MPLS และ VPN เป็นหัวใจสำคัญไปสู่สถาปัตยกรรม SASE แบบ Cloud-Native อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้องค์กรธุรกิจมีบริการระบบเครือข่ายที่มั่นคงปลอดภัยและเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ยังคงสามารถปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรได้อย่างทั่วถึง
ในขณะเดียวกันการทำ Digital Transformation เองนั้นได้ทำให้เกิดการใช้งานอุปกรณ์ IoT ภายในระบบเครือข่ายมากขึ้นอย่างมหาศาล เกิดเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ด้วยการใช้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากบน Cloud เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป เนื่องจากอุปกรณ์ IoT ส่วนมากไม่สามารถทำการติดตั้งซอฟต์แวร์ใด ๆ เพิ่มเติม ทำให้ฝ่ายไอทีไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความมั่นคงปลอดภัยหรือปรับแต่งให้อุปกรณ์ทำการส่งทราฟฟิกไปยังบริการด้าน Cloud Security ได้ ดังนั้นแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบ Zero Trust จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ที่ระบบเครือข่ายในระดับสาขา (WAN Edge) ด้วย
เพื่อให้องค์กรนั้นสามารถใช้งาน Cloud และทำ Digital Transformation ได้อย่างเต็มศักยภาพ องค์กรธุรกิจจึงต้องการระบบเครือข่ายในระดับสาขาที่ผสมผสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทั้งแบบ On-Premise และ Cloud เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดเป็นระบบ SASE ที่ปกป้องผู้ใช้งานซึ่งทำการเชื่อมต่อไปยังบริการ SaaS และแพลตฟอร์ม Public Cloud ในขณะที่ยังคงปกป้องอุปกรณ์ IoT ได้ด้วย Zero Trust ที่ใช้การตรวจสอบยืนยันตัวตนเป็นหลัก โดยความสามารถในการเชื่อมผสานระบบใหม่ของ Aruba ESP ที่เปิดตัวในครั้งนี้ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยในเชิงลึกตามการระบุยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่ Edge จนถึง Cloud เพื่อให้การเชื่อมต่อเครือข่ายมีความมั่นคงปลอดภัย รวมถึงปกป้องผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปด้วยในเวลาเดียวกัน

รายงานที่เพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อเร็ว ๆ นี้จาก 650 Group บริษัทนักวิจัยทางด้านการสื่อสาร ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ SASE พร้อมกับอธิบายถึงความจำเป็นที่องค์กรธุรกิจจะต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี คุณ Chris DePuy นักวิเคราะห์เทคโนโลยี ผู้ก่อตั้ง 650 Group ได้กล่าวว่า “ในขณะที่องค์กรธุรกิจได้เปลี่ยนไปสู่การใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และ SASE นั้น องค์กรเหล่านี้ได้ทำการประเมินและติดตั้งใช้งานบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud จากผู้พัฒนาหลายราย ซึ่งส่วนประกอบของระบบ SASE เองไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากผู้ผลิตเพียงรายเดียวแต่อย่างใด แนวทางของอรูบ้าจึงถือเป็นแนวทางที่จะสร้างสมดุลระหว่างการเสริมความมั่นคงปลอดภัยในแบบ On-Premise ที่ระบบเครือข่ายในระดับสาขาในขณะที่ยังทำให้ลูกค้ามีอิสระที่จะเลือกใช้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud ได้อย่างอิสระจากพันธมิตร อย่างเช่น Zscaler, Netskope และ Check Point ซึ่งกลยุทธ์ในการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตเทคโนโลยีหลายรายนี้ส่งผลให้องค์กรธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยใช้เทคโนโลยีจากผู้ผลิตรายเดิม หรือเปลี่ยนไปสู่ระบบจากผู้ผลิตชั้นนำย่อมทำได้เช่นกัน”

การผสานระบบ ClearPass Policy Manager ร่วมกับ Aruba EdgeConnect
การผสานระบบของ ClearPass Policy Manager เข้ากับ Aruba EdgeConnect SD-WAN Edge Platform ได้เสริมความสามารถในการติดตามและวิเคราะห์การใช้งานแอพพลิเคชัน (Application Intelligence) ได้ด้วยการเพิ่มการรับรู้ตัวตนของผู้ใช้งาน, อุปกรณ์ IoT, บทบาทของผู้ใช้งานและอุปกรณ์ สถานะด้านความมั่นคงปลอดภัยในปัจจุบันเพื่อใช้เป็นรากฐานให้กับการใช้งาน SASE ที่ระบบเครือข่ายในระดับสาขาโดยการผสานข้อมูลด้านบทบาท (Role) และสถานะความมั่นคงปลอดภัย (Security Posture) เข้ากับความสามารถในการทำ Dynamic Segmentation ช่วยให้องค์กรสามารถลดความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในการบริหารจัดการ VLAN นับร้อยที่เคยต้องสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ใช้งานและอุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้ ส่งผลให้การบริหารจัดการและดูแลรักษาระบบเครือข่ายมีความง่ายดายมากยิ่งขึ้น การผสานระบบดังกล่าวนี้จะทำให้การกำหนดบทบาทนั้นสะท้อนไปถึงการควบคุมอย่างทั่วถึงและเป็นอัตโนมัติ ซึ่งสามารถใช้ในการกำหนดสิทธิ์ได้ทั่วทั้งระบบเครือข่าย ณ ตำแหน่งที่อุปกรณ์ของผู้ใช้งานทำการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้ในทันทีไม่ว่าจะผ่านระบบ LAN หรือ WAN ก็ตาม

การผสานระบบ Aruba Threat Defense ร่วมกับ Aruba EdgeConnect
การผสานระบบของ Aruba Threat Defense ร่วมกับ Aruba EdgeConnnect SD-WAN Edge Platform ได้เพิ่มความสามารถในการทำ Intrusion Detection and Prevention (IDS/IPS) ชั้นสูงให้กับ EdgeConnect ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งใช้งานในแบบอุปกรณ์จริงหรือ Virtual ก็ตาม ทำให้แพลตฟอร์ม EdgeConnect สามารถใช้ระบบโครงสร้างในการจัดการภัยคุกคามของอรูบ้าได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเกิดการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามระหว่าง Aruba Central และ EdgeConnect เพื่อให้สามารถตรวจสอบภัยคุกคามได้ทั่วทั้งระบบเครือข่าย ด้วยความสามารถในการทำ Unified Threat Management (UTM) ส่งผลให้องค์กรสามารถเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับการรับส่งข้อมูลภายในองค์กรไปพร้อมกับการปกป้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในทุกสาขาได้ อีกทั้งระบบดังกล่าวนี้ยังสามารถติดตั้งใช้งานได้แบบศูนย์กลางภายในองค์กรหรือติดตั้งใช้งานผ่าน Cloud ก็ได้เช่นกัน โดยการใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือกับภัยคุกคามและการแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามร่วมกันบน Aruba ESP เช่นนี้ ผู้จัดการด้านระบบเครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัยก็จะสามารถบังคับใช้นโยบายในการรับมือกับภัยคุกคามได้ทั่วทั้งองค์กรจากศูนย์กลาง

อิสระในการเลือกใช้เทคโนโลยีจากพันธมิตรหลากหลายผู้ผลิต
เมื่อองค์กรธุรกิจได้เริ่มก้าวไปสู่การใช้สถาปัตยกรรม Zero Trust และ SASE แล้ว พร้อมกับเพิ่มการประเมินและเลือกใช้งานบริการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud จากผู้ผลิตที่หลากหลาย โดยยืนยันได้จากผลสำรวจด้านแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยฉบับใหม่ล่าสุดจาก Ponemon ด้วยการเปิดเผยว่ามากกว่า 70% ของผู้ถูกสำรวจนั้นจะมองหาโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud ที่ดีที่สุดมากกว่าที่จะเลือกใช้แนวทางสำเร็จรูปจากผู้ผลิตเพียงรายเดียว1 เพื่อให้สามารถวางระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Zero Trust และ SASE ให้ครอบคลุมได้
ด้วยหน้าจอบริหารจัดการ Workflow ใหม่ในชื่อ Aruba Orchestrator Management Console ที่มีชื่อเดิมว่า Silver Peak Unity Orchestrator ที่ในปัจจุบันมีการกำหนดข้อมูลค่าตั้งต้นเกี่ยวกับการบริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud ของพันธมิตรทางด้าน Cloud Security เอาไว้ให้พร้อมใช้งานได้ทันที ด้วยเหตุนี้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจึงสามารถเชื่อมต่อสาขาต่าง ๆ ที่ใช้อรูบ้าเข้ากับ Point of Presence (POP) และ Cloud Data Center ของพันธมิตรรายต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยชั้นนำ อย่างเช่น Check Point, Forcepoint, McAfee, Netskope, Palo Alto Networks, Symantec และ Zscaler ต่างล้วนเป็นพันธมิตรภายในระบบนิเวศทางด้านเทคโนโลยีของอรูบ้าทั้งสิ้น


David Hughes ผู้ก่อตั้ง Silver Peak และรองประธานอาวุโสแห่งธุรกิจ WAN บริษัท อรูบ้า

คุณ David Hughes ผู้ก่อตั้ง Silver Peak และรองประธานอาวุโสแห่งธุรกิจ WAN บริษัท อรูบ้า บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวว่า “การผสานระบบของ ClearPass Policy Manager และ Aruba Threat Defense เข้ากับ EdgeConnect SD-WAN Edge Platform ทำให้เราสามารถใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยโดยอ้างอิงจากการระบุยืนยันตัวตนได้สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Aruba Secure Edge ทั้งหมด การผสมผสานที่ทรงพลังนี้จะทำให้ลูกค้าสามารถก้าวเดินต่อไปได้ด้วยระดับความเร็วที่ต้องการในการเปลี่ยนจากสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายที่มี Data Center เป็นศูนย์กลางแบบดั้งเดิมที่มีระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการเชื่อมต่อไปยังภายนอกเท่านั้นไปสู่ระบบ WAN ที่มี Cloud เป็นศูนย์กลาง พร้อมระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่ใช้หลักการ Zero Trust และ SASE โดยลูกค้าองค์กรสามารถติดตั้งใช้งานแพลตฟอร์ม EdgeConnect WAN Edge ภายในองค์กรเพื่อควบคุมนโยบายความมั่นคงปลอดภัยที่ Edge ได้ และผสานระบบเข้ากับบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud ชั้นนำจากผู้ผลิตที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย โดยทั้งหมดนี้สามารถบริหารจัดการจากศูนย์กลางได้ผ่าน Aruba Orchestrator”

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Secure WAN Edge ที่ครอบคลุม รองรับสถานที่ทำงานแบบ Hybrid Work ทั้งหมด
แพลตฟอร์ม Aruba ESP ได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมที่สุดในอุตสาหกรรมแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นโซลูชันระบบเครือข่ายมีสาย เครือข่ายไร้สาย และ WAN Edge ที่มีความมั่นคงปลอดภัย ทำให้ลูกค้าสามารถปรับตัวสู่ New Normal ในปัจจุบันและอนาคตที่ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม WAN Edge ประกอบด้วย

  • Virtual Intranet Access Client (VIA) – เพิ่มความยืดหยุ่นสูงสุดให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้จากทุกที่ไม่ว่าจะเชื่อมต่อเครือข่ายส่วนตัวหรือสาธารณะก็ตาม
  • Remote Access Points (RAPs) – ลดความซับซ้อนในการสร้างพื้นที่ทำงานแบบเคลื่อนที่ได้ แบบระยะไกล และแบบชั่วคราว เชื่อมต่อไปยังเครือข่ายองค์กรได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
  • SD-Branch – ผสานระบบอย่างอิสระและง่ายดาย พร้อมการบริหารจัดการแบบรวมศูนย์สำหรับ WLAN, LAN และ SD-WAN ตลอดจนการรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบ Zero Trust
  • EdgeConnect – สร้าง QoE (Quality of Experience) ที่ดีตั้งแต่ Edge ถึง Cloud ด้วยแพลตฟอร์ม SD-WAN Edge ชั้นสูงและส่วนประกอบต่าง ๆ ของ SASE ที่บริหารจัดการร่วมกันได้

ข้อมูลเพิ่มเติม
Blog : Ponemon Survey Highlights Security Best Practices for Implementing a Zero Trust or SASE Architecture
[1] Ponemon Institute, The State of SD-WAN, SASE and Zero Trust Security Architectures, April 2021