เนื้อหาวันที่ : 2020-12-04 03:26:58 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1300 views

อรูบ้าเสริมทัพด้วย Aruba ESP ผสานรวมเครือข่าย IoT, IT และ OT เข้าด้วยกันเพื่อการปรับตัวที่ยืดหยุ่น ตอบรับสภาพแวดล้อมและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้ใช้

แพลตฟอร์มแรกที่ควบคุมการทำงานผ่านการโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์เพื่อผสานรวมระบบเครือข่าย IT, IoT และ OT พร้อมด้วยการทำ Zero Trust Security และ AIOps ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและปรับปรุงระบบเครือข่ายให้มีความปลอดภัย มั่นคง ทนทาน และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อรูบ้า (Aruba) บริษัทในเครือฮิวเลตต์แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) ได้ประกาศถึงการปรับปรุงครั้งใหญ่ของ Aruba ESP (Edge Services Platform) ที่ผนวกรวมระบบเครือข่ายสำหรับ IoT, IT และ Operational Technology (OT) เข้าด้วยกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความต้องการของตนได้อย่างรวดเร็ว

Aruba ESP คือแพลตฟอร์มแรกที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านการโปรแกรมได้อย่างสมบูรณ์เพื่อสร้างข้อมูลแวดล้อม เช่น ข้อมูลระบุตัวตน สถานที่ สถานะความมั่นคงปลอดภัย และแอพพลิเคชันที่กำลังใช้งานเพื่อการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปใช้ในการทำ AIOps ด้วยระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์และแอพพลิเคชันจากพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีของอรูบ้า ลูกค้าของอรูบ้าจึงสามารถรับรู้สถานะการทำงานเชิงลึก (Hyper-aware) ของสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการทำงานได้ สามารถปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตัวธุรกิจ ผู้มาเยี่ยมชม และพนักงาน

ทุกวันนี้ “โครงข่ายที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงถึงกัน” (Connected Facilities) นั้นสามารถรองรับได้เพียงการเชื่อมต่ออุปกรณ์สำหรับบริการด้านการควบคุมเพียงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่โครงข่ายที่สามารถรับรู้สถานะการทำงานเชิงลึก (Hyper-aware Facility) ได้นั้นจะใช้ข้อมูลแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นโดย Aruba ESP เพื่อให้โครงข่ายสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้ใช้งานและสภาพแวดล้อมในการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น ด้วยการผสานรวมเครือข่าย IoT, IT และ OT เข้าด้วยกันภายใต้แพลตฟอร์ม Aruba ESP การรับรู้ถึงข้อมูลแวดล้อมอย่างครบถ้วนนี้จึงทำให้โครงข่ายแบบ Hyper-aware Facility มีความปลอดภัยสูงขึ้น สามารถปรับตัวได้ดีขึ้น ตลอดจนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวทางดังกล่าวถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เหนือกว่าการเชื่อมต่อเพียงทั่วไป ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบเครือข่ายด้วยการใช้ Machine Learning

การปรับปรุงครั้งนี้ของ Aruba ESP เป็นแพลตฟอร์มแบบ Cloud-native ซึ่งขับเคลื่อนโดย AI ได้ผนวกรวมความสามารถในการรับรู้ การวิเคราะห์ การตอบสนองต่อข้อมูลจากอุปกรณ์และข้อมูลแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน อุปกรณ์แอกเซสพอยต์ (Access Points) และสวิตช์ (Switches) ของอรูบ้าจะถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับ IoT และ OT ที่สามารถรองรับการทำงานได้หลายโปรโตคอลเพื่อเชื่อมต่อกับพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีในระบบนิเวศของอรูบ้าที่กำลังเติบโต โดยทั่วไปแล้วระบบใด ๆ ที่มีการใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพื่อรับข้อมูลหรือแสดงผล (I/O) นั้นสามารถใช้งานได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบสำหรับใช้งานในสายการผลิตของโรงงาน ระบบมัลติมีเดียในห้องทำงานของ CEO ตั้งแต่ระบบตรวจสอบการเว้นระยะทางสังคม ระบบตรวจสอบเสียงปืน อุปกรณ์ตรวจสอบการหมุนของเครื่องจักร จนถึงระบบนำทางแขกผู้มาเยี่ยมชม โดยมีโซลูชันที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับใช้งานในสถานศึกษา องค์กรธุรกิจ โรงพยาบาลและสาธารณสุข โรงแรมและที่พักอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจการผลิต ธุรกิจค้าปลีก การคมนาคมขนส่ง และหน่วยงานภาครัฐ

กรณีการใช้งาน (Use Cases) ในส่วนการรับรู้สถานการณ์ทำงานเชิงลึกของ Aruba ESP ได้แก่ อาคารอัจฉริยะที่รับรู้ถึงสถานการณ์การทำงานเชิงลึกสำหรับองค์กรธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรมและการผลิต สถานศึกษา โรงพยาบาลและสาธารณสุข โรงแรมและที่พักอาศัย ธุรกิจค้าปลีก การคมนาคมขนส่ง และหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงการใช้ Intelligent Edge สำหรับงานอื่น ๆ อาทิ

  • การควบคุมอาคารและการทำ Digital Twin – ด้วยการใช้ความสามารถของ AI ที่มีในระบบเพื่อสร้างโมเดลจำลองอย่างทันท่วงที (Real-time Simulation Models) ที่เปลี่ยนแปลงและเรียนรู้ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ภายในอาคาร อรูบ้าได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยี อย่างเช่น Microsoft Azure IoT เพื่อสร้างคู่แฝดดิจิทัลหรือโมเดลของซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อระบุถึงกระบวนการย่อยในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแนะนำการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการตรวจสอบแนวโน้มของการใช้พลังงานที่จำเป็นต่อการปรับปรุงแก้ไขในเชิงรุก
  • การตอบสนองและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีโดยมีข้อมูลแวดล้อมประกอบ – ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายใด ๆ ผู้ที่อยู่ภายในอาคารนั้นย่อมต้องการรับทราบถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยในแบบทันท่วงที (Real-time Safety Information) ส่งตรงมายังอุปกรณ์พกพา ในขณะที่ผู้ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์นี้ก็จะต้องทำการสื่อสารอย่างต่อเนื่องถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ Aruba ESP ที่มาพร้อมกับโซลูชันจากพันธมิตรด้านเทคโนโลยี อย่างเช่น Critical Arc และ Patrocinium สามารถสื่อสารไปยังผู้ที่อยู่ภายในอาคาร แขกผู้มาเยี่ยมชม และพนักงานภายในอาคารได้ โดยใช้เทคโนโลยีกราฟิก 4 มิติที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้ผู้ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้สามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าผู้คนในพื้นที่ใดของอาคารกำลังประสบเหตุดังกล่าว
  • ต่อยอดจาก 5G อย่างไร้รอยต่อด้วย Wi-Fi – Aruba ESP เปิดให้ผู้ให้บริการโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์สามารถต่อยอดระบบ 5G ให้ครอบคลุมภายในอาคารได้อย่างไร้รอยต่อ ให้บริการ Wi-Fi Calling ด้วยประสิทธิภาพในระดับกิกะบิตโดยใช้เทคโนโลยี Aruba Air Slice แนวทางนี้จะช่วยส่งมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งานและสามารถเชื่อมต่อได้อย่างต่อเนื่อง

โครงข่าย Hyper-aware Facility สำหรับอุตสาหกรรมที่รับรู้ถึงสถานการณ์ทำงานในเชิงลึก

  • การเปลี่ยนจากการซ่อมบำรุงแก้ไขไปสู่การบำรุงรักษาล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ – การซ่อมบำรุงรักษาล่วงหน้าในประเด็นปัญหาที่ตรวจพบสามารถช่วยลดเวลาที่ต้องหยุดทำงาน เพิ่มอัตราการใช้งานและประสิทธิภาพของทรัพย์สินที่มีอยู่ได้ แนวทางนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาลงได้สูงสุดถึง 40% ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของพันธมิตรทางเทคโนโลยี อย่างเช่น Ability Smart Sensor จาก ABB ทำให้ Aruba ESP รองรับการทำให้เซ็นเซอร์สำหรับเครื่องจักรสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ อย่างเช่น มอเตอร์ วาล์ว และปั๊มเพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติ ระบุปัจจัยที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง ปรับปรุงประสิทธิภาพ มีความมั่นคงทนทาน และเพิ่มความคุ้มค่าให้สูงยิ่งขึ้นได้
  • ลดเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซมด้วย Location Services – การเดินทางในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นอาจเป็นความท้าทายซึ่งทำให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพ และอาจส่งผลต่อประเด็นด้านความปลอดภัยได้ นวัตกรรมจาก Aruba Meridian และ Aruba ESP สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่โรงงานมีข้อมูลนำทางอย่างละเอียดในการเดินทางไปยังเป้าหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องมีความช่วยเหลือจากพนักงานคนอื่น ๆ
  • ตรวจสอบความปลอดภัยของบุคลากรและทรัพย์สิน – สำหรับสภาพแวดล้อมที่อาจเกิดเหตุระเบิดได้ ระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่นั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยปกป้องพนักงานและแขกผู้มาเยี่ยมชม Aruba ESP ได้ร่วมกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีอย่าง Mobilaris สามารถนำเสนอระบบตรวจสอบสถานการณ์แบบ 3 มิติได้ด้วยการติดตามสถานที่ของผู้คนและทรัพย์สิน สามารถทำงานร่วมกับระบบระบายอากาศอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเข้าออกในพื้นที่ และระบบนำทางบนยานพาหนะได้

เพื่อให้การทำงานแบบอัตโนมัติที่จำเป็นต่อกรณีการใช้งานเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง Aruba AIOps จึงได้ใช้ AI และ Big Data เพื่อทำการปรับปรุง ตรวจจับ คัดแยก และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่ายที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงทนทาน โดยเมื่อแหล่งกำเนิดข้อมูลจากระบบ IoT, IT และ OT มีจำนวนมากขึ้น การจำแนกแหล่งต้นตอของปัญหาหรือการเพิ่มประสิทธิภาพระบบโครงสร้างพื้นฐานนั้นก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้นเป็นอันมาก Cloud AI ของอรูบ้าได้ทำการรวมข้อมูลชี้วัดการทำงานจากลูกค้ามากกว่า 65,000 ราย และอุปกรณ์เครือข่ายมากกว่า 1 ล้านชุด พร้อมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ยาวนานกว่า 18 ปีเพื่อสร้างระบบ Supervised Learning ขึ้นมา Aruba ESP ได้สร้างองค์ความรู้ขึ้นมาจากระบบ AI ที่มีความแม่นยำสูงกว่า 95% เพื่อช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการตรวจสอบระบบ IoT, IT และ OT ให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งภายในระบบโครงสร้าง Unified Infrastructure และ Zero Trust Security Framework ของ Aruba ESP นั้นมีระบบ Aruba AIOps ที่สามารถทำงานได้เหนือกว่าระบบตรวจสอบเครือข่ายหรือระบบที่ใช้ Machine Learning อย่างง่าย เรียกได้ว่า Aruba AIOps คือจุดเปลี่ยนที่จะมาช่วยให้การทำงานของระบบเครือข่ายต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น และลดเวลาที่ต้องใช้ในการซ่อมบำรุง

นอกเหนือจากระบบโครงสร้าง Unified Infrastructure และ AIOps แล้ว Aruba ESP ยังสามารถสร้างข้อมูลแวดล้อมที่จะทำให้ระบบเครือข่ายสามารถเข้าใจถึงสถานการณ์ทางด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับธุรกิจองค์กรได้ โดย Zero Trust Security Framework จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์ IoT ใดที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงหรือเชื่อมต่อเครือข่ายได้จนกว่าจะมีความน่าไว้วางใจเพียงพอ แนวทางนี้มีการใช้งาน AI การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความมั่นคงปลอดภัยและนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยกับผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยมากกว่า 130 รายเพื่อทำความเข้าใจในเชิงลึกถึงแต่ละอุปกรณ์และบทบาทของอุปกรณ์นั้น ๆ เพื่อให้โครงข่าย Hyper-aware Facility สามารถผนวกรวมกิจกรรมด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้

Will Townsend ผู้ดำรงตำแหน่ง Senior Analyst แห่ง Moor Insights & Strategy กล่าวว่า “เครื่องจักร แอพพลิเคชัน และช่องทางการเชื่อมต่อนั้นมักถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับแต่ละแอพพลิเคชันทางด้าน IoT, IT และ OT ทำให้เกิดความซับซ้อนในการบริหารจัดการระบบเครือข่าย เราได้ทำการวิเคราะห์ถึงการใช้ Aruba ESP และเชื่อว่าแพลตฟอร์มเชิงสถาปัตยกรรมที่มีการใช้งาน Unified Infrastructure, Zero Trust Security และ AIOps นี้จะช่วยลดความซับซ้อนลงได้ อีกทั้งช่วยเร่งให้เกิดกรณีการใช้งานของโรงงานอัจฉริยะและการรับรู้ถึงสถานการณ์ทำงานในเชิงลึก (Hyper-aware) ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วทั้งแบบโครงสร้างภายในองค์กรเองและบน Cloud”

 

ประคุณ เลาหกิตติกุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise กล่าวว่า “ในการก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่ใช้ดิจิทัลเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก องค์กรธุรกิจในประเทศไทยต้องการระบบเครือข่ายที่มีเสถียรภาพ Aruba ESP ตอบโจทย์นี้ด้วยแพลตฟอร์มที่ครบถ้วนสมบูรณ์ จัดเป็น Cloud-native ที่มีความปลอดภัยระดับ Zero Trust Security สามารถโปรแกรมให้เรียนรู้และปรับตัวโดยอัตโนมัติได้ด้วย AIOps ที่ใช้ Big Data, AI และ Machine Learning โดยไม่ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญมาดูแลระบบ สามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันและอุปกรณ์ต่าง ๆใน Ecosystem ของพันธมิตรทางเทคโนโลยีของอรูบ้าได้ด้วย ทำให้เกิดการประสานระบบโครงข่าย IT เข้ากับ OT (Operational Technology) และ IoT โดยมี Hyper-aware รับรู้สถานการณ์โดยรวมของสภาพแวดล้อมทั้งระบบ จึงปรับตัวให้มีเสถียรภาพ ปลอดภัยและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงได้โดยอัตโนมัติ Aruba ESP รองรับโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆได้ทุกธุรกิจของลูกค้าทั้งองค์กรขนาดใหญ่และ Start-up ที่ต้องให้บริการเชิงดิจิทัลครบครัน อย่างเช่น ระบบอาคารอัจฉริยะ ระบบสำนักงานดิจิทัล โรงแรม อพาร์ตเมนต์ โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ที่พักคนชรา สนามกีฬา เป็นต้น อีกทั้งโรงงานอัจฉริยะสำหรับธุรกิจการผลิตและการจัดส่งที่ถูกต้องรวดเร็วด้วยระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ รวมถึงเมืองอัจฉริยะที่รัฐบาลไทยพยายามผลักดันภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 อีกด้วย โดยทีมงานอรูบ้าประเทศไทยพร้อมและยินดีอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษาแก่ทุกท่านอย่างเต็มที่”