แลนเซสส์ (LANXESS) บริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ได้ประกาศถึงผลประกอบการของไตรมาส 3 ยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส หลังผ่านไตรมาส 3 แลนเซสส์จะสามารถยืนยันและลดช่องว่างการดำเนินงานจริงได้ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ใน Guidance ของปี 2020 ขณะนี้คาด EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติตลอดทั้งปีจะอยู่ระหว่าง 820 - 880 ล้านยูโร ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้คาดไว้ว่ารายได้จะอยู่ในช่วง 800 - 900 ล้านยูโร
แมตเธียส แซกเชิร์ต (Matthias Zachert) ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท LANXESS AG กล่าวว่า “เรายังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่องได้ตามเป้าหมายท่ามกลางวิกฤตโคโรนาไวรัสและใกล้จะบรรลุเป้าหมายของปีการเงิน 2020 ที่ประกาศคาดการณ์ไว้เดิมซึ่งจะประกาศผลสำเร็จอย่างเป็นทางการของทั้งปีในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ เมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ผันผวนและความไม่แน่นอนมากมายถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของทีมแลนเซสส์ทั้งหมด ซึ่งเราภูมิใจในสิ่งนี้มาก โดยจะจ่ายโบนัสพิเศษสำหรับความมุ่งมั่นที่ไม่ธรรมดาของพนักงานในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนร่วมงานของเราที่ทำงานในโรงงานซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้ธุรกิจของเราดำเนินต่อไปได้ในช่วงวิกฤต ด้วยโบนัสนี้เราขอขอบคุณพวกเขาและคนอื่น ๆ ทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยรวมแล้วบริษัทเราจะใช้เงินจำนวนหลายล้านยูโรในการนี้เพื่อจ่ายให้พนักงานแตกต่างกัน ในเยอรมนีจะจ่ายโบนัสพิเศษในเดือนธันวาคม ส่วนประเทศอื่น ๆ จะจ่ายตามระเบียบของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันไป”
วิกฤตโคโรนาไวรัสยังคงส่งผลกระทบต่อตัวเลขทางธุรกิจในไตรมาส 3
วิกฤตโคโรนาไวรัสยังคงส่งผลกระทบต่อตัวเลขทางธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ทำให้ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 193 ล้านยูโร เท่ากับลดลง 28.3 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขของไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ได้ 269 ล้านยูโร ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติลดลงเหลือ 13.2 เปอร์เซ็นต์เทียบกับ 15.8 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสก่อนหน้า นอกเหนือจากการแพร่ระบาดแล้วยังมีการปิดโรงงานในเบลเยียมเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามแผน รวมถึงผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงและผลกระทบจากความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางตรงกันข้ามธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection Segment) กลับยังคงพัฒนาไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเชิงบวกจากตลาดเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
“ในหลาย ๆ ธุรกิจเราเห็นข้อบ่งชี้ว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อุปสงค์ในอุตสาหกรรมของลูกค้ารายสำคัญ รวมถึงภาคยานยนต์เพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกากำลังส่งสัญญาณกระตุ้นในเชิงบวก” แซกเชิร์ตกล่าวต่อ
ในไตรมาส 3 นี้ยอดขายของทั้งกลุ่มแลนเซสส์มีมูลค่า 1.461 พันล้านยูโรลดลง 14.3 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขปีก่อนที่ 1.704 พันล้านยูโร รายได้สุทธิ (Net Income) จากการดำเนินงานต่อเนื่องลดลง 68.4 เปอร์เซ็นต์จาก 79 ล้านยูโรเป็น 25 ล้านยูโร
กลุ่มธุรกิจ : กลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภคยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่ง
กลุ่มสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) อุปสงค์ของกลุ่มนี้มีเสถียรภาพในทั้งสองหน่วยธุรกิจย่อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ซึ่งทำให้ยอดขายเกือบถึงระดับของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาขายที่ลดลงและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นลบทำให้ยอดขายและกำไรลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ยอดขายลดลง 14.4 เปอร์เซ็นต์จาก 549 ล้านยูโรเป็น 470 ล้านยูโร มี EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 65 ล้านยูโร เท่ากับลดลง 28.6 เปอร์เซ็นต์เทียบกับ 91 ล้านยูโรของปีก่อน ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 13.8 เปอร์เซ็นต์เทียบกับ 16.6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว
กลุ่มสารเติมแต่งพิเศษ (Specialty Additives) การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังคงส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจนี้ ในไตรมาสที่ 3 ปริมาณการขายลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงของอุตสาหกรรมยานยนต์และการบิน ราคาขายที่ลดลงและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นลบ ยอดขายลดลง 18.5 เปอร์เซ็นต์จาก 503 ล้านยูโรเป็น 410 ล้านยูโร EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 65 ล้านยูโรเท่ากับลดลง 33.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตัวเลขปีก่อนที่ 97 ล้านยูโร ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติลดลงจาก 19.3 เปอร์เซ็นต์เป็น 15.9 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผู้บริโภค (Consumer Protection) ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทแลนเซสส์ เนื่องจากธุรกิจเคมีเกษตรที่แข็งแกร่งและอุปสงค์ของน้ำยาฆ่าเชื้อที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ผลงานในเชิงบวกจากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท IPEL ซึ่งเป็นผู้ผลิตไบโอไซด์ของบราซิล ช่วยชดเชยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่พึงประสงค์ โดยมียอดขาย 278 ล้านยูโร ถือว่าค่อนข้างมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับปีก่อน EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 59 ล้านยูโรสูงขึ้น 7.3 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลข 55 ล้านยูโรของปีก่อน และ EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้นถึง 21.2 เปอร์เซ็นต์เทียบกับ 19.9 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว
กลุ่มวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยเฉพาะในยุโรป แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ยอดขายอยู่ที่ 285 ล้านยูโรลดลง 19.3 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขปีก่อนที่ 353 ล้านยูโร เนื่องจากราคาขายที่ลดลงและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นลบ การปิดซ่อมบำรุงโรงงานในเบลเยียมครั้งใหญ่ตามแผนส่งผลกระทบต่อ EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติ เช่นเดียวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอทำให้กำไรลดลง 44.1% จาก 59 ล้านยูโรเป็น 33 ล้านยูโร ส่วน EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 11.6 เปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าตัวเลข 16.7 เปอร์เซ็นต์ที่ทำได้ในปีก่อน
แลนเซสส์ทำธุรกิจโดยปรับปรุงการดำเนินงานตามมาตรฐานด้านความยั่งยืน (Sustainability Credentials) ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากแลนเซสส์ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่าจะตั้งเป้าปลอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. 2583 (ค.ศ. 2040) บริษัทเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังได้ตั้งเป้าหมายใหม่ในการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการพิทักษ์น้ำ” (Water Stewardship Program) แลนเซสส์จะเสริมสร้างการจัดการน้ำอย่างยั่งยืนด้วยโครงการเฉพาะในท้องถิ่นในพื้นที่ 4 แห่งที่มีปัญหาเรื่องความตึงเครียดด้านความขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค (Water Stress) มากที่สุด จุดมุ่งหมายคือลดการถอนน้ำจากแหล่งธรรมชาติทั้งใต้ดินและบนดินมาใช้ (Water Withdrawal) ในพื้นที่เหล่านี้ลงให้ได้ 15 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2566 ประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำทั่วโลกต่อไป
ทั้งนี้ MSCI ESG ได้ปรับการจัดอันดับของแลนเซสส์ให้ดีขึ้นจากอันดับ BBB เป็น A เนื่องมาจากการมีกลยุทธ์ดูแลสภาพอากาศ หลักการกำกับดูแลกิจการที่กำหนดไว้เป็นอย่างดีและทุ่มเทความพยายามที่จะสร้างความปลอดภัยในการใช้สารเคมี (Chemical Safety)