เนื้อหาวันที่ : 2020-08-21 23:15:21 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1483 views

แนวโน้มการใช้บริการ NETWORK AS A SERVICE จะเติบโตอีกถึง 38% ในระยะเวลา 2 ปีต่อเนื่องจากการที่ธุรกิจปรับตัวรับมือ COVID-19

  • 74% ขององค์กรระบุว่าภัยโรคระบาดนี้ส่งผลกระทบต่อพนักงานในระดับปานกลางถึงระดับสูง
  • เพื่อโต้ตอบกับสถานการณ์ COVID-19 ผู้นำทางด้านไอที 38% ได้วางแผนลงทุนเพิ่มเติมในบริการระบบเครือข่ายแบบ Cloud และอีก 35% ได้วางแผนลงทุนในระบบเครือข่ายแบบ AI จากการมองหาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความคล่องตัวและเป็นอัตโนมัติมากขึ้นสำหรับรองรับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบผสมผสาน

ธุรกิจจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อพนักงานเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมการทำงานแบบผสมผสานที่เกิดขึ้นจากการมาของ COVID-19 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการจัดซื้อและใช้งานโซลูชันระบบเครือข่ายของฝ่ายไอที โดยในการตอบรับต่อภัยโรคระบาดนี้ผู้นำทางด้านไอทีได้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Cloud, ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย, ระบบประมวลผลที่ Edge และระบบเครือข่ายแบบ AI ให้สอดคล้องกับแผนการกู้คืนธุรกิจที่เริ่มมีความชัดเจน ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้เป็นผลมาจากการสำรวจผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีทั่วโลก (IT Decision-Makers : ITDMs) กว่า 2,400 รายที่ได้รับการสนับสนุนโดยอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์

เมื่อผู้นำทางด้านไอทีได้ตอบสนองต่อความท้าทายหลายประการจากการทำให้พนักงานสามารถทำงานจากคนละสถานที่อย่างสิ้นเชิงและการเกิดขึ้นของสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน ซึ่งผู้คนต้องการที่จะทำงานได้จากทั้งภายในบริษัท ที่บ้าน และระหว่างเดินทางได้ ผู้นำทางด้านไอทีเหล่านี้ต้องมองหาวิธีการปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายให้มีวิวัฒนาการต่อไปและเปลี่ยนจากการลงทุนในรูปแบบ CapEx ไปสู่โซลูชันที่สามารถใช้งานในรูปแบบ ‘as a service’ ได้แทน โดยอัตราส่วนเฉลี่ยของการใช้บริการทางด้านไอทีในรูปแบบ Subscription นั้นจะเติบโตขึ้นอีก 38% ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากนี้ที่ทั่วโลกมีสัดส่วน 34% จากการลงทุนด้านไอทีทั้งหมดไปเป็นสัดส่วน 46% ภายในปี ค.ศ. 2022 (พ.ศ. 2565) และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) จะมีการเติบโตจากสัดส่วน 35% ไปเป็น 48% โดยในเวลานั้นสัดส่วนขององค์กรที่มีการใช้งานโซลูชันไอทีในรูปแบบ ‘as a service’ เป็นส่วนใหญ่ของการลงทุน (เกิน 50%) นั้นจะมีสัดส่วนเพิ่มอีก 72% ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนทั่วโลกหรือ APAC ก็ตาม

Justin Chiah ผู้อำนวยการอาวุโส (Senior Director) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวัน และฮ่องกง/มาเก๊า (SEATH) บริษัท อรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า “จากการเกิดขึ้นของสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน ผู้นำทางด้านไอทีในสิงคโปร์ได้ถูกร้องขอให้นำเสนอทั้งความยืดหยุ่น ความมั่นคงปลอดภัยและค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ Edge อย่างสมดุล เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าในการตอบรับต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีนั้นจะต้องให้ความสนใจในการลดความเสี่ยงลงและความได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในรูปแบบ Subscription ซึ่งถึงแม้ว่าองค์กรที่ถูกสำรวจในสิงคโปร์กว่า 85% (77% สำหรับการสำรวจจากทั่วโลก) จะชะลอตัวหรือเลื่อนโครงการออกไปจากการมาของ COVID-19 แต่ธุรกิจก็ยังคงมีความมั่นคงและเริ่มมองหาวิธีการที่จะยังคงทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ธุรกิจเหล่านี้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในระบบเครือข่ายแบบ Cloud (38%) ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย (42%) ระบบประมวลผลที่ Edge (40%) และเทคโนโลยี AI สำหรับระบบเครือข่าย (28%)”
รายงานฉบับนี้ที่ได้ทำการสำรวจผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีมากกว่า 20 ประเทศใน 8 อุตสาหกรรมหลัก จะมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจเหล่านี้ต่อความต้องการทางด้านไอทีและธุรกิจที่เกิดขึ้นจากการมาของ COVID-19 การตัดสินใจด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นในฐานะของผลลัพธ์จากการตอบสนองนี้ และรูปแบบการลงทุนที่ได้รับการพิจารณา ซึ่งมีผลการศึกษาที่น่าสนใจดังนี้

ผลกระทบจาก COVID-19 มีนัยสำคัญเป็นอย่างมาก
ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีระบุว่าผลกระทบจาก COVID-19 นี้ส่งผลเป็นอย่างมากกับทั้งพนักงานและการลงทุนระยะสั้นด้านระบบเครือข่าย :

  • 22% ระบุว่ามี ‘ผลกระทบอย่างมาก’ ต่อพนักงาน (ทั้งการพักงานหรือการปลดพนักงานจำนวนมาก) ในขณะที่ 52% ระบุว่ามี ‘ผลกระทบปานกลาง’ (มีการลดการทำงานบางส่วนชั่วคราว) และมี 19% ที่ระบุว่ามี ‘ผลกระทบน้อย’ (มีเพียงไม่กี่ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบ)
  • ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีในอินเดีย (57%) และในบราซิล (34%) เป็นกลุ่มใหญ่ที่ระบุว่าพนักงานได้รับผลกระทบอย่างมาก ในขณะที่ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีในฮ่องกง (12%) และในเม็กซิโก (10%) เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมากเป็นส่วนน้อย แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละภูมิภาค
  • 78% ของตลาดในภูมิภาค APAC ระบุว่าการลงทุนในโครงการด้านระบบเครือข่ายถูกเลื่อนหรือดำเนินการช้าลงจากการมาของ COVID-19 และ 27% ระบุว่าโครงการในลักษณะนี้ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง
  • การยกเลิกโครงการทั่วตลาด APAC เกิดขึ้นสูงสุดในอินเดีย (37%) และเกิดขึ้นน้อยที่สุดในออสเตรเลีย (17%) แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากสำหรับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ขณะที่ 37% ของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีในอุตสาหกรรมด้านการศึกษาและ 35% ในอุตสาหกรรมโรงแรมและที่พักอาศัยทั่วโลกระบุว่าได้ยกเลิกการลงทุนด้านระบบเครือข่าย

อนาคตยังคงสดใส : การลงทุนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น
ในทางกลับกันแผนการสำหรับอนาคตนั้นถูกวางอย่างแข็งขัน โดยผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีส่วนมากกำลังวางแผนเพื่อที่จะลงทุนเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นสำหรับระบบเครือข่ายท่ามกลางวิกฤต COVID-19 เนื่องจากพวกเขาต้องสนับสนุนตอบรับความต้องการใหม่ ๆ ของพนักงานและลูกค้า

  • ด้วยสัดส่วนทั่วโลกกว่า 38% ซึ่งเป็นที่น่าประหลาดใจ จะเพิ่มการลงทุนในระบบเครือข่ายแบบ Cloud ขณะที่ 45%จะยังคงลงทุนด้วยสัดส่วนเท่าเดิม อีก 15% มีแผนลดการลงทุน ภูมิภาค APAC เป็นผู้นำด้วยสัดส่วนถึง 45% ที่ระบุว่าจะเพิ่มการลงทุนในระบบเครือข่ายแบบ Cloud โดยผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีจากอินเดียเป็นผู้นำที่สัดส่วน 59% ซึ่งด้วยโซลูชัน Cloud ที่เปิดให้มีการบริหารจัดการเครือข่ายขนาดใหญ่ได้จากระยะไกล ความสามารถเหล่านี้ถือเป็นที่ดึงดูดสำหรับฝ่ายไอทีเป็นอย่างมาก ในขณะที่โซลูชันแบบ On-Premises นั้นไม่สามารถตอบโจทย์หรือความท้าทายที่ต้องเผชิญได้
  • ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทียังคงมองหาเครื่องมือที่ดีขึ้นสำหรับการตรวจสอบและวิเคราะห์ระบบเครือข่าย โดยสัดส่วน 34% จากทั่วโลกมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย 48% ระบุว่าจะยังคงลงทุนด้วยสัดส่วนเท่าเดิม 15% ระบุว่าจะลดสัดส่วนการลงทุนลง ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถแก้ไขปัญหาและปรับแต่งระบบเครือข่ายเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการระบบเหล่านี้มีการเติบโตยิ่งขึ้นจากการที่พนักงานทำงานจากคนละสถานที่อย่างสิ้นเชิง
  • มีการให้ความสำคัญต่อเทคโนโลยีนวัตกรรมที่จะช่วยให้ฝ่ายไอทีมีชีวิตที่ง่ายขึ้นด้วยการเปลี่ยนงานที่ต้องทำซ้ำ ๆ ให้เป็นระบบอัตโนมัติ เราพบว่า 35% ของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีทั่วโลกมีแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีด้าน AI สำหรับระบบเครือข่าย โดยภูมิภาค APAC มีสัดส่วนสูงสุดที่ 44% (ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอที 60% จากอินเดียและ 54% จากฮ่องกง)

การเลือกใช้แนวทางการลงทุนรูปแบบใหม่กำลังเติบโต
เมื่อผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีได้วางแผนการลงทุนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว พวกเขาได้มองหาทางเลือกวิธีการลงทุนรูปแบบใหม่เพื่อให้เกิดความสมดุลสูงสุดระหว่างคุณค่าและความยืดหยุ่น

  • 59% ในสิงคโปร์ระบุว่าพวกเขาจะมองหาการลงทุนรูปแบบ Subscription ใหม่สำหรับฮาร์ดแวร์และ/หรือซอฟต์แวร์ โดย 61% เลือกพิจารณา Managed Services สำหรับโซลูชันฮาร์ดแวร์และ/หรือซอฟต์แวร์แบบสำเร็จรูปครบวงจร 34% เลือกพิจารณาการเช่าซื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลกระทบจาก COVID-19 ทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในรูปแบบทางการเงินที่ยืดหยุ่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
  • รูปแบบการเช่าใช้ระบบเครือข่ายแบบ Subscription ได้รับความนิยมสูงขึ้นใน APAC (61%) ซึ่งสูงกว่าในอเมริกา (52%) หรือ EMEA (50%) และประเทศที่มีความนิยมสูงสุดนั้น ได้แก่ ตุรกี (73%) อินเดีย (70%) และจีน (65%)
  • อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะพิจารณาการใช้ Subscription มากที่สุดคือโรงแรมและที่พักอาศัย (66%) เทคโนโลยีและโทรคมนาคม (58%) การศึกษา (57%) ผลกระทบจาก COVID-19 ที่มีต่อพฤติกรรมของฝ่ายไอทีได้ทำให้เกิดความต้องการในการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถทำนายได้ รวมถึงความต้องการในการลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนจัดซื้อเริ่มต้นนั้นสูงขึ้นจากที่ผ่านมา
  • ในทางกลับกันมีเพียงสัดส่วน 8% จากทั่วโลกเท่านั้นที่ยังคงมีแผนการลงทุนในแบบ CapEx ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนที่สูงสุดในเนเธอร์แลนด์ (20%) สหรัฐอเมริกา (17%) สเปน (16%) และฝรั่งเศส (15%) ซึ่งหากเทียบจากอุตสาหกรรมแล้ว 15% ของอุตสาหกรรมค้าปลีก ธุรกิจจัดจำหน่าย และขนส่งจะยังคงลงทุนในแบบ CapEx ทั้งหมด ในขณะที่มีเพียง 5% ของอุตสาหกรรมไอที เทคโนโลยี การศึกษา และโทรคมนาคมเท่านั้น ส่วนในธุรกิจโรงแรมและที่พักอาศัยมีเพียง 2%

“ด้วยความต้องการของลูกค้าและพนักงานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงหลากหลายแง่มุมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ จึงไม่เป็นที่แปลกใจที่จะเห็นผู้นำทางด้านไอทีมองหาโซลูชันที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น พวกเขาถูกผลักดันให้ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและต้องมั่นใจว่าระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อนและกระจายตัวขึ้นนี้จะยังคงสร้างประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานต้องการได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ความต้องการในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายได้อย่างคล่องแคล่วและยืดหยุ่นนี้มีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยจากผลสำรวจทั่วโลกก็ได้แสดงให้เห็นว่า 58% ของผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้านไอทีในภูมิภาค APAC จะพิจารณาโซลูชันแบบ Managed Service ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 53% เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจในภูมิภาค APAC มองอนาคตในทางที่ดี” Chiah กล่าวต่อ
แม้ว่าภัยโรคระบาดนี้จะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อโครงการต่าง ๆ ในหลากหลายระดับ งานวิจัยนี้ได้แนะนำว่าผลกระทบเหล่านี้จะกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนในระยะกลางสำหรับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น และเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการลงทุนที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้นซึ่งสามารถจำกัดการลงทุนในช่วงแรกเริ่มได้ แนวโน้มที่เคยเกิดขึ้นในสัดส่วนที่คงที่นั้นจะเริ่มเติบโตขึ้น รวมถึงการย้ายไปสู่ระบบ Edge และการใช้งานระบบเครือข่ายที่ชาญฉลาดแบบ Cloud และมี AI คอยช่วยเหลือด้วย

ผู้ที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันไอทีที่ยืดหยุ่นของอรูบ้า กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ https://www.arubanetworks.com/solutions/technology-solutions/