อรูบ้า (Aruba) หนึ่งในเครือบริษัทฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ (NYSE: HPE) โชว์ผลงานล่าสุดกับการเปิดตัว Aruba ESP (Edge Services Platform) แพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ (Cloud-Native) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนระบบเครือข่ายปลายทางอัจฉริยะ (Intelligent Edge) แพลตฟอร์มนี้ใช้พลังความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นตัวขับเคลื่อนแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ เพื่อคาดการณ์และแก้ไขปัญหาที่ระบบเครือข่ายส่วนปลาย (Network Edge) ก่อนที่ปัญหานั้นจะเกิดขึ้น ตลอดจนระบบอัตโนมัติ (Automation) ช่วยเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาปฏิบัติได้ (Actionable Insights) ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Aruba ESP มีรากฐานการพัฒนาขึ้นมาจาก AIOps, Zero Trust Network Security และ Unified Infrastructure ครอบคลุมทุกระบบเครือข่ายระดับ Campus Network, Data Center รวมถึงสาขาและพนักงานที่ปฏิบัติงานจากระยะไกล (Remote Worker) Aruba ESP ทำงานได้โดยอัตโนมัติอย่างครบวงจรทั้งหมดในหนึ่งเดียวซึ่งสามารถวิเคราะห์ข้อมูลครอบคลุมทุกโดเมน รับประกันความพึงพอใจการให้บริการ (SLA) ตรวจสอบความผิดปกติและสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันยังสามารถดูแลและรักษาความมั่นคงปลอดภัยจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักซึ่งเชื่อมต่อเข้ามาในระบบเครือข่ายได้อีกด้วย Aruba ESP ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานแบบคลาวด์แก่ผู้ใช้งานที่ส่วนปลาย (Edge) ของระบบเครือข่าย องค์กรสามารถเลือกใช้บริการได้แบบ as a service บนระบบคลาวด์ หรือติดตั้งระบบเอง (On-Premises) และบริการแบบ Managed Service ผ่านพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ ของอรูบ้า หรือจะเลือกใช้บริการแบบ Network as-a-Service ผ่านทาง HPE GreenLake อีกทั้งยังสามารถเลือกวิธีการชำระเงินได้ตามการใช้งาน โดยลูกค้าสามารถจัดซื้อจัดหาได้ด้วยทางเลือกทางการเงินที่ยืดหยุ่นผ่านทาง HPE Financial Services
ตลาดเทคโนโลยีได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทุก ๆ สิบปี สองทศวรรษที่ผ่านมามีศูนย์กลางอยู่ที่เรื่องการทำงานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobility) ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ตามมาด้วยการย้ายไปยังแอพพลิเคชันบนคลาวด์ ขณะนี้กำลังเข้าสู่ยุคของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนโดย IoT, AI และระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยการประมวลผลและระบบเครือข่ายที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแอพพลิเคชันและภาระงานใหม่ ๆ ซึ่งทำงานประสานกันอยู่บนระบบคลาวด์ แต่การปฏิบัติงานอยู่ที่ส่วนปลายของระบบเครือข่าย (Edge) เป็นผลให้องค์กรต่างสร้างข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างจำนวนมหาศาลขึ้นมา ซึ่งหากนำมาวิเคราะห์และดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้วสามารถใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ ทำให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ ๆ ที่ดีทางธุรกิจได้อีกด้วย กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เหล่านี้ให้กลายเป็นการกระทำที่มีความหมายคือการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลนี้ ณ จุดกำเนิด – คือที่ Edge – เป็นจุดที่ซึ่งผู้คน อุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ เชื่อมต่อเข้าสู่โลกดิจิทัล ความสามารถในการสร้างความเข้าใจเชิงลึกที่นำมาใช้ปฏิบัติได้ซึ่งวางรากฐานอยู่บนข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับช่วงเวลานี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ที่องค์กรธุรกิจ พนักงาน และระบบเครือข่ายต้องปรับตัวให้ทันกับความต้องการทางธุรกิจและสถานที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
การจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) ที่ Edge ได้ต้องการระบบเครือข่ายที่ใช้พลังของ AI ผ่านทางอุปกรณ์การตรวจวัดระบบเครือข่ายจากระยะไกลอัตโนมัติ (Network Telemetry) เพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดมหึมาที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และยังต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มี “สัมผัสพิเศษ” ที่ใช้พลังความสามารถของ AI เช่นกันเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อให้สามารถระบุปัญหาที่ได้ในเชิงรุก พร้อมแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นคำสั่งในการแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ ซึ่งทำได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลหาความเข้าใจเชิงลึกจากระบบเครือข่าย รวมทั้งของผู้ใช้และอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Aruba ESP สามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารให้กลายเป็นความรู้ แล้วนำมาช่วยองค์กรเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านและดำรงความต่อเนื่องทางธุรกิจได้ด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานได้ทั้งบนระบบที่ติดตั้งเอง (On-Premises) หรือระบบคลาวด์ อันมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงปลอดภัยและเป็นเอกภาพครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรโดยพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักดังนี้
จัสติน เฉียช (Justin Chiah) ผู้อำนวยการอาวุโสแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวันและฮ่องกง/มาเก๊า, หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์, ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท อรูบ้า หนึ่งในเครือบริษัท ฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์ กล่าวว่า “Aruba Edge Services Platform (ESP) ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือองค์กรโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการตรวจวัดจากระยะไกลอัตโนมัติ (Data Telemetry) ในระบบเครือข่ายเพื่อลดการทำงานที่มีความซับซ้อน ด้วยการทำให้งาน IT Operation เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น องค์กรต่าง ๆ จึงสามารถแก้ปัญหาไอทีที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันสามารถรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แก่โครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายที่มีเอกภาพได้ทั่วถึงทุกแคมปัส สาขา และตอนนี้รวมถึงสาขาขนาดเล็ก เช่น ที่บ้านอีกด้วย จึงมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นเพื่อมุ่งทุ่มเทสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ Aruba ESP มีความเหมาะสมอย่างสูงกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่แปรปรวนในทุกวันนี้ ดังที่เราได้เห็นกันว่าธุรกิจต่างกำลังเร่งความเร็วในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลและความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายซึ่งต้องมีความคล่องตัว ปรับขยายขนาดได้ เป็นคลาวด์-เนทีฟ และมีความมั่นคงปลอดภัย”
นวัตกรรมล่าสุดของ Aruba ESP
Aruba ESP เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟแบบ Full-Stack สามารถปรับขยายขนาดได้มากที่สุดเพื่อใช้กับสภาพแวดล้อมระบบเครือข่ายแบบใช้สายและแบบไร้สาย รวมทั้ง SD-WAN โดยได้รวมองค์ประกอบของระบบเครือข่ายหลายอย่างไว้ด้วยกันอย่างเป็นเอกภาพสำหรับการบริหารจัดการและควบคุมจากศูนย์กลาง สามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อุปกรณ์ของอรูบ้าให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งาน Aruba ESP พัฒนาตามมาตรฐานระบบเปิด (Open Standards) เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันและบริการของผู้พัฒนารายอื่น (Third-Party) ที่มีหลากหลาย นวัตกรรมที่สำคัญของ Aruba ESP ที่จะขอแนะนำในวันนี้ ได้แก่
รอน การ์ดเนอร์ (Ron Gardner) วิศวกรโครงสร้างพื้นฐานอาวุโสของ James Cook กล่าวว่า “เครือข่ายขนาดใหญ่ของเราครอบคลุมแคมปัสและศูนย์การเรียนรู้หลายแห่งซึ่งล้วนต้องใช้งานแอพพลิเคชันที่ต้องการระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูง (Performance-Stringent Applications) เพื่อให้นักศึกษา นักวิชาการและนักวิจัยของเราเชื่อมต่อและทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิผล เราเลือกใช้แนวทางคลาวด์ต้องมาก่อน (Cloud-First Approach) ในการดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานของเราและเพิ่มขยายความสามารถด้วยการใช้ Aruba Central และ ArubaOS ทำให้เรามีความสามารถมองเห็นข้อมูลที่ครอบคลุมทั่วทั้งระบบ (Visibility) สร้างความเข้าใจเชิงลึก (Insight) เพื่อนำมาใช้ทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้นในขณะที่ลดพื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ (Equipment Footprint) สามารถทำการบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยได้จากคลาวด์ให้แก่แคมปัสใหญ่ ๆ และหน่วยงานต่าง ๆ ของเราที่กระจายกันอยู่ได้ ในที่สุดจะช่วยให้เราสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ในเชิงรุกก่อนที่จะเกิดขึ้นจนทำให้การดำเนินงานของเราต้องสะดุดลง”
เพื่อตอบสนองความต้องการด้านธุรกิจและด้านเทคนิคที่แตกต่างกันขององค์กรที่ต่างต้องการควบคุมและใช้ประโยชน์จากพลังของ Intelligent Edge ดังนั้นอรูบ้าจึงได้เพิ่มทางเลือกในการจัดซื้อจัดหาให้แก่องค์กรต่าง ๆ โดยสามารถเลือกใช้บริการ Network as a Service จาก HPE GreenLake หรือลูกค้าสามารถจัดซื้อจัดหา Aruba ESP ด้วยทางเลือกทางการเงินที่ยืดหยุ่นผ่าน HPE Financial Services ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถได้รับเทคโนโลยีที่พวกเขาต้องการในวันนี้และจ่ายเพียง 1% ของมูลค่าสัญญาทั้งหมดในแต่ละเดือนสำหรับแปดเดือนแรก โดยเลื่อนการจ่ายอีก 90% ของค่าใช้จ่ายไปจนถึงปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)
แบรนดอน สตราตัน (Brandon Stratton) ผู้ดูแลระบบเครือข่าย ES แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยฮูสตัน กล่าวว่า “ด้วยขนาดของโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นที่ Edge เราต้องการแนวทางการทำงานที่เป็นระบบ สามารถระบุ แก้ไขและปรับแต่งเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ ความเชี่ยวชาญและแนวทางของอรูบ้ากับโซลูชันที่ใช้ระบบ AI เช่น NetInsight แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่นำมาปฏิบัติได้สำหรับเราในการวิเคราะห์แล้วดำเนินการกับข้อมูลเชิงลึกที่เรารวบรวมมาได้”
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม