เปิดสำนักงานกรุงเทพฯ เป็นศูนย์บัญชาการประจำภูมิภาค พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์ม blu.
บลูฟรีเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อสารการตลาดแบบดิจิทัลระดับโลก ประกาศแผนธุรกิจรุกตลาดดิจิทัลมีเดียในเอเชีย โดยล่าสุดเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ พร้อมเป็นศูนย์บัญชาการธุรกิจประจำภูมิภาค ทั้งนี้ การเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯ สิงคโปร์ และฮ่องกง จะช่วยให้บลูฟรีเวย์สามารถนำเสนอซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารสำหรับการออกแบบและพัฒนาสื่อดิจิทัล รวมถึงรูปแบบการสื่อสารอินเตอร์แอ็คทีฟใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น |
a |
บิล เอ็มเดน กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทบลูฟรีเวย์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า‘บลูฟรีเวย์กำลังมุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อสารการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยอมรับสูงสุดในระดับโลก โดยล่าสุดเราได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางของการสื่อสาร ทั้งในส่วนของการสื่อสารการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลและสื่ออินเตอร์แอ็คทีฟ“ ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรกว่า 500 ล้านคน ผนวกกับเศรษฐกิจที่มีอัตราเติบโตมากถึง 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงสำหรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ |
a |
นายบิล กล่าวเสริมว่า “บลูฟรีเวย์ตัดสินใจเลือกกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค เนื่องจากกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองชั้นนำในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับอัตราเติบโตของรายได้ของประชากร ทำให้บริษัทข้ามชาติเกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ การที่กรุงเทพฯ มีสำนักงานของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลกหลายราย รวมทั้งของบริษัทไทยที่กำลังเติบโตตั้งอยู่ นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้บลูฟรีเวย์ตัดสินใจเปิดสำนักงานที่นี่” |
a |
ธุรกิจสื่อสารการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ด้วยบุคลากรด้านไอทีที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี บลูฟรีเวย์จึงมั่นใจว่าธุรกิจนี้จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ไมค์เคิล พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ลูกค้าคนไทยมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีในการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์ในชีวิตประจำวันสำหรับบลูฟรีเวย์ ความสำคัญของตลาดประเทศไทยนั้นไม่ได้มีเพียงแค่โอกาสจากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเจริญเติบโตของสื่อดิจิทัลและการเข้าถึงผู้บริโภคทั้งที่บ้านและที่ทำงานอย่างรวดเร็วอีกด้วย” “นอกจากนี้ การต้อนรับที่ดีจากประเทศไทยสำหรับผู้ลงทุนจากต่างชาติทำให้เรามั่นใจในการมาตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคที่นี่ ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งคือ ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งเชื่อมต่อไปยังตลาดอื่นๆ อย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง มะนิลา กัวลาลัมเปอร์ โฮจิมินห์ซิตี้ และจาการ์ตา ได้อย่างสะดวก” นายบิล กล่าวเสริม |
a |
นายบิล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ปัจจุบันการใช้จ่ายในส่วนของการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของงบโฆษณาทั้งหมดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม คาดว่าสื่อดิจิทัลจะมีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 40 ต่อปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งช่วยตอกย้ำความมั่นใจให้กับบลูฟรีเวย์ในการมาลงทุนในประเทศไทย สำหรับสำนักงานบลูฟรีเวย์ในประเทศไทยนั้น เราคาดหวังที่จะมีส่วนแบ่งในตลาดโฆษณาดิจิทัลร้อยละ 25 ในปี 2551 ตัวเลขอาจจะดูสูงเนื่องจากเราเพิ่งจะก้าวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่เรามีความเชื่อมั่นว่าด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ที่เรามี ผนวกกับความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดประเทศไทยของพนักงานชาวไทยที่มีพื้นฐานจากเอเจนซี่โฆษณาแบบดั้งเดิม จะทำให้เราก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้” ปัจจุบัน บลูฟรีเวย์มีพนักงานรวมกว่า 540 คน ให้บริการลูกค้า (ผู้ซื้อสื่อโฆษณาและผู้ผลิตสิ่งพิมพ์) กว่า 1,500 รายทั่วทุกภูมิภาคของโลก เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการของมีเดีย ซินเนอร์จีส์ (Media Synergies), แพลนเน็ตยูเท็ค (PlanetUTech) และรีเฟลกซิเบิล (Reflexible) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านสื่อสารการตลาดผ่านสื่อดิจิทัลรายใหญ่ในประเทศไทย |