หลังจากมีการลงนามความตกลงร่วมมือระดับภูมิภาค ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่าง OPEN-TEC เทคโนโลยีแพลตฟอร์มสัญชาติไทย กับ W.Media เทคโนโลยีแพลตฟอร์มสัญชาติสิงคโปร์เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าด้วยเรื่องการแบ่งปันองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศหรือ Cross Country Tech Knowledge Base ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการทำงานร่วมกันภายใต้ Technology Ecosystem ระหว่างสมาชิกทั้ง 2 แพลตฟอร์มในประเทศแถบอาเซียน มาถึงวันนี้ขอบข่ายความร่วมมือทั้ง 4 ข้อที่ได้ตกลงร่วมกัน ประกอบด้วย 1. Cross-Border Activities 2. Cross-Ecosystem 3. Cross-Platform 4. Cross-Media ได้มีการนำมาปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นผ่านการประชุมใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท ภายใต้ชื่อ Thailand Cloud & Datacenter Convention 2019 (THCDC 2019)
การผนึกกำลังกันในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทย ซึ่งถือเป็น 1 ในกลุ่ม Emerging Market (ประเทศตลาดเกิดใหม่) ที่ได้รับการคาดหมายในฐานะประเทศที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของอาเซียน โดยองค์ความรู้และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ และเทรนด์เทคโนโลยีในยุคดิจิทัล รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรกว่า 17 องค์กร ทั้งในประเทศไทยและประเทศแถบอาเซียน จะถูกนำมารวมไว้ในงานการประชุม THCDC 2019 เพื่อช่วยเสริมศักยภาพอันแข็งแกร่งให้ประเทศไทยมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และกำลังคนที่สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
วินเซนต์ ลิว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท ดับบลิว มีเดีย จำกัด ประเทศสิงคโปร์ (ที่ 4 จากซ้าย) ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ว่าความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่การเชื่อมต่อที่มีความหน่วงต่ำ (Low Latency Connectivity) ความจุของหน่วยเก็บข้อมูล (Storage Capacity) และความสามารถในการประมวลผล (Computing Power) ของแอพพลิเคชันที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจหลักขององค์กรบนคลาวด์ (Mission Critical Cloud-based Applications) ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อองค์กรสัญชาติไทยและบริษัทข้ามชาติ อาทิ ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ผู้ให้บริการสื่อสารแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ OTT (Over-the-Top) ผู้ให้บริการคลาวด์ ธุรกิจเกม ธนาคาร และการเงิน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ต้องหันมาลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น
จากผลการสำรวจของ Frost & Sullivan จะเห็นได้ว่าอัตราการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยกันเองในระดับโลกตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2021 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นปีละ 28% ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอัตราการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์กับผู้ใช้งาน ซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ 24% โดยเทรนด์นี้เกิดจาก Content Delivery Network (CDNs) และความต้องการที่จะกระจายข้อมูลคงที่ (Static Content) จำนวนมหาศาล เช่น รูปภาพและวิดีโอ ไปยังผู้ใช้งานมากขึ้น ทั้งนี้ อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 16.1% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าตลาดเกิดใหม่อย่างประเทศอินโดนีเซียและไทยจะเป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนอัตราการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน
การเติบโตดังกล่าวเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันกับการผลักดันนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ ‘ประเทศไทย 4.0’ ในวงการอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และอื่น ๆ แนวทางการเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัล (Digital Transformation) ขององค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยล้วนมุ่งไปที่การรับมือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และสภาพการแข่งขันที่สูงขึ้นจากผู้คนทั่วโลก ดังนั้นองค์กรจึงจำเป็นต้องสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่แข็งแกร่งและคล่องตัวเพื่อส่งเสริมการทำงานแบบดิจิทัล ซึ่งจะนำไปสู่การคิดกลยุทธ์อันล้ำสมัย รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ของคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และการเชื่อมต่อข้อมูล
“W.Media คือบริษัทเอเจนซี่ด้านการตลาดระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ เราเป็นผู้ริเริ่มจัดงานประชุมคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ (CDC) ในประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน รวมถึงประเทศเกาหลีใต้ และเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างเข้มข้นในตลาดสำคัญหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย W.Media ประสบความสำเร็จได้จากความเข้าใจอย่างถ่องแท้และสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นในวงการอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เราจึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นของตลาดในธุรกิจระดับโลก รวมถึงสร้างความมั่นใจในบริษัทผู้นำด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานในทุกประเทศที่เราจัดงานประชุม” วินเซนต์กล่าว
วลีพร สายะสิต ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ที.ซี.ซี. เทคโนโลยี จำกัด (ทีซีซีเทค) (ที่ 3 จากซ้าย) ในฐานะองค์กรที่ดูแลและขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ ของแพลตฟอร์ม OPEN-TEC ศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีหรือ Tech Knowledge Sharing Platform กล่าวเสริมว่า “Thailand Cloud & Datacenter Convention 2019 ตอกย้ำให้เห็นถึงความต่อเนื่องของความร่วมมือจากทั้งสองหน่วยงาน โดยเรา OPEN-TEC เองรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการนำเข้าองค์ความรู้และได้มีโอกาสต้อนรับเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคที่จะเข้ามาสร้างประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ รวมถึงบุคลากรด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย โดยจะเห็นว่าปัจจุบันในแต่ละประเทศต่างมองหาความร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศ ซึ่งจะเอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกันใหม่ ๆ สร้างผลกระทบเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจ ตลอดจนความยั่งยืนของสังคมรอบข้าง เชื่อว่าการแบ่งปันความรู้และการเรียนรู้ร่วมกันในระดับนานาชาติถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนแบบครบวงจรให้กับธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของเรา”
งานประชุมคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์แห่งประเทศไทย (THCDC) จะเป็นงานประชุมครั้งแรกที่ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ค้ารายใด (Vendor-neutral Convention) สำหรับผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบธุรกิจคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับอาวุโสมากกว่า 700 ท่าน รวมถึงผู้นำในวงการธุรกิจและนักลงทุนมากกว่า 30% จากทั่วภูมิภาคมาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่ง THCDC จะช่วยกระตุ้นให้เกิดข้อตกลงทางธุรกิจจากการชี้ให้เห็นช่องทางและโอกาสต่าง ๆ ในประเทศไทยมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างระบบนิเวศของธุรกิจด้วยการรวบรวมผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำ ผู้ให้บริการคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ สภาหอการค้า ฯลฯ เข้าไว้ด้วยกันในงานเดียว รวมถึงจะมีการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ด้านกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity Act) ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมายฉบับล่าสุดที่ตอกย้ำความพยายามในการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตของรัฐบาลแถบประเทศอาเซียน โดยในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามมีการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ทำให้องค์กรที่ประกอบธุรกิจคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ระดับประเทศและนานาชาติจำนวนมากต้องปรับตัวรับกับข้อกฎหมาย