เนื้อหาวันที่ : 2019-06-21 07:51:06 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2733 views

แลนเซสส์ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก 2019 ยังมั่นคงแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

  • ยอดขายในไตรมาสแรก 2019 ทำได้ดีใกล้เคียงไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วที่ 822 พันล้านยูโร
  • กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA pre Exceptionals) เพิ่ม 9 เปอร์เซ็นต์รวมเป็น 275 ล้านยูโร
  • สัดส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA Margin pre Exceptionals) เพิ่มขึ้นเป็น 1 เปอร์เซ็นต์
  • กำไรสุทธิ (Net Income) ที่ 84 ล้านยูโรเท่ากับเพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
  • ซื้อหุ้นสามัญคืนจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 176 ล้านยูโรจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200 ล้านยูโร
  • คาดการณ์ว่าผลประกอบการทั้งปีจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA pre Exceptionals) อยู่ระหว่าง 1.000 พันล้านยูโรถึง 1,050 พันล้านยูโร

แลนเซสส์ (LANXESS) ผู้นำในอุตสาหกรรมสารเคมีชนิดพิเศษประกาศผลประกอบการของไตรมาสแรก 2019 ที่ยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA pre Exceptionals) เพิ่มขึ้น 1.9 เปอร์เซ็นต์เป็น 275 พันล้านยูโรเมื่อเทียบกับ 270 พันล้านยูโรในไตรมาสแรกของปีที่แล้วซึ่งแข็งแกร่งมาก สาเหตุหลักของพัฒนาการในเชิงบวกนี้มาจากความสามารถเพิ่มราคาขายและความได้เปรียบจากอัตราการแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะกับสกุลดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้สัดส่วนของกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA Margin pre Exceptionals) ดีขึ้นจาก 14.9 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้วเป็น 15.1 เปอร์เซ็นต์

Matthias Zachert ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท LANXESS AG กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าสภาวะการค้าระหว่างประเทศจะชะลอตัวลง แต่เรายังคงเริ่มต้นได้ดีในปีการเงินใหม่นี้ เป็นการพิสูจน์ว่าธุรกิจพวกเราแข็งแกร่งขึ้นมากใน 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามีรายได้เพิ่มขึ้นมากจนชดเชยจากส่วนที่ลดลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเรายังคงทำกำไรเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง แถมยังดีกว่าเดิมเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่ผลประกอบการแข็งแกร่งมาก”
ในไตรมาสแรกของปีการเงิน 2019 (พ.ศ. 2562) ยอดขายรวมทั้งกลุ่มบริษัททำได้ 1.822 พันล้านยูโรใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว กำไรสุทธิ (Net Income) เพิ่มขึ้น 3.7 เปอร์เซ็นต์จาก 81 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 84 ล้านยูโร กำไรต่อหุ้น (Earning per Share) เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์จาก 0.89 ยูโรเป็น 0.93 ยูโร เนื่องมาจากจำนวนหุ้นสามัญโดยเฉลี่ยลดลง โดยในไตรมาสแรกของปีนี้แลนเซสส์ได้ซื้อหุ้นสามัญของตัวเองคืนเป็นมูลค่า 111 ล้านยูโรและซื้อได้เพิ่มขึ้นอีก 65 ล้านยูโรหลังจากนั้นจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 200 ล้านยูโรจนสิ้นสุดโครงการลงในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562
สำหรับทั้งปีการเงิน 2019 แลนเซสส์คาดการณ์ว่ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการดำเนินงานตามปกติ (EBITDA pre Exceptionals) จะอยู่ระหว่าง 1.000 พันล้านยูโรถึง 1.050 พันล้านยูโร โดยปีที่แล้วทั้งกลุ่มบริษัททำได้ที่ 1.016 พันล้านยูโร

สามในสี่ของกลุ่มธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
แม้ว่ายอดขายในตลาดการเกษตรยังคงลดลง แต่กลุ่มธุรกิจสารตัวกลางขั้นสูง (Advanced Intermediates) กลับเริ่มต้นปีการเงินใหม่ได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นไตรมาสแรกในประวัติศาสตร์ของกลุ่มที่สามารถทำยอดขายและ EBITDA จากการดำเนินงานได้สูงที่สุด โดยยอดขายในไตรมาสแรกนี้สูงถึง 586 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นถึง 3.7 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่ทำได้ 565 ล้านยูโร ส่วน EBITDA จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสูงถึง 11.8 เปอร์เซ็นต์ จาก 102 ล้านยูโร เป็น 114 ล้านยูโร ทำให้ EBITDA Margin จากการดำเนินงานเพิ่มจาก 18.1 เปอร์เซ็นต์เป็น 19.5 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งชนิดพิเศษ (Specialty Additives) มียอดขายลดลงเนื่องจากการยกเลิกสัญญาการผลิตที่มีกำไรต่ำมาก (Margin-dilutive Toll Manufacturing Contracts) และยกเลิกการผลิตในบางโรงงาน รวมทั้งยอดขายที่ลดลงในธุรกิจในยานยนต์อีกด้วย ทำให้ยอดขายรวมในไตรมาสแรกของกลุ่มลดลง 3.0 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้วที่เคยทำได้ 500 ล้านยูโร ปีนี้เหลือ 485 ล้านยูโร แต่ปรากฏว่า EBITDA จากการดำเนินงานกลับเพิ่มขึ้น เป็นผลบวกอันเนื่องมาจากความสามารถเพิ่มราคาขายและผลจากอัตราแลกเปลี่ยนรวมทั้งต้นทุนที่ลดลงจากการควบรวมกิจการมากกว่าการลดลงของยอดขาย รวมทั้งหน่วยธุรกิจสารเคมีฟอสฟอรัสที่ควบรวมมาจาก Solvay ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีที่แล้วมีผลทำให้กำไรเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิของกลุ่มเพิ่ม 2.5 เปอร์เซ็นต์จาก 81 ล้านยูโรเป็น 83 ล้านยูโร และ EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติเพิ่มขึ้นเป็น 17.1 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้วไตรมาสทำได้ 16.2 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มธุรกิจสารเคมีประสิทธิภาพสูง (Performance Chemicals) มียอดขายและกำไรที่ดีขึ้นเพราะว่าผลการดำเนินงานที่ดีในหน่วยธุรกิจบำบัดน้ำเสีย (Water Treatment) และผลิตภัณฑ์วัสดุเพื่อการป้องกัน (Material Protection Products) ซึ่งดีขึ้นสูงกว่าการลดลงในธุรกิจสินแร่โครเมียม (Chrome Ore) ของหน่วยธุรกิจเครื่องหนัง (Leather) ยอดขายเพิ่ม 3.3 เปอร์เซ็นต์จาก 336 ล้านยูโรเป็น 347 ล้านยูโรในไตรมาสแรกของปี 2019 ส่วน EBITDA จากการดำเนินตามปกติเพิ่ม 3.8 เปอร์เซ็นต์เป็น 54 ล้านยูโรจากไตรมาสแรกปีที่แล้วปีที่ทำได้ 52 ล้านยูโร และ EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 15.6 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้วที่ทำได้ 15.5 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มธุรกิจวัสดุวิศวกรรม (Engineering Materials) มียอดขายและผลกำไรที่ลดลงอันเนื่องมาจากความต้องการลดลงในธุรกิจยานยนต์ แม้จะได้รับผลบวกจากราคาและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น แต่ไม่สามารถชดเชยกันได้ ยอดขายไตรมาสแรกปี 2019 จึงลดลง 2.6 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสแรกปีที่แล้วทำได้ 392 ล้านยูโรเหลือ 382 ล้านยูโร และมี EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติในไตรมาสแรกปี 2019 ที่ 65 ล้านยูโรจาก 73 ล้านยูโรเท่ากับลดลง 11 เปอร์เซ็นต์ และมี EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติลดลงจาก 18.6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้วเหลือเป็น 17.0 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขที่สำคัญของกลุ่มธุรกิจแลนเซสส์

ล้านยูโร

Q1/2018

Q1/2019

% เปลี่ยนแปลง

ยอดขาย

1,816

1,822

0.3

EBITDA จากการดำเนินงานตามปกติ

270

275

1.9

EBITDA Margin จากการดำเนินงานตามปกติ

14.9%

15.1%

 

กำไรสุทธิ(1)

81

84

3.7

กำไรต่อหุ้น (ยูโร)

0.89

0.93

4.5

หนี้สินทางการเงินสุทธิ(2)

1,381

1,675

21.3

จำนวนพนักงาน (เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2562)

15,441(3)

15,458

0.1

(1) จากการดำเนินงานตามปกติอย่างต่อเนื่อง
(2) หลังจากหักเงินฝากประจำและหลักทรัพย์เผื่อขาย
(3) อ้างอิงจากวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561

การเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากรและปรับองค์กรในคณะกรรมการบริหารและหน่วยธุรกิจ
คณะกรรมการกำกับดูแล (Supervisory Board) ของ LANXESS AG ได้ตั้ง Anno Borkowsky ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งในคณะผู้บริหาร (Board of Management) ของบริษัทสารเคมีชนิดพิเศษนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป ในหน้าที่ใหม่นี้ Borkowsky ซึ่งจบปริญญาเอกสาขาเคมีจะต้องรับผิดชอบกลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งชนิดพิเศษ โดยตำแหน่งก่อนหน้านี้ของเขาเป็นหัวหน้าหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งอยู่แล้วในแลนเซสส์
ในขณะเดียวกันโครงสร้างองค์กรของกลุ่มธุรกิจสารเติมแต่งชนิดพิเศษจะมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป โดยจะมี 3 หน่วยธุรกิจจากเดิมที่มีเพียง 2 หน่วยธุรกิจ และหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งเดิมจะแบ่งออกเป็น 2 หน่วยธุรกิจใหม่คือหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งสำหรับโพลิเมอร์ (Polymer Additives) และหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งสำหรับสารหล่อลื่น (Lubricant Additives) โดยหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งสำหรับโพลิเมอร์จะนำเสนอเคมีภัณฑ์คุณภาพการเติมแต่งสูงและมีประสิทธิภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมโพลิเมอร์ โดยประกอบด้วยสารหน่วงการติดไฟที่มีองค์ประกอบพื้นฐานเป็นโบรมีน (Bromine) และฟอสฟอรัส (Phosphorous) ส่วนหน่วยธุรกิจสารเติมแต่งเพื่อการหล่อลื่นจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ตั้งแต่วัสดุหล่อลื่นสังเคราะห์ (Synthetic Lubricant Base Materials) ไปจนถึงสารเติมแต่งเฉพาะแต่ละตัว (Individual Additives) และแพ็กเกจรวมของสารเติมแต่ง