เนื้อหาวันที่ : 2018-10-10 08:49:10 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1771 views

จ.ขอนแก่น ดึงผู้จัดหางานชั้นนำ จัดโครงการ “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018” ครั้งที่ 2 ยิ่งใหญ่ เดินหน้าสร้างความเข้าใจตลาดแรงงาน 4.0 กระตุ้นแรงงานให้เกิดการปรับตัว เพิ่มทักษะให้สอดคล้องกับสภาพตลาด

ที่ห้องประชุมสัมมนา อาคาร 50 ปี เทคนิคไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น  ดร. สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายไชยปราการ พึ่งไท หัวหน้าสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น นายทรงศักดิ์ ทองไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ผศ.วิชยุทธ จันทะรี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น นายทัศไนย เหมือนเสน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ จ๊อบบีเคเค ดอทคอม ผู้ให้บริการ www.jobbkk.com และอุปนายกสมาคมดิจิทัลไทย และคุณจิรดา พูลสวัสดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวนัดพบตลาดแรงงานครั้งยิ่งใหญ่ แห่งปี “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018” ภายใต้ความร่วมมือประชารัฐ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างความเข้าใจตลาดแรงงาน 4.0 กระตุ้นแรงงานให้เกิดการปรับตัว เพิ่มทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2561 ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น จ.ขอนแก่น โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ทั้งกลุ่มผู้สมัครงานและประชาชนทั่วไป

นายทัศไนย เหมือนเสน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ จ๊อบบีเคเค ดอทคอม บริษัท จัดหางาน จ๊อบบีเคเค ดอท คอม จำกัด ผู้ให้บริการ E-JOB แฟลตฟอร์ม www.jobbkk.com เว็บไซต์ หางาน สมัครงาน ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า ทางธนาคารโลกได้ทำนายว่า “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีแนวโน้มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปี 2573 หรือในอีก 12 ปีข้างหน้า ทำให้ภาคธุรกิจหันมาสนใจการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนให้เกิดประโยชน์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในอนาคต เกิดการว่างงาน ตกงานของเด็กไทย บัญฑิตจบใหม่ถึง 72%” ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการแรงงานในอนาคต ทาง JOBBKK.COM จึงได้ร่วมกับทางจังหวัดขอนแก่น สำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น หรือเทคนิคไทย-เยอรมัน ร่วมจัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน ครั้งยิ่งใหญ่ โดยใช้ชื่องานว่า “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018” ภายใต้โครงการ JOBBKK งานทั่วไทย ไปทุกภาค โดยเน้นผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มดิจิทัล ที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อรองรับและพัฒนาผู้หางานทำยุค 4.0 ในที่กำลังจะเกิดผลกระทบจาก AI ให้มีการปรับตัวและพัฒนาฝีมือให้มีประสิทธิภาพ

สำหรับในปี 2561 มีบัณฑิตจบการศึกษากว่า 4 แสนอัตรา ในจำนวนนี้มีคนตกงานกว่า 1.6 - 1.8 แสนอัตรา หรือคิดเป็น 40% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทาง JOBBKK.COM เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหานี้ โดยเข้าไปให้คำปรึกษาในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 – 4 เพื่อดูว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง และจากการเข้าไปร่วมบรรยายไม่น้อยกว่า 289 ครั้ง พบว่า นักศึกษาชั้นปีที่ 1 “ยังหาตัวเองไม่เจอและไม่มีเป้าหมายในชีวิต” ที่แท้จริงก่อนที่จะเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา นักศึกษาที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ตอบไม่ได้ว่า เมื่อเรียนจบแล้วต้องการทำงานอะไร

ขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค 4.0 จากการเก็บสถิติของทั้งสำนักงานสถิติแห่งชาติ และ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) พบว่าตลาดแรงงานในปัจจุบันต้องการบุคลากรด้านไอทีมาขับเคลื่อนธุรกิจ ในลักษณะผู้สร้างนวัตกรรม หรือในฐานะผู้คิดค้นหรือผู้พัฒนามากกว่าเป็นผู้ใช้งานทางด้านไอที ข้อมูลจากภาคธุรกิจในปัจจุบันมีแรงงานมีผู้ทำงานทางด้านไอทีประมาณปีละ 3.6 แสนอัตรา ซึ่งในแต่ละปีภาคธุรกิจ มีความต้องการแรงงานทางด้านไอทีปีละประมาณ 20,000 อัตรา ขณะที่สถาบันการศึกษาผลิตได้ 1.9 หมื่นอัตรา ซึ่งหากประเมินจากตัวเลขภาคผู้ประกอบการน่าจะรับได้หมด แต่พบว่าเป็นว่าบัณฑิตที่จบออกมากว่า 44% เป็นคอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ คือเป็นผู้ใช้งาน ไม่ใช่ผู้คิดค้นหรือผู้สร้างนวตกรรม จากข้อมูลกลับพบว่าบัณฑิตที่จบมาในส่วนที่เป็นผู้คิดค้น ผู้สร้าง และพัฒนานวตกรรมมีเพียง 9% เท่านั้น ปัจจุบันภาคธุรกิจต้องการแรงงานด้านดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้เกิดการดิสรัปชั่นเทคโนโลยีในองค์กรธุรกิจสูงขึ้นทุกวันและองค์ความรู้บางอย่างยังล้าสมัย

อีกทั้งหลักสูตรที่สอนกันอยู่ในปัจจุบันกว่าจะปรับปรุงต้องใช้เวลา 4-5 ปี ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ทันสถานการณ์ ขณะที่ทั่วโลก ทั้ง ACM และ IEEE ได้อัพเดทหลักสูตรด้านดิจิทัลไปแล้วในปี 2560 แต่เรายังคงใช้มาตรฐานหลักสูตรตั้งแต่ปี 2552 อยู่ รวมทั้งความต้องการทาง นักการตลาดดิจิทัล, Data scientist, Data Analytics, Machine Learning และ AI เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ  แต่สถาบันการศึกษามีหลักสูตรเหล่านี้ในการผลิตนักศึกษาออกมาน้อยมาก

ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวภายหลังงานแถลงข่าว “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018” ว่า จากการสำรวจประชากรทางภาคอีสานในช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีความสนใจและมีความพร้อมในการเตรียมตัวที่จะก้าวสู่ตลาดแรงงาน  นอกจากนี้ยังมีแรงงานนอกพื้นที่จำนวนไม่น้อยที่ต้องการเข้ามาทำงานในพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะขอนแก่น เนื่องจากเป็นเมืองขนาดใหญ่ ที่พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน และตลาดเศรษฐกิจของนักลงทุน  อีกทั้งปัจจุบันขอนแก่นก้าวเข้าสู่ Smart City ถือเป็นศูนย์กลางความสะดวกด้านต่าง ๆ   ทั้งด้านระบบขนส่งมวลชนที่มีความพร้อมและทันสมัย ดังนั้นการพัฒนาด้านแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ขณะที่ประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในด้านการผลิต การค้า การส่งออกและการขนส่ง ทั้งยังอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยจึงเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของการลงทุนในอาเซียน และรองรับการเคลื่อนย้ายของแรงงานสู่เมืองที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นายไชยปราการ พึ่งไท  จัดหางานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า  งานนัดพบแรงงานครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ที่จัดยิ่งใหญ่ โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น และเว็บไซต์ จ๊อบบีเคเค ดอทคอม เพื่อผสานความร่วมมือ ตอบสนองนโยบายประชารัฐในการสร้างงานสร้างอาชีพในจังหวัดขอนแก่น รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งงานดังกล่าวจะช่วยเปิดวิสัยทัศน์ให้กับผู้สมัครงาน สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้แก่นักศึกษา สถาบันการศึกษา ให้ทราบถึงความต้องการของผู้ประกอบการในปัจจุบัน เป็นการช่วยให้ผู้สมัครงานได้เกิดการพัฒนาตนเองให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและผู้ประกอบการ โดยคาดว่าจะมีผู้มาร่วมงานในครั้งนี้มากกว่า 5,000 คน

ผศ.วิชยุทธ จันทะรี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ประจำวิทยาเขตขอนแก่น  กล่าวว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น (เทคนิคไทย-เยอรมัน) ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านตลาดแรงงานในอนาคต  ทั้งทางด้านการศึกษาและการปรับตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน และเพื่อส่งต่อให้กับสถานประกอบการอย่างมีคุณภาพ โดยในงานมีการเปิดบูธนิทรรศการ โชว์ผลงานของนิสิต นักศึกษา ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดเทคโนโลยีแห่งอนาคต มาจัดแสดงภายในงานเพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจ ได้เข้ามาเรียนรู้กระบวนการผลิตบุคลากร ให้ตรงตามความต้องการของสถานประกอบการในอนาคต

นายทรงศักดิ์ ทองไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากการที่ขอนแก่นก้าวเข้าสู่ Smart City มีความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้เมืองพัฒนาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน โดยทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้มีการลงทุน การขยายตัวในพื้นที่เพื่อให้เกิดเป็น Smart City อย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบขนส่งมวลชน รองรับการขยายตัวของเมืองและแรงงานที่เข้ามาทำงานในจังหวัดขอนแก่น  

คุณจิรดา พูลสวัสดิ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งและดีใจมาก ที่เห็นจังหวัดขอนแก่นได้ก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 เต็มตัว ทางประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น พร้อมเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์งานนัดพบแรงงานครั้งนี้ อย่างเต็มที่

นายทัศไนย เหมือนเสน กล่าวทิ้งท้ายว่า งาน “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018” เป็นงานนัดพบแรงงานที่มากกว่าการมาหางานทำ โดยภายในงานทางผู้ประกอบการจะนำเทคโนโลยีมาจัดแสดงแต่ละบูธเพื่อให้ผู้หางานทำ ตระหนักถึงการได้ทำงาน และเห็นถึงความสำคัญของการมีงานทำ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำ อาทิ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) เปิดบูธนิทรรศการโชว์ผลงานเทคโนโลยีจากโรงงานในกระบวนการผลิต และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น จัดแสดงโชว์นวัตกรรมเทคโนโลยี

นอกเหนือจากการรับสมัครงานแล้วภายในงานผู้สมัครงานจะได้พบกับนวัตกรรมเทคโนโลยีของการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลหลากหลายบริษัทชั้นนำนำมาแสดงภายในวันนั้น  “ดิจิทัล จ๊อบแฟร์ 2018”  มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2561 ณ ฮอล์ล 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น จ.ขอนแก่น  ผู้สมัครงานที่เข้าร่วมรับสมัครงาน สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อสร้างโอกาสได้งานทำได้ที่ https://jobbkk.com/go/h235o ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2561