ธุรกิจก่อสร้างบ้าน เร่งแผนทำกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์สร้างความน่าเชื่อถือ คาดผลประกอบการเป็นไปตามเป้า แนวโน้มในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยความเชื่อมั่นชัดเจนเผยเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งโตแค่ 12%
|
ธุรกิจก่อสร้างบ้าน เร่งจัดแผนทำกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ มีกิจกรรมประชาสัมพันธ์เสริมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ คาดผลประกอบการเป็นไปตามเป้า ส่วนแนวโน้มในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นมีความชัดเจนขึ้น เผยเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งโตแค่ 12% |
|
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรี.ดี. เฮ้าซิ่ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจก่อสร้างบ้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์...ไม่มีเงินก็สร้างได้..เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เปิดบริษัทเพื่อรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้าในปี 2540 บริษัทฯได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาด้วยดี สำหรับจุดเด่นของบริษัทคือความเป็นตัวจริง-ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่งผลให้ลูกค้าได้รับการสร้างบ้านตามแบบที่ต้องการ ภายในงบประมาณที่กำหนดไว้และก่อสร้างเสร็จตามแผนงาน |
|
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้การรับประกันบ้านทุกหลังที่ได้ทำการส่งมอบให้ลูกค้าไปแล้ว (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ส่งผลทำให้บริษัทฯได้รับโอกาสในการสร้างบ้านให้กับลูกค้ามากกว่า 100 หลัง โดยคาดว่า ณ สิ้นปีทำการปี 2550 บริษัทจะมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายโดยมีอัตราเติบโตประมาณ 12 % นอกจากนี้เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าบริษัทจึงได้จัดแคมเปญพิเศษ Hotline by MD. เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง สามารถสอบถามรายละเอียดได้โดยตรงกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ถือเป็นแคมเปญทางการตลาดครั้งแรกของเมืองไทยเป็นแคมเปญเด็ดจาก 3D HOUSING สู่ลูกค้าด้วยความชัดเจนถึงความเป็น....ตัวจริงในธุรกิจรับสร้างบ้าน |
|
"ปัจจุบันมีผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านกว่า 200 ราย แต่สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม ประเภทแรกคือกลุ่มที่ทำธุรกิจก่อสร้างที่มีศักยภาพครบถ้วน สามารถให้บริการได้ครอบคลุมนับตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบบ้านให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า พร้อมก่อสร้างด้วยวิศวกรและทีมงานระบบของตนเอง ซึ่ง 3D HOUSINGจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ถือว่ามีความเป็น...ตัวจริง....ในธุรกิจรับสร้างบ้านที่ลูกค้าพิสูจน์ได้และจะได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเลือกจ้างงาน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่สามารถให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ ออกแบบได้ มีวิศวกรคุมการก่อสร้าง แต่ไม่มีทีมงานก่อสร้างเป็นของตนเองต้องใช้วิธีรับเหมาช่วง" |
|
"ส่วนกลุ่มสุดท้ายซึ่งถือว่ามีจำนวนมากถึง 50 % คือกลุ่มผู้รับเหมาที่รับสร้างบ้าน ซึ่งจะมีความสามารถเฉพาะการก่อสร้าง แต่จะไม่มีความสามารถให้คำปรึกษา และออกแบบร่วมถึงการรับประกันบ้านที่ก่อสร้างหรือดูแลคุณภาพหลังก่อสร้างเสร็จ จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองจะศึกษาเกี่ยวกับบริษัทที่จะจ้างมาก่อสร้างบ้าน ก่อนตัดสินใจจ้าง ทั้งนี้เพื่อขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเริ่มก่อสร้าง" นายวิสิฐษ์กล่าว |
|
นายวิสิฐษ์กล่าวถึงความเป็นตัวจริงในธุรกิจรับสร้างบ้านว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯได้ศึกษาและพัฒนาระบบการทำงานของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการทำงานที่สามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าการทำงานเป็นทีมอย่างมีคุณภาพ ลูกค้าสามารถตรวจสอบการก่อสร้างได้ทุกขั้นตอน มั่นใจในคุณภาพการก่อสร้างจนสามารถให้การรับประกันภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ |
|
การศึกษาและพัฒนาเหล่านี้นำมาซึ่งการประกาศนโยบายถือเป็นหลักสำคัญในการดำเนินงานของบริษัท เช่น การประกาศการก่อสร้างโดยไม่ใช้ผู้รับเหมาช่วง การบริหารงานเชิงคุณภาพด้วย 5 G’s การเป็นผู้สร้างคอนเซ็ปต์..ไม่มีเงินก็สร้างได้ นโยบาย Simple Solution และแบบบ้านซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ 3D HOUSING ให้ลูกค้าเลือกมากกว่า 50 แบบ ฯลฯ ส่งผลให้บริษัทฯได้รับความไว้วางใจจนมีอัตราการเติบโตประมาณ 12-15% ทุกปี |
|
สำหรับแนวทางการทำตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย นายวิสิฐษ์กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายของบริษัทถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพทางการเงินและความคิด ชอบความท้าทายและชอบเป็นผู้นำไม่ชอบที่จะเป็นผู้ตาม สำหรับแนวทางการทำตลาดของบริษัทฯ คือเน้นการสื่อสารโดยตรงไปยังลูกค้าตัวจริงของบริษัท |
|
โดยมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์เสริมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ เช่น Hotline by MD. ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยมากพอสมควร และทั้งหมดให้ความชื่นชนกับกลยุทธ์ Hotline by MD. โดยในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะจัดทำกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้าเพิ่มเติม โดยคาดว่าผลประกอบการในปี 2551 จะมีอัตราเติบโตประมาณ 12% |
|
นายวิสิฐษ์กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบันว่า สำหรับผู้ให้บริการรับสร้างบ้านนั้น ได้รับผลกระทบโดยตรงจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง งานส่วนที่รับมาแล้วก็ต้องทำให้แล้วเสร็จตามสัญญา ส่วนงานส่วนที่จะรับต่อไปก็คงต้องมีการปรับราคาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุน คาดว่าน่าจะต้องปรับขึ้น 5-8% สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือในระยะอันใกล้นี้ |
|
เราอาจเห็นการทิ้งงานของผู้รับเหมาที่ขาดความรับผิดชอบจำนวนมาก สำหรับมุมมองของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะมีความรู้สึก ไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจโดยรวม รู้สึกไม่มั่นใจ แต่ก็อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าสภาวะการณ์ต่าง ๆที่เกิดขึ้นนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และจะเปลี่ยนไปจากสภาวะการณ์หนึ่งไปอีกสภาวะการณ์หนึ่งเสมอ |
|
"ผู้บริโภคส่วนนี้จำนวนไม่น้อยนะครับ เมื่ออารมณ์ไม่มั่นใจแล้ว จึงคิดชะลอการตัดสินใจออกไป โดยอาจลืมมองไปว่าสิ่งที่จะต้องเสียไปแน่นั้นคือโอกาส คิดง่ายๆนะครับ วันนี้ถ้าเรามีเงิน 1 ล้านบาท เราสร้างบ้านได้บ้านหลังหนึ่ง และบ้านหลังเดียวกันนี้ ถ้าเราสร้างเมื่อปีที่แล้ว ราคาไม่ถึงล้านนะครับแต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจได้บ้านหลังเล็กลง คำพูดที่ว่าหากจะซื้อของใหญ่ๆ ต้องซื้อตอนเศรษฐกิจไม่ดี ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ" |
|
ส่วนแนวโน้มในปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นมีความชัดเจนขึ้น เช่น การเมืองนิ่งขึ้น การใช้จ่ายภาครัฐเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง การปรับเงินเดือนของราชการ การปรับเงินเดือนของเอกชน ส่วนข้อกังวลก็มีอยู่บ้างครับ เช่นเงินเฟ้อที่จะตามมา แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ครับ ” นายวิสิฐษ์กล่าวในที่สุด |