เนื้อหาวันที่ : 2018-09-10 14:18:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1649 views

วสท.วิเคราะห์ทางวิศวกรรม-ความปลอดภัย และข้อเสนอแนะ เทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ

วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ตอบรับคำร้องขอจากประชาชนและได้เสนอข้อคิดเห็นทางวิศวกรรมและความปลอดภัย 5 ข้อ สำหรับการออกแบบ โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร (เทอร์มินัล) หลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าก่อสร้าง 35,000 ล้านบาท เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศ

ดร.ธเนศ วีระศิริ (Dr.Thanes Weerasiri) นายก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า จะเห็นว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน แวดวงสถาปนิกและหลายอาชีพ รวมถึงสื่อมวลชน เนื่องจากเทอร์มินัลเปรียบเสมือนประตูเมืองที่สะท้อนภาพลักษณ์ แบรนดิ้งและคุณค่าของประเทศไทยต่อนักท่องเที่ยวและชาวโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางสู่ประเทศไทยในปี 2560 จำนวนกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้ 2.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP และตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2561 ประมาณ 36 - 37 ล้านคน คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท ทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในเมืองรอง และเศรษฐกิจไทยกระจายรายสู่ภาคส่วนต่าง ๆ สำหรับการออกแบบและก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่มีคุณภาพ ต้องประกอบด้วย 1.) งานออกแบบที่ชาญฉลาดมาจากการศึกษาวิจัยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ออกแบบทางวิศวกรรม สถาปัตยกรรมและระบบเพื่อแก้ไขปัญหา และสนองต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ มิได้มุ่งเพียงภาพความสวยงามเท่านั้น 2.) ใช้พหุศาสตร์และเทคโนโลยีในการก่อสร้างอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ 3.) ใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4.) มีความปลอดภัยทั้งระยะก่อนก่อสร้าง ระหว่างการก่อสร้าง และหลังการก่อสร้างหรือเปิดบริการแล้ว 5.) เป็น Smart Design ที่รองรับความต้องการและการเติบโตในอนาคตได้ด้วย เนื่องจากอาคารเหล่านี้จะอยู่กับเราไปอีกกว่า 50-100 ปี

คุณเกชา ธีระโกเมน (Mr. Kecha Thirakome) อุปนายก วสท. กล่าวว่า ประเด็นอาคาร Terminal 2 มีความเห็นว่าจากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้เห็นแบบประกวดทางสื่อมวลชน ที่ใช้ไม้จำนวนมากเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ และยังไม่เห็นแบบผังอาคารส่วนอื่นๆซึ่งอาจยังไม่ได้พัฒนานั้น ความเห็นด้านอัคคีภัย คือ การออกแบบใช้ไม้เป็นท่อนๆจำนวนมากเรียงประกอบกันที่หัวเสาและเพดาน หากเกิดไฟไหม้จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอันตรายจากอัคคีภัยขึ้น ไม้เป็นชิ้นเป็นท่อนมีพื้นที่ผิวมากกว่าไม้ท่อนเดียว ทำให้สามารถติดไฟได้เร็วและมีขนาดไฟใหญ่รุนแรงกว่ามาก ท่อนไม้ประดับในระดับสูงจะจมอยู่ในชั้นระดับความร้อนจากเพลิงไหม้ที่ลอยขึ้นไปและสะสมอยู่ใต้เพดาน จะทำให้ท่อนไม้ติดไฟเร็วขึ้น ระบบดับเพลิงที่มีตามมาตรฐาน ทั้งจาก Sprinkler และ Hose system ไม่สามารถรองรับขนาดไฟที่เกิดขึ้นได้ในระยะเริ่มต้น อาคารผู้โดยสารถือเป็นอาคารชุมนุมคนและมีคนในเวลาเดียวกันหลายหมื่นคน มาตรฐานสากล NFPA 101 ของสมาคมป้องกันอัคคีภัยแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ National Fire Protection Association  – USA จึงกำหนดให้วัสดุตกแต่งผิวที่ลุกลามไฟช้าประเภท A หรือ B เท่านั้น แต่ไม้จัดเป็นประเภท C (Flame spread Class A = 0-25, Class B = 26-75, Class C = 76-200) ไม้เนื้ออ่อนเนื้อแข็งทั่วไป จะมี flame spread ประมาณ 100 เช่น Red Oak Wood จึงตกที่ Class C ตามมาตรฐาน NFPA101 จึงไม่อนุญาตให้ใช้ไม้หรือโฟมหรือฟองน้ำหรือพลาสติกที่เป็น Class C ในโถงหรือทางเดินหรือช่องบันได กรณีมีคนจำนวนมากกว่า 300 คน ส่วนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย ไม้เป็นทรัพยากรที่สำคัญ การออกแบบอาคารหลังนี้สามารถเลือกใช้วัสดุอื่นๆมาทดแทนไม้ ส่วนซอกมุมที่ไม้ร้อยถักจำนวนมากและอยู่สูงระดับ 15 - 20 เมตร จะดูแลกันอย่างไรในเรื่องฝุ่น การทำความสะอาดและการซ่อมแซม  รศ.เอนก ศิริพานิชกร (Assoc.Prof.Anek Siripanichakorn) ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วสท. กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของท่าอากาศยานในอนาคต E-Terminal ต้องการอาคารผู้โดยสารและการเชื่อมต่อไปยังจุดต่าง ๆ เพื่อให้ระบบการขนส่งลำเลียงผู้โดยสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจสูงสุด ประหยัดพลังงาน ขณะที่ผู้โดยสารต้องการเดินทางสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนการเช็คอินเช็คเอาท์ ประหยัดเวลา เกิดความอุ่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความพึงพอใจจากประสบการณ์ใหม่ ๆ ในท่าอากาศยานและการเที่ยวชมสินค้าปลอดภาษี จะเห็นว่าในระยะ 15 ปี ท่าอากาศยานในนานาประเทศได้เปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ประกอบไปด้วย IoT, Big Data และ AI ดังนั้นบริการในท่าอากาศยานของไทยควรคำนึงถึงอนาคตของวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่กำลังจะมาถึง ตัวอย่างเช่น เทอร์มินัล 4 ของท่าอากาศยาน ชางอี สิงคโปร์ ผู้โดยสารสามารถเช็คอินด้วยตนเองผ่านระบบอัตโนมัติที่ทันสมัยรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ทั้งยังสื่อภาพลักษณ์ความเป็นตัวตน และความทันสมัยของสิงคโปร์ได้อย่างลงตัว ขณะที่สนามบินปักกิ่งแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และจะเปิดบริการในกลางปี 2562 ได้ออกแบบโครงสร้างและการเชื่อมต่อให้ร่นระยะเวลาขนส่งสัมภาระเหลือเพียง 13 นาที หลังจากเช็คอินหรือเครื่องลงจอด และการเดินทางจากด่านตรวจศุลกากรไปยังประตูทางออกขึ้นเครื่องด้วยเวลาเพียง 8 นาที เท่านั้น จึงควรมีระบบการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น (Multi-Model Transportation) ซึ่งนอกจากรถยนต์นั่งส่วนตัวควรคำนึงถึงที่จอดรถตู้ รถโดยสารขนาดใหญ่ เชื่อมโยงกับระบบรางที่ สะดวกรวดเร็ว ในอนาคตอาจมีนิคมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงใกล้ๆสนามบิน ที่ต้องการคลังสินค้าศุลกากรและระบบต่าง ๆ ทั้งควรพิจารณาระบบโครงสร้างและการตกแต่งที่ใช้วัสดุที่เหมาะสม ดูแลบำรุงรักษาง่าย ระบบวิศวกรรมอัจฉริยะที่ช่วยลดการใช้พลังงาน

ผศ.ดร.ชูชัย สุจิวรกุล (Asst. Prof. Chuchai Sujivorakul) คณะอนุกรรมการมาตรฐานอาคารคอนกรีต วสท. กล่าวว่า การใช้วัสดุก่อสร้างจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานหลักสากล หรือหากมีมาตรฐานภายในประเทศ เช่นมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง ก็ควรนำมาใช้ในการออกแบบ อาคารผู้โดยสาร Terminal 2 ถือเป็นทั้งอาคารสาธารณะและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งต้องการวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพมากกว่าปกติโดยเฉพาะสมบัติด้านอัคคีภัย วัสดุก่อสร้างที่ใช้ในอาคาร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ วัสดุที่ใช้ทำโครงสร้างอาคารซึ่งเป็นส่วนที่รับน้ำหนัก ได้แก่ เสา คาน พื้น ผนัง โครงถัก โครงอาร์ค และโครงหลังคา ส่วนที่สอง คือ วัสดุตกแต่ง ได้แก่ วัสดุตกแต่งผิวผนังและฝ้าเพดานภายใน วัสดุตกแต่งผิวพื้นภายใน วัสดุที่ใช้เป็นโครงสร้างของอาคารจะต้องมีสมบัติการทนไฟ (Fire-Resistance Rating) เป็นไปตามชนิดของโครงสร้างและประเภทของการก่อสร้าง ตัวอย่างเช่น เสาหรือคานต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง และตงหรือพื้นต้องมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 60 (พ.ศ.2549) ออกตามพรบ.ควบคุมอาคาร 2522 และวัสดุเหล่านี้ต้องได้รับการรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ หากวัสดุที่ใช้เป็นโครงสร้างที่รับน้ำหนักได้ทำจากไม้จริง ต้องเป็นไม้เนื้อแข็งมากและต้องมีขนาดของโครงสร้างไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ตามมาตรฐาน NFPA 415 สำหรับการใช้ท่อนไม้มาเรียงต่อกัน ดังที่ใช้ในอาคาร Terminal 2 ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นโครงอาร์คที่รับน้ำหนัก หรือถ้าหากมีโครงสร้างอื่น (ที่ไม่ใช่ไม้) มารองรับท่อนไม้เหล่านี้ อาจมองว่าท่อนไม้เป็นวัสดุตกแต่งภายในอาคารผู้โดยสารก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นโครงสร้างที่รับน้ำหนัก การใช้ไม้จริงทั่วไปอาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้งาน เนื่องจากไม้จริงมีอัตราการทนไฟที่ต่ำ หากต้องการให้มีอัตราการทนไฟสูงขึ้นควรใช้วัสดุอื้นๆ แทนไม้  สำหรับในกรณีวัสดุตกแต่งภายในอาคาร Terminal 2 วัสดุตกแต่งที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติการลามไฟและการกระจายควันไม่น้อยกว่าระดับชั้น A หรือ B ตามการทดสอบมาตรฐาน มยผ. 8206-52 หรือ ASTM E84 หรือ NFPA 255 ซึ่งขึ้นอยู่กับการติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ และส่วนประกอบภายในอาคาร      

 

วสท. สรุปข้อเสนอแนะ 5 ข้อ ในการออกแบบและก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสารดังนี้ 1.) โครงการควรมุ่งการออกแบบเพื่อบริหารจัดการมากกว่าการให้ความสำคัญกับการตกแต่ง 2.) การออกแบบและวัสดุที่ใช้ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ความปลอดภัยของประชาชนและผู้มาใช้บริการเป็นสำคัญ 3.) นำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์มากขึ้นในการบริหารจัดการเทอร์มินัลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิม เมื่อนักท่องเที่ยวเพิ่มในอนาคต 4.) หากจำเป็นต้องจัดประกวดแบบครั้งใหม่ ควรเชิญผู้มีความรู้หลายด้านไม่เฉพาะสถาปนิก มาระดมความคิดเห็น 1-2 วัน เพื่อกำหนดกรอบสำคัญของการประกวดออกแบบให้ตอบโจทย์สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศและความต้องการของประชาชน เช่น ประสิทธิภาพการลำเลียงผู้โดยสารและสัมภาระ ด้านการบริหารจัดการพลังงาน ด้านเทคโนโลยี ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านconnectivity ด้านคุณค่าความเป็นประเทศไทย ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นไทยดั้งเดิม อาจเป็นไทยโมเดิร์นหรือไทยสากลก็ได้ 5.) คณะกรรมการพิจารณาตัดสินควรมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม บริหารทรัพยากรอาคาร พลังงานและสิ่งแวดล้อมด้วย