เนื้อหาวันที่ : 2018-09-05 10:06:02 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1735 views

อรูบ้า (Aruba) เผยผลการศึกษาศักยภาพของสำนักงานยุคดิจิทัล (Digital Workplace)

รายงานการศึกษาระดับสากลฉบับนี้ชี้ให้เห็นผลดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นมากกว่าเรื่องผลการทำงานที่เพิ่มขึ้น และเตือนองค์กรให้เตรียมพร้อมเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมากให้ยิ่งขึ้น

กรุงเทพมหานคร, วันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2561–พนักงานทั้งหลายที่ทำงานอยู่ในสำนักงานที่ทันสมัยเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Workplace) ไม่เพียงแต่จะมีผลการทำงานเพิ่มขึ้น แต่ยังมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น มีความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้นและมีรายงานที่ชี้ให้เห็นสภาพการดำเนินชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้น ตามผลการศึกษาระดับสากลซึ่งจัดทำโดยอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือบริษัทฮิวเลตต์แพคการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์

ในรายงานผลการศึกษาเรื่อง ,นักปฏิวัติดิจิทัลช่วยปลดล็อคศักยภาพของสำนักงานยุคดิจิทัล (Digital Revolutionaries Unlock the Potential of the Digital Workplace), ชี้ให้เห็นผลดีทั้งในด้านธุรกิจและการดำเนินชีวิตของพนักงานในที่ทำงานที่ใช้ดิจิทัลเป็นตัวขับดันการทำงาน (Digital-driven Workplace) มากขึ้น และการที่บริษัทที่ก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีน้อยกว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกแซงหน้าโดยคู่แข่งที่เหนือกว่า ไม่สามารถดึงดูดพนักงานเก่ง ๆ ชั้นแนวหน้ามาทำงานกับตนได้ และยังเตือนให้บริษัททั้งหลายต้องเพิ่มความสนใจมากขึ้นแก่พนักงานที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับดิจิทัล (Digital-savvy Employee) เหล่านี้ว่าอาจจะเป็นผู้ที่เพิ่มความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยของข้อมูลและข่าวสารให้แก่องค์กรได้

เนื้อหาหลักและการค้นพบที่สำคัญ

การศึกษาพนักงานทั่วโลกจำนวน 7,000 คนใน 15 ประเทศของหลากหลายองค์กรพบว่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานและความรู้สึกผูกพันของพนักงานกับองค์กรระหว่างในองค์กรที่มีสำนักงานยุคดิจิทัลกับองค์กรที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระดับที่น้อยกว่า เนื้อหาสำคัญที่พบได้แก่

  • นอกเหนือจาการเพิ่มผลสำเร็จในการทำงานแล้ว เครื่องมือดิจิทัลยังมีผลดีในการดำเนินชีวิตอีกด้วย: “นักปฏิวัติดิจิทัล” (Digital Revolutionaries)–ในที่นี้คือพนักงานที่ได้ทำงานอยู่ในที่ทำงานที่ใช้ความสามารถทางดิจิทัลอย่างเต็มที่มีเทคโนโลยีสำนักงานใหม่ ๆ ให้ใช้อย่างกว้างขวาง - พบว่า 51% มีความพึงพอใจในการทำงานค่อนข้างสูง และ 43% มีความรู้สึกเชิงบวกในเรื่องความสมดุลระหว่างการทำงานและการดำเนินชีวิต (Work-life Balance) ของตนมากกว่าพนักงานในบริษัทที่มีสำนักงานล้าหลังกว่าด้านดิจิทัล (Digital Laggards)–ซึ่งเข้าถึงเทคโนโลยีในการทำงานที่เป็นดิจิทัลได้น้อยกว่า พนักงานในที่ทำงานที่มีการปฏิวัติในเชิงดิจิทัลนี้มีถึง 56% บอกว่ามีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น และ 83% ชื่นชมในวิสัยทัศน์ขององค์กรของตน
  • การทำงานด้วยดิจิทัลยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาความเชี่ยวชาญในวิชาชีพอีกด้วย: 65% ของพนักงานในที่เป็นนักปฏิวัติดิจิทัลรายงานว่าตนเองมีการพัฒนาในเรื่องความเชี่ยวชาญทางด้านวิชาชีพและมีการเติบโตในสายงานอาชีพเพิ่มขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เปรียบเทียบกับ 31% ที่ตอบในทำนองเดียวกันขององค์กรที่ล้าหลังกว่า ในที่ทำงานดิจิทัลมี 72% ของนักปฏิวัติดิจิทัลตอบว่ามีความสามารถเพิ่มสูงขึ้นในการใช้ทักษะการทำงานใหม่ ๆ ส่วนในองค์กรที่ล้าหลังกว่าเห็นด้วยเพียง 58%
  • ผลงานเพิ่มสูงขึ้นมาจากการใช้ดิจิทัลมากขึ้น: 73% ของนักปฏิวัติดิจิทัลตอบว่ามีผลกระทบในเชิงบวกต่อผลการทำงานของตน และ 70% ยืนยันว่าเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้การร่วมมือกันทำงาน (collaboration) ดีขึ้น ตรงข้ามกับองค์กรล้าหลังที่มีพนักงานเห็นด้วยเพียง 55%
  • ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลกับระบบอัตโนมัติ (Automation) ทำให้มีประสบการณ์การทำงานในที่ทำงานดีขึ้น: ขณะที่การใช้ระบบอัตโนมัติอาจถูกมองว่าเป็นเสมือนภัยคุกคามแย่งงานไปจากมนุษย์ แต่ในการสำรวจของเรากลับพบว่าพนักงานทั้งหลายกลับกระตือรือร้นกับระบบอัตโนมัติกันอย่างมาก ผู้ตอบการสัมภาษณ์ถึง 71% ยอมรับการทำงานร่วมกับระบบอัตโนมัติในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ยอมรับการที่องค์กรจะสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความฉลาด (Smart) และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

“ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหน เราพบว่ามีแนวโน้มที่จะมุ่งสร้างสถานที่ทำงานที่ใส่ใจในความเป็นมนุษย์ (Human-centric Places) เพื่อตอบสนองให้ทันความคาดหวังของพนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและหาหนทางทำให้พนักงานมีความต้องการที่จะทำงานด้วยกับตน” กล่าวโดย Joseph White ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ออกแบบและจัดการสำหรับสถานที่ทำงาน ของ Herman Miller “โดยมีการรวมเอาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาใช้–รวมถึงเรื่องการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ภายในสำนักงาน–รวมทั้งวิทยาศาสตร์ทางด้านการเรียนรู้ (Cognitive Sciences) มาช่วยให้พนักงานคุ้นเคยกับการทำงานแบบใหม่ นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เพียงให้ประสบการณ์ที่เป็นพิเศษและเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงานแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสขององค์กรที่จะดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถที่ดีที่สุดไว้ด้วย”

“ธรรมชาติของคำว่า “สำนักงาน” กำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะองค์กรต่าง ๆ เริ่มตระหนักว่าสถานที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพต้องเน้นประสบการณ์ที่ดีในการทำงานเป็นศูนย์กลาง (Experience-centric) และจะต้องสามารถทำให้เข้ากันได้ระหว่างสไตล์การทำงานที่หลากหลายและบุคลิกความชอบของแต่ละบุคคล” กล่าวโดย Francisco Acoba กรรมการผู้จัดการของ Deloitte Strategy & Operations “แนวโน้มนี้กำลังนำไปสู่กระบวนการทำงานแบบใหม่ในที่ซึ่งโซลูชั่นทางด้าน IT การก่อสร้างอาคารและการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืนสร้างสรรค์กับมนุษย์ เพื่อสร้างสถานที่ทำงานขึ้น (Space) ไม่ว่าสถานการณ์เฉพาะขององค์กรคุณจะเป็นอย่างไร เมื่อสถานที่ทำงานกลายเป็นสถานที่ทำให้พนักงานมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นในการทำงานในสถานที่นั้นย่อมส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจแน่นอนยิ่งกว่านั้นพนักงานที่รู้สึกสะดวกสบายใจในที่ทำงานยังสามารถทำภาระกิจของตนให้สำเร็จลุล่วงลงได้ ส่วนผู้ที่ไม่รู้สึกแบบนี้ในที่ทำงานของตนก็มักจะต้องย้ายงานไปหาที่ทำงานใหม่ที่มีบรรยากาศน่าเชิญชวนให้ทำงานมากกว่า”

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

จากผลการศึกษาพบว่าพนักงานทั้งหลายรู้สึกกระตือรือร้นกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และต้องการให้บริษัทของตนจัดหามาให้มากขึ้นด้วย ผู้ถูกสัมภาษณ์เกือบทั้งหมดทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (98%) เห็นว่าสถานที่ทำงานของตนควรจะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น ขณะที่มีถึง 70% เห็นว่าองค์กรของตนจะล้าหลังกว่าคู่แข่งถ้ายังไม่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ และมีถึง 67% เชื่อว่าสำนักงานแบบดั้งเดิมจะกลายเป็นเรื่องล้าสมัย เพราะเทคโนโลยีก้าวล้ำหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ

  • 75% ของผู้ถูกสัมภาษณ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกบอกว่าบริษัทของตนได้ลงทุนในการสร้างเครื่องมือดิจิทัลในที่ทำงานในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และสนใจจะลงทุนมากขึ้นในเทคโนโลยีใหม่ๆ ล้ำสมัย อันได้แก่ เครื่องมือในการควบคุมอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Tools) ที่ทำงานโดยอัตโนมัติในการควบคุมอุณหภูมิและแสง (14%) เทคโนโลยีที่สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงและเครื่องรับส่งสัญญาณภาพและเสียงแบบไร้สาย (Wireless AV) (16%) และทำแอพบนอุปกรณ์พกพาให้ใช้ทำงาน (11%)
  • ผู้ถูกสัมภาษณ์ส่วนมากเห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น (63%) ทำให้ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น (53%) และมีบรรยากาศดึงดูดให้น่าทำงานมากขึ้น (52%)

ขณะที่ผลดีที่ได้จากการมีสำนักงานยุคดิจิทัลมีหลากหลายประการ แต่จากการศึกษายังชี้ให้เห็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เป็นความท้าทายที่องค์กรต้องพยายามแก้ไขป้องกันไว้ด้วย

  • ถึงแม้ว่าพนักงานจะตอบค่อนข้างสูงในเรื่องของความตระหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ (56% มักจะคิดถึงเรื่องความปลอดภัยอยู่บ่อย ๆ หรือในแต่ละวัน) พวกเขายังยอมรับว่าตนเองอาจมีส่วนในเรื่องความเสี่ยงต่อข้อมูลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ขององค์กร มี 73% ยอมรับว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเช่นแบ่งปันการใช้รหัสผ่านและอุปกรณ์ร่วมกับคนอื่น
  • มีพนักงานถึงหนึ่งในสี่ (25%) ตอบว่าเคยเชื่อมต่อเข้า Wi-Fi สาธารณะที่ค่อนข้างไม่ปลอดภัยภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา มี 20% ตอบว่าตัวเองใช้รหัสผ่านเดียวกันกับหลายแอพพลิเคชั่นและบัญชีผู้ใช้ และ 17% ยอมรับว่ามีการเขียนรหัสผ่านของตนไว้ป้องกันการลืม

หนทางสู่อนาคต

การค้นพบเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ควรที่จะรีบนำผลดีทางเทคโนโลยีของการมีสำนักงานยุคดิจิทัลมาปรับใช้งานเสียทีในขณะเดียวกันก็มองหาหนทางลดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยลงให้เหลือน้อยที่สุดด้วย อรูบ้ามีข้อเสนอแนะองค์กรต่าง ๆ ควรจะดำเนินการดังต่อไปนี้ :

  • นำกลยุทธ์การมีสำนักงานยุคดิจิทัลมาใช้เสียที: แผนก IT จำเป็นต้องทำงานกับผู้จัดการธุรกิจ ผู้ใช้งานและผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาให้เป็นสำนักงานยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยจะต้องรวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล้ำยุคที่ที่บริษัทก้าวหน้าเหนือบริษัทอื่นมาใช้ อย่างเช่น เซนเซอร์แบบชาญฉลาด (Smart Sensor) และแอพบนอุปกรณ์พกพาที่ปรับใช้ตามความต้องการขององค์กร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มประสบการณ์ส่วนบุคคลที่พึงปรารถนากับสถานที่ทำงานมากขึ้น
  • สร้างสำนักงานยุคดิจิทัลที่เหมาะสำหรับการทำงานร่วมกัน: บริษัทจะต้องคิดว่าสำนักงานในยุคดิจิทัลนี้กว้างไกลกว่าพื้นที่จริง ๆ ในสำนักงานใหญ่ จะต้องรองรับการทำงานของพนักงาน คู่ค้าหรือลูกค้าที่เชื่อมต่อเข้ามาสู่ระบบจากที่พื้นที่ห่างไกล (Remote) ด้วย ผู้นำทางด้าน IT จำเป็นต้องวางแผน ลงทุน สำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมทางการทำงานที่ไร้พรมแดนนี้
  • สร้างความปลอดภัยตั้งแต่ระดับพื้นฐานขึ้นมา: บริษัทจะต้องออกแบบสำนักงานยุคดิจิทัลให้มีความปลอดภัยในฐานะเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ จะต้องคิดล่วงหน้าถึงเรื่องความผิดพลาดของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งการเข้ามาของผู้ประสงค์ร้าย เพื่อที่จะให้มีความปลอดภัย ผู้ดูแล IT จะต้องมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในด้านระบบเครือข่าย การประมวลผลแบบคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของจักรกล (Machine Learning) เข้ามาใช้

“สถานที่ทำงานกำลังถูกทำให้กลายเป็นการบริโภคประเภทหนึ่ง เพราะพนักงานทุกคนล้วนเป็นผู้บริโภคและเขานำความคาดหวังแบบผู้บริโภคเหล่านี้เข้ามาทำงานกับเราด้วย” กล่าวโดย Janice Le หัวหน้านักการตลาดของอรูบ้า (Aruba) “สำนักงานกำลังถูกทำให้ฉลาดมากขึ้น เพื่อที่พนักงานเองจะได้ทำงานได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วย”

แนวความคิดใหม่ ๆ กำลังเกิดขึ้นโดยเป็นการรวมเทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Technologies) เข้ากับสำนักงานยุคดิจิทัลกลายเป็นสำนักงานยุคดิจิทัลอัจฉริยะ (Smart Digital Workplace) เป็นสถานที่ซึ่งมีการออกแบบมุ่งรองรับความสดวกสบายของมนุษย์ ให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT และระบบอัตโนมัติทั้งหลาย สำนักงานยุคดิจิทัลอัจฉริยะจะให้ประสบการณ์ที่เป็นส่วนบุคคลอย่างเช่นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์และการปรับแสงสว่างอย่างชาญฉลาดตามความพึงพอใจของผู้ใช้ อาคารจะมุ่งอนุรักษณ์พลังงานมากขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานอย่างเป็นพลวัตรโดยมุ่งเน้นประโยชน์การใช้งานสูงสุดและคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน แนวทางใหม่นี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มผลงานของพนักงานแต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพโดยมุ่งมองมนุษย์เป็นศูนย์กลางอีกด้วย

Le สรุปว่า “การศึกษาระดับสากลครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า การเลือกได้ (Choice) ความเป็นส่วนตัว (Personalization) ความสะดวกในการใช้งาน (Ease) และระบบอัตโนมัติ (Automation) จะให้ผลดีทั้งระดับในการดำเนินงานและผลประกอบการขององค์กรที่ได้มีการปรับเปลี่ยนที่ทำงานให้รองรับแนวโน้มอนาคตนี้ ที่ทำงานของเราเองเป็นเสมือนห้องทดลองมีชีวิตของสำนักงานยุคดิจิทัลอัจฉริยะและเราเห็นผลลัพธ์จากการที่เราสามารถหาพนักงานใหม่ ๆ ที่ชาญฉลาดมาบรรจุเข้าทำงานกับเราได้เร็วขึ้นและพนักงานเก่าชั้นยอดล้วนยอมรับตำแหน่งงานที่สูงขึ้นในองค์กรโดยไม่ลาออกไปอยู่ที่อื่น เป็นผลดีที่จับต้องได้และมากกว่าในเรื่องของผลสำเร็จในการทำงานที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย”

อ่านรายงานเต็มฉบับได้ที่ https://www.arubanetworks.com/worksmart

 

The Right Technologies Unlock the Potential of the Digital Workplace

Global Study Reveals Benefits Transcend Productivity, but Organizations Must Prepare for Data Security Risks

Bangkok, thailand — September 4th, 2018—Employees who work in digital workplaces are not only more productive but also more motivated, have higher job satisfaction, and report an overall better sense of well-being, according to a new global study from Aruba, a Hewlett Packard Enterprise company.

The study, Digital Revolutionaries Unlock the Potential of  the Digital Workplace, reveals both the business and human benefits of more digitally-driven workplaces, and how companies that are less technologically advanced are at risk of falling behind the competition and not attracting top talent. It also notes that companies must be vigilant as more digital-savvy employees are taking greater risks with data and information security.

Key Themes and Findings

The study of 7,000 employees across 15 countries revealed a clear chasm in employee performance and sentiment between more advanced digital workplaces and those that employ digital technology to a lesser degree. A number of key themes emerged:

  • Beyond Productivity, digital tools unlock human benefits: “Digital Revolutionaries” - employees identified as those who work in fully-enabled digital workplaces where new workplace technologies are in widespread use - were 51% more likely to have strong job satisfaction, and 43% more likely to be positive about their work-life balance than “Digital Laggards” - those who have less access to workplace technology. The Revolutionary employees were also 56% more likely to say they are motivated at work, and 83% more likely to praise their company’s vision.
  • Digital working also supports professional development: 65% of Revolutionaries reported they had seen professional development and growth through the use of digital technology, compared to just 31% of Laggards. With a digital workplace, 72% of Revolutionaries reported a higher ability to adopt new work skills as compared to 58% of Laggards.
  • Productivity gains from digital technology quantified: 73% of Digital Revolutionaries reported a positive impact to their productivity and 70% cited improved collaboration thanks to digital technologies, vs. 55% of laggards.
  • Continued advancements in digital technology and automation pave the way for better workplace experiences: While automation can be perceived as a threat to job security, our research found that there was widespread enthusiasm for it. 71% of respondents said they would welcome a fully automated workplace in the next 5-10 years, allowing organizations to build smarter, more effective working environments.

“No matter the industry, we’re seeing a move toward human-centric places as enterprises strive to meet rapidly changing expectations of how people want to work,” Joseph White, Director of Workplace Strategy, Design and Management, Herman Miller. “This depends upon combining advances in technology – which includes furnishings – with the cognitive sciences to help people engage with work in new ways. This will not only mean singular, premium experiences for individuals, but also the opportunity for organizations to attract and retain the best talent.”

“The very nature of the term “workplace” is being transformed, as companies begin to realise that effective space is experience-centric, and must accommodate work styles spanning generations and personality types,” said Francisco Acoba, Managing Director for Deloitte Strategy & Operations. “This ushers in new processes where IT solutions, building systems and furnishings interact harmoniously with humans to create such spaces. Regardless of your enterprise’s specific situation, when spaces become active participants in the user experience it benefits the bottom line. After all, workers who feel comfortable in a space get their tasks done. Those who don’t will eventually move on to a more inviting option.”

Emerging Risks

The study also found that employees are enthusiastic about new technology and have a desire for their employers to provide more. Throughout Asia Pacific, almost all respondents (98%) thought their workplace would be improved through greater use of technology, while 70% said their company will fall behind the competition if new technology isn’t implemented. The same portion (67%) believe the traditional office will become obsolete due to advances in technology.

  •  75% of respondents in Asia Pacific said their companies have invested in digital workplace tools in the past year, and interest is growing in a new generation of technologies including smart building tools that automate temperature controls and lighting (14%), voice-activated and wireless AV technology (16%), and custom corporate mobile apps (11%).
  • Most respondents thought digital technology would result in a more efficient (63%), more collaborative (53%) and more appealing (52%) work environment.

While the benefits of digital workplaces are wide-ranging, the study also revealed that cybersecurity is a challenge for employers.

  • Although employees reported higher levels of cybersecurity awareness (56% think about security often or daily), they also admitted to taking more risks with company data and devices, with 73% admitting to risky behaviors such as sharing passwords and devices.
  • A quarter (25%) of employees have connected to potentially unsafe open Wi-Fi in the past twelve months, 20% said they use the same password across multiple applications and accounts, and 17% admitted to writing down passwords in order to remember them.

The Road Forward

These findings indicate that companies must adapt to leverage the benefits of new digital workplace technology while simultaneously minimizing security risks. Aruba recommends that organizations take the following actions:

  • Adopt a Digital Workplace Strategy: IT departments need to work with business managers, end-users and other stakeholders to define a roadmap for their digital workplace evolution. This includes moving beyond established technologies to deploying new tools such as smart sensors and customized mobile apps that will create increasingly personalized workplace experiences.
  • Build Collaborative Digital Workspaces: Companies need to think about how the digital workplace extends beyond their head office to support remote workers, partners, and customers. IT leaders need to plan for, and invest in, a working environment without borders.
  • Incorporate Security from the ground up: Companies must architect the digital workplace with security as an integral part of the design, taking into account the role of human error as well as bad actors. To achieve optimum security that can adapt to change and unknowns, IT must look to emerging technologies in networking, cloud computing, AI and machine-learning.

“The consumerization of the workplace is a very real movement. Employees are consumers and we bring consumer expectations with us to work,” said Janice Le, Chief Marketer for Aruba, a Hewlett Packard Enterprise company. "The workplace is getting smarter and therefore, employees are working smarter.”

A new paradigm has started to emerge where smart building technologies are intersecting with the digital workplace to form the Smart Digital Workplace. This is where human-centered design meets IoT and building automation. The Smart Digital Workplace can enable personalized experiences such as connected furniture and smart lighting that adapts to the user. Buildings can go greener by dynamically optimizing energy utilization based on employee patterns. These new use cases not only foster employee productivity but also improve efficiency while putting people at the center.

Le concluded, “This global study indicates that choice, personalization, ease and automation are improving the top line and the bottom line for organizations who are defining the future of work. Our own place of work is a living lab for the Smart Digital Workplace and we are seeing results such as faster hiring and higher offer acceptances. The benefits are tangible and go beyond productivity.”

To Read the Full report, visit: https://www.arubanetworks.com/worksmart

Research Methodology

A total of 7,000 employees were interviewed in April and May 2018. The respondents were from organizations of all sizes, across both public and private sectors, with a focus on the industrial, government, retail, healthcare, education, finance, and IT/ technology/ telecommunications sectors. Interviews were conducted both online and via telephone using a rigorous multi-level screening process to ensure that only suitable candidates were given the opportunity to participate. Respondents were interviewed in the United Kingdom, Germany, France, the Netherlands, Spain, United Arab Emirates, the United States, Singapore, Japan, Australia, India, Brazil, Mexico, China and South Korea.

About Aruba, a Hewlett Packard Enterprise Company

Aruba, a Hewlett Packard Enterprise company, is a leading provider of next-generation networking solutions for enterprises of all sizes worldwide. The company delivers IT solutions that empower organizations to serve the latest generation of mobile-savvy users who rely on cloud-based business apps for every aspect of their work and personal lives.

To learn more, visit Aruba at http://www.arubanetworks.com. For real-time news updates follow Aruba on Twitter and Facebook, and for the latest technical discussions on mobility and Aruba products visit Airheads Social at http://community.arubanetworks.com/