คลังเสนอ เก็บภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ร้อยละ 17 เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการลงทุนผลิตและจำหน่ายรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลได้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2552
ตามที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2550 เรื่อง มาตรการภาษีรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco Car) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้จัดเก็บภาษีสรรพสามิตในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 17" และเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการลงทุนผลิตและจำหน่ายรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลได้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2552 นั้น กระทรวงการคลังจึงได้เสนอรายละเอียดของร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 โดยมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ดังนี้ |
|
รถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ที่จะได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตตามความใน (2) ในประเภทที่ 05.01 และ 05.02 ของตอนที่ 5 รถยนต์ หมายถึง รถยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 1,300 ลูกบาศก์เซนติเมตร สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และที่มีความจุของกระบอกสูบไม่เกิน 1,400 ลูกบาศก์เซนติเมตร สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล โดยต้องแสดงหนังสือรับรองการอนุมัติคุณสมบัติรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ที่ออกโดยกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคดังต่อไปนี้ |
|
(1) ใช้หรือสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ตาม Combine Mode ที่ระบุไว้ในข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 101 Rev. 1 (2) มาตรฐานมลพิษอยู่ในระดับ EURO 4 ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.83 Rev.2 (2005) หรือระดับที่สูงกว่า หรือที่กระทรวงอุตสาหกรรมประกาiกำหนด
(3) ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัมต่อกิโลเมตร ที่วัดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุในข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE 101 Rev. 1
(4) มีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสาร กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าของตัวรถตามมาตรฐาน UNECE Reg.94 Rev.0 หรือระดับที่สูงกว่า และมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสาร กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านข้างของตัวรถตามมาตรฐาน UNECE ข้อ Reg.95 Rev.0หรือระดับที่สูงกว่า |