ดุสเซลดอร์ฟ–เฮงเค็ล มีผลการดำเนินงานเชิงบวกในไตรมาสที่ 1 แม้ว่าธุรกิจที่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคจะประสบปัญหาการขนส่งในอเมริกาเหนือ โดยเฮงเค็ลมียอดขายที่เติบโตขึ้นและมีกำไรต่อหุ้นดีขึ้น แม้ว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินที่ผันผวน ซึ่งจากผลการดำเนินงานดังกล่าวทำให้เฮงเค็ลเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของผลกำไรได้ในปี 2561
ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าวว่า “ในไตรมาสแรกเราต้องเผชิญผลกระทบจากค่าเงินที่ผันผวนมากกว่าปกติซึ่งส่งผลต่อยอดขาย 8.6% หรือราว 400 ล้านยูโร โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจกาวของเรามียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างดีเยี่ยม ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ยังมียอดขายที่ยังต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาการส่งสินค้าในอเมริกาเหนือ ซึ่งเรากำลังแก้ไขและคาดว่าจะขนส่งได้ตามปกติในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้”
ยอดขายและกำไรในไตรมาสที่ 1 ปี 2561
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 มียอดขายทั้งหมด 4,835 ล้านยูโร โดยยอดขายที่ยังไม่หักผลกระทบจากค่าเงินและการเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งการตัดทอนการลงทุนมีการเพิ่มขึ้น 1.1% ทั้งนี้ความผันผวนของค่าเงินมีผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายที่ 8.6% ส่วนการเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนมีผลต่อการเติบโตของยอดขาย 3.0% โดยยอดขายในไตรมาสแรกถือว่าน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4.5%
กลุ่มธุรกิจกาว มียอดขายเติบโตดีเยี่ยมที่ 4.7% ส่วน กลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มีการเติบโตของยอดขายลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4.3% เนื่องจากปัญหาการจัดส่งสินค้าในอเมริกาเหนือ ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีรายงานตัวเลขยอดขายที่ติดลบเล็กน้อยที่ 0.7%
ตลาดเกิดใหม่ ยังคงสร้างการเติบโตของยอดขายปกติได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยมียอดขายปกติเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 6.9% ส่วน ตลาดอิ่มตัว ในประเทศพัฒนาแล้วมียอดขายปกติติดลบที่ 2.8% โดย
ในภูมิภาค ยุโรปตะวันตก มียอดขายเติบโตขึ้น 0.2% ส่วนใน ยุโรปตะวันออก ยอดขายเติบโต 7.6% แอฟริกาและตะวันออกกลาง ยอดขายเติบโต 8.6% ใน อเมริกาเหนือ มียอดขายลดลง 6.5% ละตินอเมริกา ยอดขายเติบโต 7.3% และ เอเชียแปซิฟิก มียอดขายเพิ่มขึ้น 4.2%
ในปีนี้เฮงเค็ลคาดว่าสถานการณ์ของตลาดจะยังคงผันผวนและไม่แน่นอน และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจะยังคงมีอยู่ โดยเฮงเค็ลคาดว่าเมื่อเทียบกับปี 2560 เงินเหรียญสหรัฐจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร และค่าเงินที่สำคัญบางสกุลในตลาดเกิดใหม่จะอ่อนค่าลง นอกจากนี้ยังคาดว่าต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับปีงบประมาณ 2561 เฮงเค็ลยืนยันตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดที่ประกาศในเดือนมีนาคม 2561 โดยคาดว่าจะสร้างยอดขายปกติให้เติบโตได้ 2-4% โดยกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนน่าจะมีการเติบโตตามตัวเลขดังกล่าว ส่วนกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์น่าจะเติบโตระหว่าง 0-2% สำหรับผลตอบแทนจากการขาย (EBIT) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 17.5% จากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งจากความไม่แน่นอนของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉพาะแนวโน้มของค่าเงินเหรียญสหรัฐ เฮงเค็ลคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้วเป็นเงินยูโร ได้ระหว่าง 5-8%
สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) อยู่ที่ 842 ล้านยูโร ถือว่าลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2560 (854 ล้านยูโร) โดยได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน 6.2%
รายได้จากการขาย (EBIT) เพิ่มขึ้น 0.5 จุด ไปอยู่ที่ 17.4%
กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (EPS) เติบโตขึ้น 1.4% จาก 1.41 ยูโร ไปอยู่ที่ 1.43 ยูโร ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อการเติบโตของ EPS อยู่ที่ 6.4%
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ คิดเป็นสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 6.2% สูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 4.9%
เงินทุนสุทธิ ของเฮงเค็ล จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 อยู่ที่ -3,247 ล้านยูโร (เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ -3,225 ล้านยูโร)