ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับด้านการดำเนินงานที่ส่งเสริมจรรยาบรรณและความรับผิดชอบ ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน เป็นเพียงบริษัทเดียวในบรรดา 135 บริษัท ที่ได้รับเกียรตินี้ จาก 57 อุตสาหกรรม ใน 23 ประเทศ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น ได้รับการขนานนาม ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีจรรยาบรรณสูงที่สุดในโลกประจำปี 2018 (2018 World’s Most Ethical Companies) จากสถาบันอิธิสเฟียร์ ซึ่งเป็น ผู้นำระดับโลกในการนิยามและยกระดับมาตรฐานด้านวิธีปฏิบัติทางธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องในเรื่องดังกล่าวติดต่อกันถึง 8 ปีซ้อน
ทำเนียบบริษัทที่มีจรรยาบรรณสูงสุดในโลกประจำปี เกิดขึ้นในปี 2006 จากการรวบรวมรายชื่อบริษัทอันทรงเกียรติที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเป็นผู้นำที่มีจรรยาบรรณในอุตสาหกรรมนั้นๆ ช่วยยกระดับมาตรฐานด้านพฤติกรรมองค์กร ทั้งในเรื่องสิ่งถูกต้องที่พึงปฏิบัติ และกลยุทธ์ที่สร้างประสิทธิผลในระยะยาว โดยมีการประเมินใน 5 เรื่องได้แก่ โปรแกรมด้านจริยธรรมและแผนการดำเนินงานที่สอดคล้อง การเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Citizenship and Responsibility) วัฒนธรรมด้านจรรยาบรรณ ธรรมาภิบาลและความเป็นผู้นำ รวมถึงนวัตกรรมและการมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก โดยในปี 2018 มีรายชื่อที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 135 บริษัท จาก 23 ประเทศ (มีเพียง 3 บริษัทที่มาจากประเทศฝรั่งเศส) และจาก 57 อุตสาหกรรม
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องติดต่อกันถึง 8 ปี
สำหรับชไนเดอร์ อิเล็คทริค รางวัลในปีนี้ยังคงมีความสำคัญมากเทียบเท่ากับ 8 ปีที่ได้รับติดต่อกันมาตั้งแต่ปีแรก นายเอ็มมานูเอล บาโบ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ดูแลด้านการเงินและกฎหมาย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ขยายความว่า “การได้รับการยกย่องดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทในการเดินหน้าตามกลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงองค์กรของเรา พร้อมกับการมอบสิ่งที่ผู้มีส่วนร่วมในองค์กรทั้งหมดคาดหวังจากเรา คือการรับประกันถึงนวัตกรรมด้านโซลูชั่น ที่เกิดจากการที่พนักงานบริษัทรู้สึกภาคภูมิใจในการได้มีส่วนร่วมดังกล่าว ดังนั้นหลักจรรยาบรรณที่เรายึดถือปฏิบัติจึงยิ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับลูกค้า”
ทิโมธี เออบลิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อิธิสเฟียร์ เสริมว่า “ในปีที่ผ่านมา คือ ปี 2017 วาทกรรมทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมีนัยลึกซึ้ง เสียงสนับสนุนก็เพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง บรรดาองค์กรระดับโลกที่มีกฏระเบียบบังคับด้านกฏหมายคล้องจองไปในทิศทางเดียวกัน ก็กลายเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเงื่อนไขของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้ เราเห็นบรรดาบริษัทต่างหาเสียงสนับสนุนกันมากขึ้น ดังนั้นการจัดอันดับบริษัทที่มีจรรยาบรรณสูงที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นถึงแบบอย่างของผู้นำ พร้อมทั้งขอแสดงความยินดีกับทุกคนในชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่มีจรรยาบรรณสูงที่สุดในโลก”
คำมั่นสัญญาต่อจรรยาบรรณและความรับผิดชอบสำคัญและส่งผลในวงกว้าง สะท้อนได้จากการกระทำ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้กำหนดจรรยาบรรณ และความรับผิดชอบต่อสังคม ไว้เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ ในการสร้างคำมั่นสัญญาเพื่อสร้างมาตรฐานสูงสุด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำพูด โดยมีการนำเสนอเป็นหลักการความรับผิดชอบต่อสังคมตั้งแต่ปี 2002 สำหรับเป็นแนวทางให้กับพนักงานของเราทั่วโลก บริษัทฯ เป็นผู้นำพาความริเริ่มทั้งภายในองค์กรและอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอยู่อย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างที่มีให้เห็น อย่างเช่นในปี 2017 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เริ่มนำโมดูลใหม่ด้าน e-training หรือการฝึกอบรมผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ และการฝึกอบรมแบบเห็นหน้า มาช่วยในการสร้างความมั่นใจในเรื่องของหลักคุณธรรมในการดำเนินธุรกิจ ในสถานการณ์ที่พนักงานแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อการคอรัปชั่น และเพื่อขยายขอบเขตให้ครอบคลุมถึงเรื่องของความรับผิดชอบ บริษัทได้มีการเปิดตัวโปรแกรมการมอนิเตอร์ซัพพลายเออร์ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้าถึงภาระรับผิดชอบในส่วนซัพพลายเชนว่าด้วยการปกป้องสภาพแวดล้อม และสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้ออกแบบโปรแกรม Responsibility & Ethics Dynamics เพื่อสนับสนุนความมุ่งมั่นพยายามของพนักงานในการยึดถือหลักปฏิบัติเรื่องความรับผิดชอบและช่วยบริหารจัดการปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงการป้องกัน ตลอดจนคำการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสืบสวนและควบคุม ซึ่งโปรแกรมดังกล่าว ยังใช้เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพเรื่องของจรรยาบรรณ ตามบารอมิเตอร์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกและสังคม ทั้งนี้ จากการเผยแพร่ผลงานล่าสุด (ไตรมาสที่ 3 ปี 2017) ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่ชัดเจนในเรื่องภาระรับผิดชอบด้านซัพพลายเชน โดย 84.6 เปอร์เซ็นต์ของซัพพลายเออร์ดำเนินการได้สอดคล้องตามมาตรฐาน ISO 26000 จากเดิมปี 2015 ได้เพียง 48 เปอร์เซ็นเท่านั้น ในขณะที่ 88.7% ของกลุ่มกิจการได้ผ่านการประเมินด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบภายในของ บริษัท เทียบกับช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 79%