บมจ.โซลาร์ตรอน สบช่องราคาน้ำมันพุ่ง ทั่วโลกหันมาสนใจลดภาวะโลกร้อน เปิดเกมรุกตลาดพลังงานทดแทน ล่าสุดผนึก GEM Global Energy Management  ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ร่วมกันพัฒนาการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบไฮบริดระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และลม ชูจุดเด่นสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มั่นใจตลาดตอบรับคับคั่งเนื่องจากต้นทุนไม่เพิ่มแต่ใช้งานได้คุ้มค่าขึ้น

SOLAR สบช่องราคาน้ำมันพุ่ง ทั่วโลกหันมาสนใจลดภาวะโลกร้อน เปิดเกมรุกตลาดพลังงานทดแทน ล่าสุดผนึก GEM Global Energy Management  ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ร่วมกันพัฒนาการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบไฮบริดระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และลม ชูจุดเด่นสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มั่นใจตลาดตอบรับคับคั่งเนื่องจากต้นทุนไม่เพิ่มแต่ใช้งานได้คุ้มค่าขึ้น ล่าสุดเตรียมเข้าประมูลงานจาก UNESCAP  เป็นเจ้าแรก ก่อนขยายเข้าสู่ตลาดทั้งภาครัฐและเอกชน ด้านพันธมิตรต่างชาติระบุการจับมือของ  2 พลังงานทดแทนเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต

นายอัครเดช โรจน์เมธา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โซลาร์ตรอน (SOLAR) ผู้ประกอบธุรกิจสำรวจ ออกแบบ และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อย่างครบวงจร เปิดเผยถึงทิศทางการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งปรับขึ้นไปเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับความสนใจจะแก้ปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจเรื่องพลังงานทดแทนจากธรรมชาติมากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของโซลาร์ตรอน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับตลาดต่างประเทศจะเน้นขายเซลล์แสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าในกลุ่มประเทศที่มีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลัก เนื่องจากมีความต้องการใช้เซลล์แสงอาทิตย์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป อาทิ อิตาลี และสเปน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าหลายรายสนใจจะสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับคุณภาพของสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของแต่ละประเทศ

ส่วนตลาดในประเทศ นอกเหนือจากการเจาะตลาดที่เป็นภาครัฐบาลซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่บริษัทฯ เชี่ยวชาญเป็นอย่างดีแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยจะมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ควบคู่กับการพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ลงสู่ตลาดเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับ GEM Global Energy Management Co.,LTD. พันธมิตรรายใหม่ ผู้ประกอบธุรกิจสำรวจ ออกแบบ และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานธรรมชาติแบบไฮบริด ระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และขยายธุรกิจพลังงานทดแทนร่วมกันซึ่งถือเป็นการนำจุดแข็งของธุรกิจพลังงานทดแทนสองประเภทมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"การร่วมมือกับ GEM ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม ถือเป็นการต่อยอดทางธุรกิจให้กับทั้ง GEM และ SOLAR เพราะสามารถนำพลังงานสองประเภทมาใช้ร่วมกันแบบไฮบริด ทำให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และหลากหลายสภาวะอากาศมากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนอุปกรณ์การติดตั้งต่อหนึ่งโครงการไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมมากนัก แต่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้น  คาดว่าโครงการนี้จะเริ่มเดินหน้าในเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป"

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจจะติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานไฮบริดระหว่างแสงอาทิตย์และลม ซึ่งล่าสุดทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCAP ได้เตรียมเปิดประมูลติดตั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานไฮบริดแสงอาทิตย์และลมขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมีกำลังการผลิตขนาด 5 กิโลวัตต์สำหรับแสงอาทิตย์และ 4 กิโลวัตต์ สำหรับพลังงานลม

ซึ่งบริษัทฯและGEM Global Energy Management จะเข้าประมูลงานร่วมกันในนามของ บมจ.โซลาร์ตรอน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งใหม่ที่ทำให้บริษัทฯแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากเจ้าของโครงการอย่างแน่อน และหากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ก็จะมีหน่วยงานอื่นๆ ในเครือข่ายขององค์การสหประชาชาติ (UN) พร้อมจะติดตั้งระบบดังกล่าวอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยให้ฐานลูกค้าของ SOLAR กว้างขวางขึ้น

Mr.Nicholas Knight ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ GEM Global Energy Management Co. ,LTD.   กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรขยายธุรกิจร่วมกับ SOLAR ถือเป็นการนำจุดเด่นของพลังงานทดแทนสองประเภทมาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาโครงการของ GEM จะเน้นงานพัฒนาและติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานลมทั้งโครงการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยโครงการขนาดใหญ่ที่เคยทำ คือ โครงการกังหันลมเพื่อการพาณิชย์แห่งแรกของไทย

ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน มูลค่าประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งการร่วมมือกับ โซลาร์ตรอน ครั้งนี้จะช่วยให้ฐานลูกค้าของบริษัทกว้างขวางขึ้น ประกอบกับแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานทดแทนจากธรรมชาติประเภทไฮบริดเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งกับทั้ง 2 ฝ่ายในการขยายธุรกิจพลังงานทดแทนร่วมกันในอนาคต