ROJNA จ่อขายหุ้น TICON จำนวน 26.10% ในราคา 17.90 บาท ให้กลุ่มเฟรเซอร์ส เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 มีนาคมนี้ คาดดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายนนี้ ดันกำไรปี 61 พุ่ง
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA เปิดเผยว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีมติอนุมัติให้ขายหุ้นของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ที่ปัจจุบันถืออยู่จำนวน 478,699,619 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.10% ในราคา 17.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีต้นทุนถือหุ้นอยู่ที่ 14.27 บาทต่อหุ้น ให้กับบริษัท เฟรเซอร์ส แอสเซ็ทส์ จำกัด (FAS)
โดยที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น TICON กับ FAS แบบมีเงื่อนไข (Conditional Share Purchase Agreement) แล้วในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 โดยสัญญาดังกล่าว อยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อน คือบริษัทต้องได้รับการอนุมัติการทำรายการดังกล่าวจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับ กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 ของบริษัท จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติบริษัทจะดำเนินการขายหุ้นดังกล่าวและคาดว่าจะดำเนินการโอนหุ้นเสร็จภายในเดือนเมษายน โดยสำหรับการขายหุ้น TICON ในครั้งนี้นั้น จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนในไตรมาสแรกของปี 2561 และจะผลักดันให้กำไรสุทธิในปี 2561 เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีประวัติการจ่ายเงินปันผลมาอย่างต่อเนื่อง
“ขณะนี้บริษัทได้พิจารณาขายหุ้น TICON ที่ถืออยู่สัดส่วน 26.10% ให้กับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดเตรียมเพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้น คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายในเดือนมีนาคม นี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ให้เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก” นายจิระพงษ์ กล่าว
สำหรับในปี 2561 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินจำนวน 400-500 ไร่ ซึ่งล่าสุดมีการเซ็นบันทึกความร่วมมือจะขายที่ดิน (MOU) ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 300 ไร่ ให้กับ PROJEN GROUP กลุ่มทุนรายใหญ่จากประเทศจีน ขณะนี้กลุ่มทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารเพื่อขอสิทธิพิเศษทางภาษีด้านต่าง ๆ และจะเซ็นสัญญาซื้อขายได้ภายได้ในปี 2561
ด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีความมั่นใจในการลงทุน เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกซบเซาลงอย่างหนัก จากนี้ไปเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปจะทยอยฟื้นตัวขึ้น ซึ่งเห็นได้จากอัตราการว่างงานที่ลดลง
ส่วนภาพรวมของภาวะการลงทุนจากต่างประเทศเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการชะลอ การลงทุนในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับธุรกิจสวนอุตสาหกรรมหรือนิคมอุตสาหกรรมโดยภาพรวม อีกทั้ง แผนการส่งเสริมและการสนับสนุนผลักดันจากทางรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ก็จะเป็นผลดีกับโครงการสวนอุตสาหกรรมของโรจนะ ซึ่งมีหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ 1.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ แหลมฉบัง 2.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ บ่อวิน 3.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปลวกแดง 4.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ บ้านค่าย 5.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปราจีนบุรี