เนื้อหาวันที่ : 2006-06-20 09:59:00 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1145 views

หอการค้าไทยเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาประหยัดพลังงาน

รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาประหยัดพลังงานของหอการค้าไทย โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีผู้ประกอบการลงทุนอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประมาณร้อยละ 15 ของจำนวนสมาชิกหอการค้าไทย คาดราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ยังไม่ขยับขึ้น

รมว.พลังงาน เป็นประธานเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาประหยัดพลังงานของหอการค้าไทย โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีผู้ประกอบการลงทุนอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประมาณร้อยละ 15 ของจำนวนสมาชิกหอการค้าไทย คาดราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ยังไม่ขยับขึ้น

 

นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาประหยัดพลังงานของหอการค้าไทย โดยย้ำว่าสถานการณ์พลังงานในปัจจุบันมีผลกระทบกับทุกฝ่าย จึงต้องช่วยกันใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ช่วยผู้ประกอบการรายใหญ่และเอสเอ็มอี ให้คำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัด ซึ่งจะต้องมีการลงทุน โดยกระทรวงพลังงานก็มีเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่จะช่วยผู้ประกอบการในอัตราดอกเบี้ยต่ำและยังมีสถาบันการเงินอีก 8 แห่งที่พร้อมจะปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุน เพื่อให้ประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการบางรายสามารถประหยัดพลังงานได้ถึงร้อยละ 30 แต่โดยเฉลี่ยภาพรวมทั้งประเทศประหยัดได้ประมาณร้อยละ 10 ซึ่งน่าพอใจและร่วมมือกันอย่างจริงจัง ก็จะช่วยลดการนำเข้า และทำให้ดุลของประเทศดีขึ้น

 
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง แต่ไม่น่าจะมีการปรับราคาขายปลีกขึ้น เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านไม่ตึงเครียด และยังมีช่องทางที่จะคลี่คลายได้ โดยผ่านกระบวนการเจรจา ขณะที่สถานการณ์พายุเฮอริเคนนั้นไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ จึงเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดต่างประเทศไม่น่าจะปรับขึ้นอีก
 
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยเหลือให้คำปรึกษาสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่ 30,000 รายทั่วประเทศก่อน โดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้ประกอบการลงทุนอุปกรณ์ประหยัดพลังงานประมาณร้อยละ 15 ของจำนวนสมาชิก โดยการประหยัดพลังงานจะเน้นการปรับปรุงเครื่องจักร ซึ่งก็มีสถาบันการเงินพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกด้านสินเชื่อ
 

นายประมนต์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้น ผู้ประกอบการก็มีการหารือกัน โดยจะมีการสัมมนาทำความเข้าใจสมาชิกทั่วประเทศ เพื่อให้ปรับตัวรับมือกับปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะด้านพลังงานและอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมองว่าค่าเงินบาทค่อนข้างแข็งค่าเกินไป ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก แต่ไม่สำคัญเท่ากับการไม่ให้เกิดความผันผวน โดยให้ผู้ประกอบการมีเวลาที่จะปรับตัวได้ ส่วนปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อขณะนี้ยอมรับว่าทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกังวลใจ หลายโครงการมีการชะลอตัว ความมั่นใจของผู้บริโภคจะลดลง ซึ่งถ้าคลี่คลายเร็วก็จะส่งผลดีกับทุกฝ่าย