ลอรีอัล บริษัทผู้นำด้านความงามระดับโลก ได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการเปิดตัว UV Sense อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สวมใส่ (Wearable Electronics) ตรวจจับรังสียูวีชนิดแรกที่สามารถใช้งานได้โดยไม่อาศัยแบตเตอรี่จากลา โรช-โพเซย์ ในงาน Consumer Electronics Show 2018 หรือ CES 2018 งานแสดงนวัตกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค
ลอรีอัลทุ่มเทในการคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด โดยมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1935 ซึ่งตลอดกว่า 80 ปีที่ผ่านมาลอรีอัลมุ่งผลักดันการปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากแสงแดดผ่านการค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การรณรงค์ให้ความรู้แก่สาธารณชน ตลอดจนการสนับสนุนโครงการวิจัยร่วมกับพันธมิตรด้านการวิจัยเมลาโนมา (Melanoma Research Alliance) เพื่อป้องกันโรคมะเร็งผิวหนัง
เมื่อปี 2016 ลา โรช-โพเซย์ แบรนด์เวชสำอางชั้นนำของลอรีอัลได้นำเสนอ My UV Patch แผ่นตรวจวัดการสัมผัสรังสียูวีแบบยืดหยุ่นเพื่อการใช้งานบนผิวหนังชนิดแรก นับตั้งแต่เปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าว ลา โรช-โพเซย์ได้แจกแผ่นตรวจวัดรังสียูวีจำนวนกว่าหนึ่งล้านแผ่นให้แก่ผู้บริโภคใน 37 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากการศึกษากลุ่มผู้บริโภคดังกล่าวพบว่า My UV Patch ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อพฤติกรรมการปกป้องผิวจากแสงแดดของผู้บริโภค กล่าวคือ ร้อยละ 34 ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดบ่อยครั้งขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 37 พยายามใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ร่มมากขึ้น
เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปกป้องผิวจากแสงแดดยิ่งขึ้น UV Sense ใหม่จึงถูกพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ใช้งานได้ยาวนานขึ้น แสดงผลข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ UV Sense เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่เพื่อตรวจวัดแสงยูวีชนิดแรกที่สามารถใช้งานได้โดยปราศจากแบตเตอรี่ สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 3 เดือนและประเมินแนวโน้มระดับการสัมผัสกับรังสียูวี พร้อมอัปเดตข้อมูลล่าสุดได้ทันที ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีความหนาไม่ถึง 2 มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 มิลลิเมตร ออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานบริเวณหัวแม่มือ โดยสวมลงบนนิ้วที่สัมผัสกับแสงแดด UV Sense มีอายุการใช้งานหลายสัปดาห์ ยาวนานขึ้นจาก My UV Patch ที่สามารถใช้งานได้เพียงไม่กี่วัน โดยนำมาใช้ซ้ำในบริเวณเล็บด้วยอุปกรณ์เชื่อมต่อพิเศษซึ่งรวมอยู่ภายในกล่องชุดอุปกรณ์
UV Sense ใช้งานร่วมกับโมบายล์แอปพลิเคชันทั้งในระบบ iOS และ Android ซึ่งประมวลผลและเชื่อมต่อข้อมูลจากแผ่นตรวจรับด้วยเทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) จากนั้นแอปพลิเคชันจะแสดงผลข้อมูลที่ชัดเจนว่าผู้ใช้ควรระวังการสัมผัสกับแสงแดดเมื่อใด ข้อมูลดังกล่าวจะรวบรวมไว้ในโปรไฟล์ส่วนบุคคลภายในแอปพลิเคชัน ซึ่งระบุถึงระดับแสงแดดที่ผู้ใช้สัมผัสและพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการป้องกันแสงแดด เช่น ระยะเวลาที่ใช้ในพื้นที่ร่ม การใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด พร้อมข้อเสนอแนะเพื่อการปกป้องผิวที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้แต่ละคน
กุอีฟ บาลูช รองประธานศูนย์บ่มเพาะการวิจัยและนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งลอรีอัล กล่าวว่า “เทคโนโลยีของ UV Sense เป็นนวัตกรรมใหม่ที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกที่สำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีสวมใส่ต่อไป ด้วยประสบการณ์ด้านการวิจัยและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคจากนวัตกรรมเริ่มแรก My UV Patch เราได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ซึ่งผสานเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เข้ากับการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแสดงผลข้อมูลได้ทันทีและใช้งานได้ยาวนานขึ้นในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่ายและสอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์ ในด้านการออกแบบ UV Sense เราได้ร่วมมือกับดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลกอย่างอีฟ เบฮาร์"
“ดีไซน์และเทคโนโลยีมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เมื่อผลิตภัณฑ์มีความเฉพาะบุคคลเพิ่มขึ้น ปัจจัยทั้งสองจึงต้องบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ไร้พรมแดนให้แก่ผู้บริโภค การร่วมงานกับลอรีอัลเปิดโอกาสให้เราสามารถผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความงามเข้ากับดีไซน์อันทรงประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนโดยไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพวกเขาเหล่านั้น” อีฟ เบฮาร์ ดีไซเนอร์ผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้ง fuseproject กล่าวเพิ่มเติม
UV Sense และ My UV Patch พัฒนาขึ้นจากการวิจัยของลอรีอัล โดยความร่วมมือกับบริษัท MC10 Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และศาสตราจารย์จอห์น โรเจอร์ส มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ด้วยพอร์ตโฟลิโอระดับแนวหน้าด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) และนวัตกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่โค้งงอและยืดหยุ่นได้
UV Sense มีกำหนดเริ่มวางจำหน่ายในฤดูร้อนของปี 2018 ที่สหรัฐอเมริกาในจำนวนจำกัด และจะเริ่มวางจำหน่ายทั่วโลกในปี 2019 นอกจากนี้ ในปี 2018 ลา โรช-โพเซย์จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระดับรางวัลยอดเยี่ยม My UV Patch รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันที่ออกแบบโดยอีฟ เบฮาร์ อีกด้วย