เนื้อหาวันที่ : 2007-10-24 09:43:49 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1609 views

ปตท.เตรียมขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดอีก 40 สตางค์ หลังน้ำมันโลกพุ่ง

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนตามต้นทุน ในขณะที่ ปตท. รับภาระแทนวันละกว่า 30 ล้านบาท ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดมากขึ้น หันมาใช้พลังงานทดแทน

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนตามต้นทุน ในขณะที่ ปตท. รับภาระแทนวันละกว่า 30 ล้านบาท ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดมากขึ้น หันมาใช้พลังงานทดแทน

.

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่า ปตท. จะชะลอการการปรับขึ้นราคาน้ำมันในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ล่าสุดน้ำมันดีเซลและน้ำมันดิบดูไบได้ทำสถิติสูงสุดรอบใหม่เป็นประวัติการณ์

.

โดยน้ำมันดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 97.59 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.73 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) น้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 79.50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) ส่วน น้ำมันเบนซินขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันอย่างรุนแรงนั้น เป็นผลมาจากมีการวางระเบิดท่อขนส่งน้ำมันดิบที่เชื่อมระหว่างแหล่งผลิต Kirkuk กับ โรงกลั่น Baiji ทางตอนเหนือของอิรัก

.

ในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป นอกจากปรับตัวตามราคาน้ำมันดิบแล้ว ยังมีปัจจัยมาจากจีนมีความต้องการใช้น้ำมันเบนซินจำนวนมาก อีกทั้งปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปทั้งเบนซินและดีเซลก็ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 450,000 และ 490,000 บาร์เรล ตามลำดับ

.

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวต่อไปว่า การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องและรุนแรงจนทำสถิติ New high ในครั้งนี้ ปตท. ได้พยายามทำหน้าที่ดูแลผู้บริโภคอย่างเต็มที่เท่าที่ ปตท. จะสามารถรับภาระแทนได้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและลดผลกระทบของผู้บริโภค

.

โดยพิจารณาปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้ช้าที่สุด และรับภาระในส่วนต้นทุนเนื้อน้ำมันแทน กล่าวคือโดยเฉลี่ยทุกลิตรที่จำหน่ายขาดทุน 1.53 บาท หรือรับภาระแทนผู้บริโภควันละประมาณ 30 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้ ปตท. จึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิด 40 สตางค์/ลิตร มีผลพรุ่งนี้ (23 ต.ค. 50) เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป มีผลทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขต กทม.และปริมณฑล เป็นดังนี้

.
                                                                                                            หน่วย : บาท/ลิตร
  • น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์พลัส 95                               27.29 (ถูกกว่าเบนซิน 95 ถึง 3 .50 บาท)
  • น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์พลัส  91                              26.49 (ถูกกว่าเบนซิน 91 ถึง 3.50 บาท)
  • น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95                                     30.79
  • น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91                                     29.99
  • น้ำมัน พีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์                 27.04 (ถูกกว่าดีเซล ถึง 70 สตางค์)
  • น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี                    27.74
.

สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลนั้น เคยสูงสุดที่ระดับ 28.34 บาท/ลิตร ในช่วง 15-18 ก.ค.2549 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากความขัดแย้งในประเทศกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยังไม่คลี่คลาย และความต้องการใช้น้ำมันก็ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้น รวมถึงปัจจัยต่างๆ รอบโลก

.

ขอให้ผู้บริโภคเข้าใจและช่วยกันประหยัดพลังงานทุกชนิดอย่างจริงจัง วางแผนการเดินทางและศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทางทุกครั้งให้ดี ที่สำคัญควรใช้เชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์และควรหันมาใช้พลังงานทดแทนกันให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายได้ช่วยกันรณรงค์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95  ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน91 และ 95 ถึงลิตรละ 3.50 บาท 

.

น้ำมันไบโอดีเซล มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลลิตรละ 70 สตางค์ และ NGV ปตท. ยังคงจำหน่ายราคาเดิมคือ 8.50 บาท/กก. และพยายามเร่งขยายจุดจ่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อช่วยชาติประหยัดพลังงานและลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศด้วย นายชัยวัฒน์ กล่าว.