เนื้อหาวันที่ : 2017-12-04 17:18:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1883 views

องค์กรในเอเชีย-แปซิฟิกใช้ Red Hat OpenStack Platform ขยายโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว

เร้ดแฮท ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพนซอร์สระดับโลก ประกาศก้ององค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์ ต่างเลือกนำ Red Hat OpenStack Platform ซึ่งโดดเด่นด้วยโซลูชัน IaaS แพลตฟอร์มคลาวด์โอเพนซอร์สที่มีความสามารถในการปรับขยายอย่างสูง ประยุกต์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของไฮบริดคลาวด์แบบเปิดขององค์กร ช่วยพัฒนาความน่าเชื่อถือ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และทุ่นค่าใช้จ่าย

จากผลสำรวจผู้ใช้งานของ OpenStack Foundation User Survey พบว่าเทคโนโลยี OpenStack ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยี OpenStack มาใช้เพิ่มมากขึ้น 44% เมื่อเทียบกับปีก่อน พบว่า 74% เป็นการใช้งานนอกประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นถึงการใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การปรับขยายโครงสร้างและฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการขับเคลื่อนนวัตกรรม หลีกเลี่ยงการผูกติดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง

เร้ดแฮทเป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีระบบเปิดที่ปลอดภัยกว่า ทำให้ธุรกิจสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ง่ายขึ้น โดยจัดเตรียมโซลูชันต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นรากฐานการใช้งานคลาวด์ที่ทันสมัย ยืดหยุ่น และปรับขยายโครงสร้างได้ Red Hat OpenStack Platform สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับโครงสร้างพื้นฐานไพรเวตคลาวด์หรือพับลิกคลาวด์ที่ตั้งอยู่บนโครงสร้างหลักระดับองค์กรคือ Red Hat Enterprise Linux

Red Hat OpenStack Platform ทำงานด้วย OpenStack Community Code ได้รับการทดสอบรับรองและสนับสนุนโดย OpenStack ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความคล่องตัวในการปรับขยายการทำงาน ตอบโจทย์ลูกค้าโดยไม่เป็นรองในเรื่องของความพร้อมในการใช้งาน ประสิทธิภาพ หรือความปลอดภัยที่เป็นเงื่อนไขทางด้านไอที

ข้อมูลต่อไปนี้เป็นรายชื่อองค์กรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่ไว้วางใจและเลือกใช้ Red Hat OpenStack Platform ในการยกระดับพับลิกคลาวด์และไฮบริดคลาวด์เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในหลากหลายด้าน
o  Capital Online Data Service Co., Ltd. (จีน)
o  CargoSmart Limited (ฮ่องกง)
o  Cathay Pacific Airways (ฮ่องกง)
o  Insurance Australia Group (ออสเตรเลีย)
o  Lotte Data Communication Company (จีน)
o  MyRepublic (สิงคโปร์)
o  STT Connect (สิงคโปร์)
Capital Online Data Service ผู้ให้บริการคลาวด์ระหว่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่ง มีความต้องการที่จะติดตั้งไพรเวตคลาวด์ด้วยเทคโนโลยี OpenStack เพื่อยกระดับความพร้อมในการให้บริการ ความยืดหยุ่น การปรับขยายโครงสร้างไปพร้อม ๆ กับควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสตอเรจ จึงเลือก Red Hat OpenStack Platform สำหรับสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่ต้องอาศัยปัจจัยหลักต่าง ๆ เช่น ความสามารถทางการให้บริการ, Third-party Drivers, ประสิทธิภาพของระบบและความปลอดภัยที่เหนือชั้นกว่า Capital Online ต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อสภาพแวดล้อมทางการผลิต ทำให้บริษัทสามารถสร้างสรรค์และขับเคลื่อนบริการได้เร็วกว่าทั้งภายในองค์กรและสำหรับลูกค้าเองด้วยคลาวด์ที่ครบวงจรและทันสมัยมากขึ้น จากการใช้งาน Red Hat Ceph Storage ซึ่งเป็นโซลูชันแบบเปิดที่สามารถปรับขยายโครงสร้างได้อย่างมหาศาลร่วมกับ Red Hat OpenStack Platform ซึ่งเป็น Software Defined Network (SDN) สำหรับโอเพนซอร์ส สามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับการใช้เอ็นเตอร์ไพรส์ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์

CargoSmart ผู้ให้บริการโซลูชันทางด้านซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการจัดการระบบขนส่งสินค้าทั่วโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง ให้ความช่วยเหลือบริษัทนำเข้า-ส่งออก และท่าขนส่งสินค้าด้วยการพัฒนาความน่าเชื่อถือทางด้านการจัดส่ง ลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างคล่องตัว เนื่องด้วยความต้องการทางด้านการขนส่งข้อมูลผ่านทางเครือข่ายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงได้ริเริ่มโครงการ Network Optimization Engine (NOE) ซึ่งเป็นรูปแบบบริการ Infrastructure as a Service (IaaS) ที่ช่วยเพิ่มรายได้จากการจองการขนส่งสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการ ขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการได้อีกด้วย CargoSmart ได้ขยายการใช้งาน Red Hat CloudForms พร้อมนำ Red Hat OpenStack Platform มาใช้เพื่อสร้างระบบไอทีที่มั่นคงแข็งแรงรองรับ Network Optimization Engine (NOE) ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยจัดการระบบเวอร์ชวลแมชีน (VM) เอื้อให้องค์กรใช้ประโยชน์จากความสามารถในการบริการตนเองได้ภายใต้สภาพแวดล้อมของเร้ดแฮท สามารถสร้างระบบ VM รวมถึงระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันได้ภายในเวลาเพียง 27 นาที CargoSmart ยังระบุอีกว่าสามารถขยายและจัดเก็บหน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์หรือซีพียูโดยใช้เวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น ส่วนการเตรียมการเฉพาะระบบ VM นั้นสามารถลดลงเหลือเพียง 20 นาทีจาก 8 ชั่วโมง

Cathay Pacific Airways สายการบินระหว่างประเทศที่จดทะเบียนและมีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกง ให้บริการผู้โดยสารและบริการขนส่ง 199 เส้นทางสู่ 49 ประเทศและดินแดนต่าง ๆ Cathay Pacific ยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญโดยใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจรูปแบบดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมเปลี่ยนแปลงด้วยโซลูชันคลาวด์แบบครอบคลุมที่มีความมั่นคงผ่านทางการสร้างมาตรฐาน การจัดการที่เป็นศูนย์กลาง ความสามารถในการนำแอปพลิเคชันมาใช้งาน รวมถึงการเพิ่มความรวดเร็วในการทำตลาดที่สามารถรองรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในภาพรวม สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์ได้ด้วยการนำเทคโนโลยีและบริการของเร้ดแฮทมาใช้งานให้สัมฤทธิ์ผล ไม่ว่าจะเป็น Red Hat OpenShift Container Platform, Red Hat JBoss Enterprise Application Platform, Red Hat CloudForms, Red Hat Ansible Tower, Red Hat Enterprise Linux, Red Hat OpenStack Platform และ Red Hat Satellite โดยได้ทำการติดตั้ง Red Hat OpenShift Container Platform บน Red Hat OpenStack เพื่อปรับขยายชั้นโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับการปรับขยายที่มากขึ้นและนำแอปพลิเคชันไปใช้โดยอัตโนมัติ

Lotte Data Communication Company (LDCC) เป็นบริษัทในเครือของล้อตเต้กรุ๊ป (Lotte Group) ผู้ให้บริการด้านไอที มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงโซล เตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตด้วยการสร้างแพลตฟอร์มคลาวด์เพื่อขยายธุรกิจของตัวเอง ควบรวมทรัพยากรทางไอทีและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น LDCC เลือกที่จะนำ Red Hat OpenStack Platform และ Red Hat Ceph Storage มาใช้งานร่วมกัน จึงสามารถสร้างสภาพแวดล้อมระบบประมวลผลไพรเวตและพับลิกคลาวด์ได้ สามารถลดต้นทุนรวมในระยะเวลา 5 ปี เพิ่มความคล่องตัวและความมั่นคงได้ในเวลาเดียวกัน เทคโนโลยี OpenStack รูปแบบใหม่ยังเปิดโอกาสให้องค์กรได้เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์ภายนอก สิ่งที่เพิ่มขึ้นจากบริการเหล่านี้ช่วยให้ LDCC ขยายขอบเขตข้อเสนอทางการค้าและความยืดหยุ่นทางการตลาดกับบริษัทระดับโลกอื่น ๆ ได้

MyRepublic Group ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ ได้นำ Red Hat OpenStack Platform, Red Hat Ceph Storage และ Red Hat CloudForms มาใช้งานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบไฮบริดคลาวด์แบบเปิดเป็นครั้งแรก แพลตฟอร์มคลาวด์ที่ปรับขยายได้สามารถแทนที่โครงสร้างพื้นฐานทางไอทีแบบดั้งเดิมที่แยกส่วนกัน สร้างความพร้อมในการใช้งาน มีความคล่องตัวมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายทางด้านฮาร์ดแวร์ได้อย่างมาก โครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ทำให้ MyRepublic Group สามารถปรับขยายและเพิ่มทรัพยากรเพื่อรับมือกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความพร้อมในระบบสูงขึ้น ลด Latency ลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นโครงสร้างพื้นฐานของ MyRepublic Group ยังมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยการลดระยะเวลาที่ระบบขัดข้องหรือหยุดชะงัก สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น

STT Connect เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ST Telemedia ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มไพรเวตคลาวด์ให้แก่องค์กรและภาครัฐ ประกอบด้วยการประมวลผล สตอเรจ และเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงบริการที่เป็นมืออาชีพ การเลือกใช้ Red Hat OpenStack Platform, Red Hat Ceph Storage และ Red Hat Ansible Tower ช่วยให้ STT Connect สามารถเพิ่มลูกค้ารายใหม่ ๆ ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ย่นระยะเวลาในการทำตลาดได้ จากรายงานของ STT Connect ระบุว่าเมื่อย้ายมาใช้เทคโนโลยีของเร้ดแฮท ต้นทุนรวมลดลงถึง 15% ประสบความสำเร็จในการลดพื้นที่ที่ใช้สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ลงได้ถึง 50% จึงได้รับประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น มีระบบจัดสรรทรัพยากรส่วนเกิน (Over-provisioning) ที่มีราคาดีกว่า ช่วยสร้างประโยชน์ทางด้านการลงทุนที่ดีที่สุด ล่าสุด STT Connect ได้รับการรับรองมาตรฐาน MTCS SS 584 (The Multi-tiered Cloud Computing Security SS 584) ในระดับ 3 จากประเทศสิงคโปร์

แฟรงค์ เฟลด์แมน หัวหน้าสำนักงานเทคโนโลยีภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท เร้ดแฮท กล่าวว่าการที่องค์กรทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์ ทำให้แผนกไอทีขององค์กรมีความคล่องตัวในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและปรับขยายโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยี Red Hat OpenStack Platform ที่ทำงานร่วมกับ Red Hat Enterprise Linux นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบรากฐานที่มีความสามารถในการปรับขยาย มีความปลอดภัยมากขึ้นเพื่อสร้างและจัดการพับลิกคลาวด์และไพรเวตคลาวด์ การเลือกใช้โซลูชันที่มาจาก Red Hat OpenStack Platform ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมโอเพนซอร์สได้เร็วขึ้น สามารถรักษาแพลตฟอร์มทางด้านการผลิตให้สมดุลได้อีกด้วย”

คิม ยุนซู ผู้จัดการด้านบริการคลาวด์ บริษัท Lotte Data Communication Company (LDCC) กล่าวว่า “เราเลือกใช้คลาวด์เพื่อสร้างมาตรฐานและควบรวมระบบที่เป็นไซโลต่าง ๆ ในกลุ่มของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น เทคโนโลยี OpenStack ได้รับการยกย่องให้เป็นมาตรฐานชั้นนำในตลาดคลาวด์ เราจึงเลือกใช้แพลตฟอร์ม OpenStack กับบริการคลาวด์ภายนอก เราเชื่อว่าเทคโนโลยี OpenStack จะสามารถทำงานได้ดีที่สุดบนสภาพแวดล้อมของลินุกซ์ เร้ดแฮทเป็นอันดับต้น ๆ ที่เราเลือกเนื่องจากมีความน่าเชื่อถือ Red Hat OpenStack Platform มีประสิทธิภาพที่ช่วยให้เราขยายโมเดลธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง สามารถจัดเตรียมบริการพับลิกคลาวด์หลังจากที่ได้ทดลองบนสภาพแวดล้อมจำลองที่เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด"

อิริค วอง ผู้จัดการทั่วไป CargoSmart กล่าวว่า “เรามอบโซลูชันทางเทคโนโลยีที่สนับสนุนองค์กรเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชันของพวกเขาเองได้ เทคโนโลยีของเร้ดแฮทสามารถควบรวมกับซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สอื่น ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ได้รับการรับรองจากนักพัฒนาและตัวแทนจำหน่ายมากมาย โซลูชันของเร้ดแฮททำให้เราค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นผู้ให้บริการและผู้นำเสนอโซลูชัน IaaS และ SaaS ให้แก่ลูกค้าของเราได้ ความยืดหยุ่นของทางผู้จำหน่ายได้เพิ่มมูลค่าให้แก่กลยุทธ์หลักทางธุรกิจของเรา นำไปสู่การพัฒนาในอนาคตที่ทำให้เราเป็นผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระได้”

เจิง อี้ รองประธานกรรมการ บริษัท Capital Online Data Service กล่าวว่า “มีเหตุผลหลายอย่างที่เราติดตั้ง OpenStack ไพรเวตคลาวด์ เราต้องการสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้เราสามารถใช้งานทรัพยากรฮาร์ดแวร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานและลดค่าใช้จ่าย เรายังต้องการ Software-Defined Networking (SDN) สำหรับบริการคลาวด์อีกด้วย อีกทั้งเร้ดแฮทเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำโซลูชันโอเพนซอร์สระดับโลก เราเลือกที่จะทำงานกับเร้ดแฮทเนื่องจากเราเชื่อว่าพวกเขาจะให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคที่ตอบโจทย์เราได้ดีที่สุด”

เคอร์รี่ เพียร์ส ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและการปฏิบัติการ Cathay Pacific Airways กล่าวว่า “สายการบิน Cathay Pacific มุ่งมั่นที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและประสิทธิภาพการดำเนินการในฐานะสายการบิน เราแข็งแกร่งในระบบคลาวด์ เราต้องการสภาพแวดล้อมที่มีทั้งโซลูชันที่เป็นเวอร์ชวลไพรเวตหรือพับลิกคลาวด์ที่ทำงานร่วมกับโซลูชันและโครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งอยู่ในองค์กร (On-premise) เพื่อนำพาเราสู่การใช้งานไฮบริดคลาวด์ เราประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกับเร้ดแฮทในการนำเสนอโซลูชันไฮบริดคลาวด์แบบครบวงจรด้วยการใช้เทคโนโลยี เช่น Red Hat OpenShift Container Platform, Red Hat CloudForms และ Red Hat OpenStack Platform ไฮบริดคลาวด์รูปแบบใหม่ที่ครบวงจรช่วยสร้างความคล่องตัวให้กับเรา ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายและพื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน ช่วยปรับปรุงการวางแผนความสามารถและมาตรฐานในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน"

ยูจีน ยีว ผู้บริหารกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง MyRepublic Group กล่าวว่า “การที่เราขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เราพบว่ามีความท้าทายเพิ่มขึ้นหากเราเลือกที่จะสร้างนวัตกรรมและสร้างการเติบโตโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมที่เรามีอยู่ เรามีทางเลือกระหว่างโซลูชันที่มีลิขสิทธิ์และไพรเวตคลาวด์ที่เป็นแบบโอเพนซอร์ส รวมถึงผู้จำหน่ายที่นำเสนอโซลูชันโอเพนซอร์สที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ เราเลือกโซลูชัน Red Hat OpenStack ที่มีพื้นฐานจาก Red Hat Enterprise Linux และใช้ซอฟต์แวร์การจัดการอย่าง Red Hat CloudForms และ Red Hat Ceph Storage จากนี้เราจึงสามารถปรับขยายและเพิ่มทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาการโปรโมตในระยะสั้น ๆ ระหว่างจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

เดวิด โรบินสัน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ STT Connect กล่าวว่า “เพื่อเป็นการนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์แบบเปิดระดับองค์กรที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยมาตรฐานการให้บริการที่ล้ำสมัย เราเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับเร้ดแฮท นำ Red Hat OpenStack Platform, Red Hat Ceph Storage และ Red Hat Ansible Tower มาใช้งานในฐานะที่เร้ดแฮทเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ได้รับการรับรองทั้งลูกค้าและพันธมิตรของเรา จึงมั่นใจว่าแพลตฟอร์มที่กำลังใช้งานขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีแบบครบวงจรที่ทันสมัย มาพร้อมข้อเสนอที่ยืดหยุ่นซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างคลาวด์ที่น่าเชื่อถือในราคาที่จับต้องได้”