เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ด้านอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) พร้อมแผนก IoT ที่ตั้งขึ้นใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ห้องปฏิบัติการ โปรแกรมคู่ค้า และโมเดลการใช้งานใหม่สำหรับ IoT โดยเฉพาะ การประกาศในวันนี้เน้นถึงคำมั่นสัญญาของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ในการช่วยให้ลูกค้าตระหนักถึงอนาคตด้านดิจิทัลด้วยการนำทางอย่างปลอดภัยไปสู่ภาพรวม IoT ที่ซับซ้อนและบ่อยครั้งก็เป็นภาพย่อย ๆ
ประกาศยุค IoT โมเดลใหม่ หวนคืนสู่การประมวลผลแบบกระจายศูนย์
มีลูกค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อยากปฏิรูปธุรกิจของตนไปสู่ดิจิทัล ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของการประมวลผลที่เพิ่งเกิดขึ้น 15 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมไอทีได้เห็นถึงการมาของคลาวด์คอมพิวติ้ง โมเดลที่ใช้ศูนย์กลางเป็นหลักเพื่อให้บริการด้านไอที แต่ในยุคที่อุปกรณ์ทุกประเภทตั้งแต่โทรศัพท์ รถยนต์ หลอดไฟ อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ และเครื่องวัดชีพจรต่างทำงานได้ฉลาดเหมือนมีชีวิต ทำให้เกิดความต้องการในการประมวลผลข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์และกระจายศูนย์ แค่อุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถรอการตอบสนองจากระบบโครงสร้างคลาวด์แบบรวมศูนย์ ซึ่งอาจจะใช้เวลา ‘หลายวินาที’
ไมเคิล เดลล์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวว่า IoT เข้ามาเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนการดำเนินงานในองค์กรและเปลี่ยนวิถีโลก เดลล์ เทคโนโลยีส์ กำลังนำทางลูกค้าไปยังสถาปัตยกรรมในการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่นำ IoT และปัญญาประดิษฐ์มารวมกันในระบบนิเวศที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ส่วนที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทาง (Edge) จนถึงระบบงานหลัก (Core) ไปยังคลาวด์ ทำให้เห็นถึงนัยของสังคมโลกในปัจจุบันที่จะไม่มีสิ่งไหนที่ขาดความรอบรู้
"ลูกค้าได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นว่าภายในบริษัทเดียวกันต้องนำโซลูชั่น IoT ที่สมบูรณ์มาใช้ร่วมกันในองค์กรได้ แนวทางการใช้งาน IoT ที่สมบูรณ์แบบของเดลล์ เทคโนโลยีส์ จะอยู่บนฐานเทคโนโลยีและบริการชั้นนำในตลาด รวมถึงระบบนิเวศคู่ค้าที่คัดสรรมาอย่างดี ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เข้าใจถึงคุณค่าสำหรับลูกค้าในปัจจุบันและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต" ไมเคิลกล่าวย้ำ
“ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ด้วยขนาดของประชากรและจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันล้วนมีการเติบโตอย่างมหาศาล โดย IoT แสดงให้องค์กรเอ็นเตอร์ไพรส์ขนาดใหญ่เห็นถึงโอกาสครั้งสำคัญที่มาพร้อมกับความท้าทาย การที่จะทำให้อุปกรณ์ที่มีศักยภาพด้าน IoT ดึงคุณค่าออกมาจากข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาลนั้นต้องใช้ระบบโครงสร้างไอทีที่ทันสมัย ให้ความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางไปยังระบบหลักจนถึงคลาวด์ (Edge-to-Core-to-Cloud) เดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยองค์กรเหล่านี้แก้โจทย์ที่เป็นอุปสรรคด้านเทคโนโลยี พร้อมเข้าใจถึงระบบนิเวศไอทีได้ทั้งหมด ช่วยให้สร้างนวัตกรรมและมอบประสบการณ์ที่สร้างความแตกต่างให้กับลูกค้า” เดวิด เว็บสเตอร์ ประธานฝ่ายเอ็นเตอร์ไพรส์ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท เดลล์ อีเอ็มซี กล่าวเสริม
อมิต มิธา ประธาน ฝ่ายคอมเมอร์เชียลประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท เดลล์ อีเอ็มซี ได้ให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวว่าการปฏิรูปสู่ดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นต่อการอยู่รอดสำหรับองค์กรในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นในปัจจุบัน IoT ยังพิสูจน์แล้วว่าเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความแตกต่างหลักในการปฏิรูปดังกล่าว อย่างไรก็ตามเมื่อมองให้ทั่วทุกตลาดและอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันในภูมิภาค หนทางที่จะเข้าถึงประโยชน์ของการติดตั้ง IoT ไม่ได้เด่นชัดเสมอไป แม้ในขั้นตอนแรกของโครงการจะมีอุปสรรคจากการขาดแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด หรือเทคโนโลยีมีความซับซ้อน ทั้งนี้ จากการทำให้เมืองเป็นอัจฉริยะมากขึ้น ช่วยให้สามารถสร้างแนวทางปฏิบัติด้านการทำฟาร์มได้ยั่งยืนมากขึ้น เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้พัฒนาโซลูชั่นและการบริการ รวมถึงระบบนิเวศคู่ค้าที่ฉพาะสำหรับ IoT ช่วยให้องค์กรสามารถก้าวผ่านความท้าทายและขับเคลื่อนไปสู่การเดินทางในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลได้
แผนก IoT ใหม่ของบริษัทจะนำโดย เรย์ โอ’ฟาร์เรล ซีทีโอ ของ VMware โดยได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง พร้อมควบคุมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน IoT ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ในตระกูลเดลล์ เทคโนโลยีส์ ฝ่ายโซลูชั่น IoT จะรวมเทคโนโลยีที่พัฒนาภายในองค์กรเข้ากับส่วนที่นำเสนอจากระบบนิเวศอันกว้างใหญ่ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ เพื่อมอบโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า
“เดลล์ เทคโนโลยีส์ เห็นถึงโอกาสในการเติบโตอย่างรวดเร็วของโลก IoT จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามากมายในตลาดเอดจ์คอมพิวติ้ง ฝ่าย IoT ใหม่ของเราจะใช้จุดแข็งของธุรกิจในทุกตระกูลใต้เดลล์ เทคโนโลยีส์ มาช่วยให้มั่นใจว่าเราจะนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมด้วยการผสานเข้ากับระบบนิเวศคู่ค้าที่กว้างใหญ่ของเราเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ช่วยลูกค้านำระบบ IoT ที่ผสานการทำงานร่วมกันมาใช้ได้ง่ายยิ่งขึ้น” เรย์ โอ’ฟาร์เรลล์ รองประธานบริหารและซีทีโอ VMware และผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย IoT บริษัท เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวเสริม
“ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อการผลักดันในด้าน IoT เดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้รับการจัดวางให้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรธุรกิจในประเทศไทยให้สามารถบรรลุถึงเป้าหมายที่สำคัญในด้าน IoT รวมทั้งช่วยกำหนดอนาคตด้านดิจิทัลให้กับองค์กรต่างๆ ให้สอดคล้องกับนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 เรามองเห็นโอกาสมหาศาลที่รอเราอยู่ข้างหน้าเนื่องจากองค์กรธุรกิจเป็นจำนวนมากที่หันมาตอบรับการใช้งานระบบอัจฉริยะขั้นสูง ตั้งแต่ส่วนที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทางจนถึงระบบงานหลักไปยังคลาวด์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่ความก้าวหน้าของประเทศ” อโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร บริษัท เดลล์ อีเอ็มซี ภูมิภาคอินโดจีน กล่าวยืนยัน
การลงทุนเพื่อขยายผลลัพธ์ในอนาคต IoT ของเดลล์ – ทั้งผลิตภัณฑ์ ห้องปฏิบัติการ โปรแกรมคู่ค้า
ภายใน 3 ปีข้างหน้าเดลล์ เทคโนโลยีส์ จะลงทุนอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น ห้องปฏิบัติการ ระบบนิเวศ และโปรแกรมคู่ค้าใหม่สำหรับ IoT ปัจจุบันเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้นำเสนอ Edge Gateways ซึ่งบริหารจัดการและรักษาความปลอดภัยโดย VMware IoT Control Center นอกจากนี้ยังได้ยกระดับเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge C-Series ของเดลล์ อีเอ็มซี สำหรับการฝึกอบรมทั้งหมด รวมถึงแมชีนเลิร์นนิ่งให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบงานหลักแบบกระจายศูนย์ (Distributed Core) โดย Dell EMC Isilon และ Elastic Cloud Storage จะทำหน้าที่เป็นสตอเรจจัดเก็บไฟล์และออบเจ็กต์สำหรับข้อมูลขนาดมหาศาล ให้ศักยภาพด้านการวิเคราะห์ผ่าน HDFS โดย Pivotal Cloud Foundry (PCF) และ Pivotal Container Service (PKS) ให้แพลตฟอร์มในอุดมคติสำหรับพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ด้านการวิเคราะห์ที่ทำงานบนคลาวด์ บริการ PCF ของ Virtustream ให้บริการในการบริหารจัดการ Pivotal Cloud Foundry ที่นำไปใช้และดำเนินการด้านเวิร์กโหลดสำคัญที่อยู่บนสถาปัตยกรรมคลาวด์ใน Virtustream Enterprise Cloud ขณะที่ Virtustream Storage Cloud ก็พร้อมสำหรับคลาวด์ออบเจ็กต์สตอเรจแบบ Off-premises ท้ายสุด Dell Boomi จะทำการเชื่อมต่อกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วเพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านการวิเคราะห์บนคลาวด์และการเรียนรู้ในเชิงลึก (Deep Learning)
ความริเริ่มในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่
o Dell EMC ‘Project Nautilus’ เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการทำ Query และย่อยข้อมูลจำนวนมากที่ได้จาก IoT เกตเวย์แบบเรียลไทม์ โดยสามารถ Archive ข้อมูลในรูปของไฟล์ ออบเจ็กต์ สตอเรจเพื่อการวิเคราะห์ขั้นสูงในเชิงลึกได้
o ‘Project Fire’ แพลตฟอร์มไฮเปอร์คอนเวิร์จ ซึ่งเป็นส่วนของโซลูชั่น IoT ในตระกูล VMware Pulse ที่ให้การบริหารจัดการที่เรียบง่าย ประมวลผลได้จากภายใน (Local Compute) รวมถึงมีสตอเรจและแอพพลิเคชั่น IoT เช่น ระบบวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ‘Project Fire’ ช่วยให้องค์กรธุรกิจนำ Use Cases ด้าน IoT มาใช้งานได้เร็วขึ้น มีซอฟต์แวร์ระบบโครงสร้างที่เสถียรตั้งแต่ส่วนปลายทางที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ (Edge) ไปจนถึงระบบหลัก (Core) จนถึงคลาวด์
o RSA ‘Project IRIS’ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาใน RSA Labs ซึ่ง Iris ได้มีการขยายความสามารถของระบบวิเคราะห์ความปลอดภัยเพื่อให้ความสามารถในการสอดส่องและมองเห็นภัยคุกคามที่เข้ามาที่ Edge
o เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก อย่างเช่น ตัวเร่งประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์ (Processor Accelerators) จะช่วยเพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกับ Edge ทั้งนี้ ความร่วมมือกับผู้นำอุตสาหกรรมอย่าง VMware, Intel และ NVIDIA รวมถึงการลงทุนของ Dell Technologies Capital ใน Graphcore สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการนำศักยภาพของเซิร์ฟเวอร์มาใช้สำหรับ AI, Machine Learning และ Deep Learning ได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเยี่ยมชมหนึ่งในศูนย์ปฏิบัติการ IoT ของเดลล์ เทคโนโลยี ที่ออกแบบใหม่ได้
ความริเริ่มด้านบริการ IoT ใหม่ ได้แก่
o บริการให้คำปรึกษา รวมถึงการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ รวมถึงทิศทาง กลยุทธ์ การออกแบบระบบโครงสร้าง การนำไปใช้งาน และบริการสนับสนุนต่างๆ
o การติดตั้ง ‘Worldwide Herd’ บริการด้านคำปรึกษาสำหรับการดำเนินการด้านวิเคราะห์ข้อมูลที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งสำคัญยิ่งขึ้นเพราะช่วยสร้างศักยภาพในการเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับชุดข้อมูลที่ไม่สามารถโยกย้ายได้เนื่องจากติดในเรื่องของขนาด ความเป็นส่วนตัว ข้อกังวลเรื่องกฎระเบียบ
นอกจากนี้จากการมุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีและการบริการเป็นหลัก เดลล์ เทคโนโลยีส์ จึงได้วางกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตของ IoT ผ่านโปรแกรมคู่ค้าและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง
o ด้วยโปรแกรมของเดลล์ที่ชนะเลิศรางวัล เป็นโปรแกรมคู่ค้าสำหรับโซลูชั่น IoT แบบ มัลติ-เทียร์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ประกอบด้วยคู่ค้ากว่า 90 รายที่มาจากองค์กรต่างๆ เช่น Intel, Microsoft และ SAP ตลอดจนสตาร์ทอัป เช่น Action Point, IMS Evolve, FogHorn และ Zingbox
o ปัจจุบันโปรแกรมดังกล่าวจะให้การสนับสนุนคู่ค้าในธุรกิจของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ทั้งหมด ช่วยให้การประสานความร่วมมือและการติดตั้งโครงการต้นแบบทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
o ตัวอย่างของระบบนิเวศคู่ค้าที่ทำงานร่วมกันจากการประกาศเมื่อไม่นานมานี้ ในการที่ VMware และ SAP ได้ประสานความร่วมมือในการสร้างโซลูชั่นรวมสำหรับระบบวิเคราะห์ IoT และแอพพลิเคชั่นเฉพาะทาง โซลูชั่นดังกล่าวใช้ VMware Pulse IoT Center, SAP Cloud Platform และ SAP Leonardo และเป็นโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้านำ Use Case IoT มาใช้ได้เร็วขึ้นและขยายขีดความสามารถได้ง่ายยิ่งขึ้น
เดลล์ เทคโนโลยีส์ ยังคงมุ่งมั่นในเรื่องของมาตรฐานด้าน IoT และความเป็นระบบเปิด โดยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ EdgeX Foundry, Industrial Internet Consortium (IIC) และ OpenFog Consortium โดยเดลล์ได้มอบซอร์สโค้ดให้ EdgeX Foundry โครงการโอเพนซอร์สที่ไม่ขึ้นกับผู้จำหน่ายรายใดในการสร้างเฟรมเวิร์กที่ให้ความสามารถในการทำงานร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับระบบนิเวศสำหรับ Edge Computing ตั้งแต่มีการเปิดตัวในเดือนเมษายน 2017 Edge Foundry เติบโตจนมีสมาชิกองค์กรมากกว่า 60 แห่ง เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการประกาศเปิดตัวโครงการแรกที่เป็นหลักไมล์ความสำเร็จครั้งสำคัญครั้งแรกด้วยการออกโค้ด ‘Barcelona’ รวมถึงการเป็นพันธมิตรร่วมกับ IIC เพื่อทำงานร่วมกันในส่วน Testbeds
IoT กำลังสร้างโมเดลรายได้ใหม่สำหรับลูกค้า ในทางกลับกันก็ให้ทางเลือกใหม่ด้านไฟแนนซ์ ซึ่งเดลล์ เทคโนโลยีส์ มอบความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินสำหรับลูกค้าคล้ายรูปแบบของการใช้คลาวด์ผ่าน Dell Financial Service ที่ให้โมเดลการใช้งานที่ยืดหยุ่น โซลูชั่นด้านการจ่ายเงินเหล่านี้พร้อมให้บริการสำหรับทุกตระกูลธุรกิจภายใต้เดลล์ เทคโนโลยีส์ ช่วยให้ลูกค้าได้รับความยืดหยุ่นในการซื้อและใช้เทคโนโลยี
การลงทุนในอนาคตของ IoT ผ่าน Dell Technologies Capital
Dell Technologies Capital ซึ่งเป็นหน่วยลงทุนของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ได้ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดในแผนก IoT ใหม่ ด้วยการให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและความร่วมมือในการสนับสนุนวาระที่เป็นยุทธศาสตร์จากการลงทุนในองค์กรสตาร์ทอัปและผู้ก่อตั้งที่ดูมีอนาคต Dell Technologies Capital จะให้การเชื่อมโยงที่มีค่าไปสู่ระบบนิเวศด้านนวัตกรรมจากภายนอก ช่วยเร่งการพัฒนาพร้อมกับนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นใหม่ๆ ด้าน IoT, AI และ ML มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ Dell Technologies Capital จะแสดงให้เห็นถึงบางกรณีเกี่ยวกับการลงทุนและองค์กรสตาร์ทอัปเหล่านี้ในงาน New York IQT ของบริษัทดังต่อไปนี้
o Edico Genome ผู้สร้างโปรเซสเซอร์ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลรุ่นใหม่ที่มีการเรียงลำดับ (Sequencing Data)
o FogHorn Systems ผู้พัฒนาชั้นนำด้านซอฟต์แวร์ Edge-device อัจฉริยะสำหรับโซลูชั่น IoT
o Graphcore ผู้พัฒนาโปรเซสเซอร์แบบเน็กซ์เจนที่ช่วยเร่งการใช้โซลูชั่น AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
o Moogsoft ผู้นำตลาดในการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์กับ IT Ops (AIOps)
o Zingbox ผู้พัฒนาโซลูชั่นรักษาความปลอดภัย IoT ที่ให้ศักยภาพการใช้อุปกรณ์ IoT ได้อย่างเชื่อมั่น (Internet of Trusted Things)
คำกล่าวเสริมจากลูกค้า
ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข (ประเทศไทย)
“แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ วางใจในการนำเทคโนโลยีล้ำหน้ามาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนดีขึ้น ช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเมือง เราเลือกที่จะทำงานร่วมกับเดลล์ เทคโนโลยีส์ เนื่องจากเดลล์มีประวัติการดำเนินงานเกี่ยวกับสมาร์ท ซิตี้มามากมาย อีกทั้งได้สร้างโครงการอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ ขนาดใหญ่ที่ให้ความน่าเชื่อถือสูงให้กับหลายเมืองในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นการติดตั้งโครงการในเฟสแรก มั่นใจว่าเฟสต่อๆ ไปของโครงการจะให้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งแก่เมืองของเรา”
เดวิด โรเซนเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท AeroFarms (ประเทศสหรัฐอเมริกา)
“AeroFarms ได้สร้างนิยามใหม่เรื่องของอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยการผสานความเชี่ยวชาญระดับโลกเรื่องของวิศวกรรมด้านพืชสวน ความปลอดภัยของอาหาร โภชนาการ และวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ทั้งเรื่องการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ เราเป็นบริษัทที่มีศักยภาพมากพอๆ กับบทบาทของชาวนาที่มีศักยภาพด้วยการนำทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยสร้างวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงในเรื่องของการเกษตรที่ควบคุมจัดการได้อย่างครบวงจร เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับเดลล์ เทคโนโลยีส์ ในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อสอดส่องดูแลและติดตั้งผลิตภัณฑ์ของเราครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งหว่านเมล็ดจนถึงบรรจุภัณฑ์ผ่านระบบไร้สาย เดลล์ เทคโนโลยีส์ เข้าใจถึงความต้องการเรื่องระบบโครงสร้าง IoT และการผสานรวมการทำงานในแบบที่เราต้องการ เราเห็นถึงโอกาสที่จะประสานความร่วมมือด้านโซลูชั่นเสริมอื่นๆ จากที่เราได้มีการสร้างฟาร์มเฉพาะทางบริเวณพื้นที่ในร่มในเมืองหลักๆ หลายเมืองทั่วโลก”