"เสนา ดีเวลลอปเม้นท์" นำที่อยู่อาศัยรวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ร่วมงานใหญ่ "มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 17" ระหว่าง 11-14 ต.ค.นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ฯ เผยจัดโปรโมชันคึกคัก ทั้งซื้อบ้านพร้อมรับโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่ต้องเสียทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 2 ปี ให้ค่าแนะนำสูงถึง 30,000 บาท และแถมเฟอร์นิเจอร์ฟรีทุกห้องหวังกระตุ้นกำลังซื้อ เชื่อตลาดบ้านเดี่ยวยังไปได้สวย โดยเฉพาะโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้า เน้นใช้ชีวิตได้เหมือนอยู่ใจกลางเมือง

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบแทนสังคมในนามโครงการบ้านร่วมทางฝัน และดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ  ซึ่งดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ด้วยทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท และมีบริษัทในเครือกว่า 10 บริษัท เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย กำหนดจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 17 ขึ้น ในวันที่ 11-14 ตุลาคม 2550 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตต์นั้น งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ ที่มีบทบาทและความสำคัญต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น "เสนา ดีเวลลอปเม้นท์" จึงได้นำที่อยู่อาศัย ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท เข้าร่วมออกบูธในครั้งนี้ด้วย

"ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ เป็นเดือนที่เหมาะสมในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการขายโครงการที่อยู่อาศัย เพราะสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย รวมถึงเรื่องความชัดเจนจากรัฐบาลในการกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าปัจจัยบวกเหล่านี้ จะทำให้คนที่คิดจะซื้อบ้านกลับมาซื้อบ้านในช่วงปลายปี และในงานครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยต้องไม่พลาดงานนี้ เพราะผู้ประกอบการต่างก็นำอสังหาริมทรัพย์มาเสนอในงานกันอย่างคึกคัก โดยรวบรวมที่พักอาศัยทุกรูปแบบ ทั้งเก่าและใหม่ในราคาเดิมก่อนจะปรับขึ้น ในคอนเซ็ปท์ที่ว่า "ทุกที่ ทุกทำเล ทุกราคา พร้อมเสิร์ฟส่งถึงคุณ" จึงเป็นสิ่งที่จะสัมผัสได้จริงในงานนี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสการพัฒนาคอนโดมิเนียมจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีการแข่งขันสูงมาก แต่บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นว่าตลาดบ้านเดี่ยวก็ยังสามารถทำตลาดไปได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าที่นำออกสู่ตลาดด้วยว่ามีความแตกต่างกับสินค้าที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันหรือไม่

ขณะที่โครงการบ้านของเสนาฯ มีจุดยืน  อยู่ที่การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อคนชั้นกลาง ที่มีรายได้ในระดับ 10,000 – 50,000 บาทต่อคนต่อเดือน โดยบริษัทฯ จะพยายามตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาคนกลุ่มดังกล่าวให้ความสนใจที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮ้าส์ ต่อมาก็หันมาสนใจบ้านเดี่ยวขนาดเล็ก ซึ่งก็ตรงกับแผนของบริษัทฯ อยู่แล้ว

"ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด บริษัทฯ  จะนำโครงการเสนาแกรนด์โฮม รังสิต ซึ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยว ระดับราคา 2.8-9 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า (สายสีแดง) โดยสามารถใช้ชีวิตที่สะดวกสบายในการเดินทางได้เหมือนกับการอยู่คอนโดกลางเมืองและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านอกจากนี้ยังสามารถใช้สิทธิ์ดีๆ กับเงื่อนไข  โอน-เข้าอยู่ฟรี ไม่ต้องผ่อน 2 ปี  อีกด้วย" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

สำหรับตัวอย่างบ้านโครงการของค่ายเสนาฯ ที่น่าสนใจ เช่น โครงการเสนากรีน วิลล์ ย่านรามอินทรา (คู้บอน) เป็นบ้านแฝด ขนาด 34 ตารางวา ระดับราคา 2.3-2.8 ล้านบาทต่อยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 250 ล้านบาท,โครงการเสนากรีน วิลล์ ย่านรังสิต- นครนายก (คลอง 11) เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว จำนวน 180 ยูนิต มูลค่ารวมประมาณ 240 ล้านบาท ระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาทเศษ และโครงการเสนาแกรนด์โฮม รังสิต ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว ในระดับราคา 2.8 – 9 ล้านบาท

นอกจากนี้ เสนาฯ ยังมีโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียม ก็คือ โครงการ เดอะนิช โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนทำเลสุขุมวิท 49 อาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 140 ยูนิต มูลค่ารวม 350 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยประมาณ 48,000 บาทต่อตารางเมตร หรือเริ่มต้นที่ 1.5-3.2 ล้านบาท โดยเปิดขายได้ 4-5 เดือน มียอดขายแล้วประมาณ 40% ทั้งนี้ ผู้ที่มาเลือกชมอสังหาริมทรัพย์และตัดสินใจซื้อทรัพย์สินจากเสนา ดีเวลลอปเม้นท์

ในงานนี้จะได้รับการอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะโครงการ ทำเล และสภาพของที่อยู่อาศัยอย่างละเอียด และมีโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างมากมาย เช่น การขยายเวลาถึงสิ้นปีนี้กับโปรโมชันทางด้านการเงิน ที่ร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในการจัดแคมเปญ “บ้านราคาเดิม โอนพร้อมเข้าอยู่ ปลอดต้นปลอดดอก 2 ปี” โดยมีข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่แนะนำลูกค้าใหม่รับค่าแนะนำสูงสุดถึง 30,000 บาท รวมถึงโปรโมชันแถมเฟอร์นิเจอร์ครบชุดให้กับผู้ที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียม ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการซื้อบ้านและสามารถเข้าอยู่ได้เลยอีกด้วย

กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงปลายปี ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะแข่งขันสูงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันเรื่องของทำเลที่ตั้ง แบบบ้าน สิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งเรื่องของราคา โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์ลด แลก แจก แถม มาเป็นโปรโมชันหลักในการบริหารโครงการต่างๆ เพื่อหวังกระตุ้นยอดขาย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ภาพรวมของตลาดมีความคึกคักขึ้น