เอกชนไม่ขานรับ ครม.อนุมัติเปิดประมูลรถ ไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ เซ็งได้แต่พูด เผยโครงการยังต้องทำรายละเอียดอีกตรึม ชี้แผนแหล่งเงินกู้ยังลูกผีลูกคน เจบิกตั้งแง่ อ้างแผนร่วมทุนเอกชนไม่เคลียร์ แถมฟันดอกเบี้ยแพง ด้านสถาบันการเงินจีนตั้งท่าเข้าเสียบ
เอกชนไม่ขานรับ ครม.อนุมัติเปิดประมูลรถ ไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ เซ็งได้แต่พูด เผยโครงการยังต้องทำรายละเอียดอีกตรึม ชี้แผนแหล่งเงินกู้ยังลูกผีลูกคน เจบิกตั้งแง่ อ้างแผนร่วมทุนเอกชนไม่เคลียร์ แถมฟันดอกเบี้ยแพง ด้านสถาบันการเงินจีนตั้งท่าเข้าเสียบ ยื่นข้อเสนอ ดอกเบี้ยต่ำ 0-3% แต่มีเงื่อนไขต้องใช้ผู้รับเหมาจีน ส่วนคลังดอดเจรจากองทุนน้ำมันขอเจียดเงินเพิ่มหวังดันโครงการรถไฟฟ้า |
. |
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่ง มวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกวดราคาก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร วงเงิน 31,217 ล้านบาทแล้วนั้น การดำเนินการต่อจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะนำมติ ครม.มาหารือกับ รฟม.ลงลึกรายละเอียดด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าเวนคืนที่ดิน 9,300 ล้านบาท ครม.ติงว่าวงเงินสูงเกินไป ให้ไปตรวจสอบราคากับกรมธนารักษ์ใหม่ ถ้าราคาที่ รฟม.เสนอเป็นที่ยอมรับได้ก็จ่ายเงินค่าเวนคืนได้เลย |
. |
นอกจากนี้มีเรื่องรูปแบบการให้เอกชนเข้ามาลงทุนในส่วนของระบบรถไฟฟ้า วงเงิน 13,000 ล้านบาท ขอความชัดเจนว่าเงื่อนไขที่จะให้เอกชนมีอะไรบ้าง เช่น การแบ่งส่วนแบ่งรายได้จากการเก็บค่าโดยสาร โดยให้ศึกษาจากสัมปทานบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีเอ็มซีแอล เป็นตัวแบบ เพราะรัฐจะลงทุนซื้อรถไฟฟ้าเอง จึงต้องใช้เงินลงทุนเพิ่ม ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปแล้วกระทรวงคมนาคมจะต้องเสนอไปที่สภาพัฒน์อีกครั้งก่อนเสนอให้ ครม.พิจารณาตามขั้นตอน |
. |
ขายแบบประมูลสิ้น ต.ค. |
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเป็นไปได้ของโครงการจะเกิดได้จริงแค่ไหน หลังจากรัฐบาลชุดนี้หมดวาระ เพราะถึงสิ้นปีนี้ได้เริ่มต้นแค่กระบวนการประกาศขายเอกสารประกาดราคาเท่านั้น |
. |
"เราวางระบบและทำงานในขั้นเตรียมโครงการไว้ให้ ทั้ง 5 สายตอนนี้เดินหน้าหมด แต่เราจะไปให้คำการันตีไม่ได้ว่าโครงการจะไม่ถูกปรับเปลี่ยนอีก แต่เราพยายามหาวิธีลดการลงทุนของภาครัฐให้มากที่สุด ส่วนประเด็นการประกวดราคาที่มีแผนจะเริ่มได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ทุกอย่างจะทำคู่ขนานกันไป ดังนั้นที่วิตกว่าค่าเวนคืนยังไม่ได้ข้อสรุปวงเงินแล้วจะมีผลทำให้โครงการเปิดประกวดราคาไม่ได้นั้น ไม่น่าจะเป็นปัญหาคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบวงเงินไม่นาน 1-2 อาทิตย์ อีกประเด็นหนึ่งคือแหล่งเงินลงทุนโครงการเป็นหน้าที่ของกระทรวงคลังที่จะไปพิจารณาดำเนินการ" นายสรรเสริญกล่าว |
. |
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ รฟม.ทำหนังสือถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้รับเหมา สถานทูต เป็นต้น เพื่อแจ้งว่า ครม.ได้อนุมัติก่อสร้างโครงการแล้วและให้มีการเตรียมตัวเพื่อเสนอตัวเข้าประมูลงานก่อนที่จะประกาศขายเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะประกาศได้ปลายเดือนตุลาคมนี้ และใช้ระยะเวลาในการประกาศประมาณ 10-15 วัน จากนั้นจะให้เวลาผู้รับเหมาในการดำเนินการในรายละเอียดข้อเสนอประมาณ 90 วัน และเปิดให้ยื่นซองประกวดราคาได้ประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2551 คาดว่าจะเซ็นสัญญาก่อสร้างได้ภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2551 |
. |
แผนก่อสร้างซอย 4 สัญญา |
สำหรับการประกวดราคาก่อสร้างโครงการ รฟม.จะแบ่งออกเป็น 4 สัญญา ในวงเงิน 31,217 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.สัญญางานสร้างทางช่วงบางใหญ่-สะพานพระนั่งเกล้า ค่าก่อสร้าง 11,540 ล้านบาท 2.สัญญางานก่อสร้างทางช่วงสะพานพระนั่งเกล้า-บางซื่อ ค่าก่อสร้าง 10,709 ล้านบาท 3.งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ ค่าก่อสร้าง 5,595 ล้านบาท 4.งานวางระบบราง ค่าก่อสร้าง 3,373 ล้านบาท |
. |
นายประภัสร์กล่าวต่อว่า แผนการลงทุนโครง การรถไฟฟ้าสายสีม่วง ค่าเวนคืนและค่าที่ปรึกษาจะใช้งบประมาณจากรัฐบาล ซึ่งในปีงบประมาณ 2550 รฟม.ได้เงินค่าเวนคืนมาแล้วส่วนหนึ่ง 1,500 ล้านบาท ส่วนงานโยธาก่อสร้าง วงเงิน 31,217 ล้านบาท จะเป็นการใช้เงินกู้ทั้งหมด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังจะเป็นคนพิจารณาว่าจะมาจากแหล่งไหนบ้าง แต่ถ้าเป็นธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) จะให้การสนับสนุนอยู่ที่ 70-75% ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่เคยให้แต่เดิม ส่วนระบบรถไฟฟ้าวงเงิน 13,000 ล้านบาท เอกชนจะเป็นคนลงทุน |
. |
ด้านแหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ในการประเมินราคาค่าเวนคืนของสายสีม่วง อย่างเร็วที่สุดจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไปในการพิจารณา เนื่องจากจะต้องพิจารณาและตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายเวนคืนและราคาประเมินของทางราชการ อีกทั้งมาดูราคาตลาดด้วย ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าราคาที่ รฟม.คิดมานั้นถูกต้องหรือไม่ |
. |
รับเหมาเซ็ง-หวั่นรัฐบาลใหม่รื้ออีก |
แหล่งข่าวจากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ ครม.อนุมัติประกวดราคาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการนี้พูดกันมาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ที่สำคัญระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ คงจะทำอะไรได้ไม่มาก ได้แค่ออกประกาศขายแบบ เพราะแหล่งเงินยังไม่ชัดเจน ค่าเวนคืนยังไม่ลงตัว ทำให้เอกชนไม่มั่นใจว่าเมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาโครงการจะถูกทบทวนอีกหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง |
. |
"ประสบการณ์ในอดีตสมัยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีการประกาศพีคิวผู้รับเหมาไปแล้วด้วย แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่โครงการถูกยกเลิกและนำมาทบทวนใหม่อีกทั้งๆ ที่เป็นรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเดียวกัน" |
. |
นายไผท ชาครบัณฑิต รองประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเตรียมตัวอยู่และดูว่าจะร่วมทุนกับใครบ้าง ซึ่งจะต้องรอดู ทีโออาร์ว่าจะกำหนดรายละเอียดยังไงบ้าง ส่วนเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลแล้วโครงการจะถูกยกเลิกหรือไม่นั้น บริษัทยังเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสานต่อโครงการต่อไป |
. |
ชงสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" เข้า ครม. |
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นนั้น นายสรรเสริญกล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทำรายละเอียดสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต เพื่อเสนอให้ ครม.อนุมัติประกวดราคาต่อไป คาดว่าจะเสนอได้อีก 2 สัปดาห์ พร้อมให้ศึกษาต่อจากรังสิตไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เพื่อหาดีมานด์ เนื่องจากคนที่อาศัยอยู่ย่านนั้นค่อนข้างมาก ซึ่งถ้าแบบรายละเอียดพร้อมจะเสนอ ครม. พร้อมกันเลย |
. |
ขณะที่นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการ สนข. กล่าวว่า ตอนนี้เร่งที่ปรึกษาปรับเรื่องค่า ก่อสร้างเล็กน้อยที่ยังซ้ำซ้อนกันอยู่จนทำให้เงินลงทุนสูงขึ้น ถ้าเป็นไปได้จะเสนอให้ ครม.อนุมัติประกวดราคาได้ในวันอังคารที่ 9 ตุลาคมนี้ และจะขอหลักการจาก ครม.จะขยายเส้นทางไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระยะทาง 10 กว่ากิโลเมตร จากเดิมถึงรังสิตมีระยะทาง 26 กิโลเมตร เพราะคนจะเพิ่มขึ้น มีทั้งมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) จะได้ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แต่จะทำให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท |
. |
"ถ้ามีมติ ครม.อนุมัติตามที่เสนอ ประมาณเดือนพฤศจิกายนจะสามารถประกาศขายเอกสารประกวดราคา เพราะแบบจะแล้วเสร็จ ซึ่งยังมีโอกาสที่จะทันกับรัฐบาลชุดนี้" นายไมตรีกล่าว |
. |
จีนพร้อมเสียบถ้าเจบิกไม่โอเค |
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้มีการหารือกับปลัดกระทรวงการคลังของประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับแผนการปล่อยกู้เงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งตนได้ขอให้ปลัดกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นไปเจรจากับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) เพื่อขอให้เจบิกคิด ดอกเบี้ยในอัตราที่ผ่อนปรนเป็นพิเศษ ทั้งนี้จากการเจรจาล่าสุดทางเจบิกคิดดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ระยะเวลา 25 ปี ซึ่งค่อนข้างสูงสำหรับไทย |
. |
"ส่วนแหล่งเงินกู้ที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) นั้น ขณะนี้ยังเปิดกว้างให้ทุกสถาบันการเงินเข้ามาร่วมกันปล่อยกู้ หากไม่ได้แหล่งเงินกู้จากญี่ปุ่น ก็อาจจะเป็นแหล่งเงินกู้จากประเทศจีน ขณะนี้ก็มีสถาบันการเงินจากประเทศจีนหลายแห่งยื่นข้อเสนอมา โดยจะปล่อยกู้เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ คิด ดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ตลอดสัญญา 15 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้ภาคเอกชนของจีนเป็นผู้ลงทุน แต่ทางรัฐบาลไทยอยากจะให้ภาคเอกชนของไทยเข้าไปร่วมลงทุนด้วยอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะต้องเจรจากันต่อไปอีก" นายสมหมายกล่าว |
. |
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับการหาแหล่งเงินกู้เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น ขณะนี้ทางเจบิกยังไม่มีการอนุมัติวงเงินกู้ให้กับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ เนื่อง จากรูปแบบของการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้ายังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะวิธีการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP ซึ่งทางรัฐบาลไทยยังไม่ได้จัดส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ทางเจบิกพิจารณาเลย ทำให้การอนุมัติเงินกู้เกิดความล่าช้า สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังจะเปิดประมูลภายในเดือนนี้ คงจะใช้วงเงินกู้จากทางเจบิกไม่ทันแล้ว ส่วนโครงการก่อสร้างรถ ไฟฟ้าสายสีแดงกับสายสีน้ำเงิน ทางเจบิกจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินโครงการในเดือนพฤศจิกายนนี้ |
. |
ขณะนี้ก็มีสถาบันการเงินจากประเทศจีนยื่นข้อเสนอวงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน ยื่นข้อเสนออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี, ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศจีน เสนอดอกเบี้ย 0% ตลอดอายุสัญญา และแบงก์ออฟไชน่า เสนอดอกเบี้ย 1% ตลอดอายุสัญญา แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องให้ภาคเอกชนจีนเป็นผู้ลงทุน หรือใช้ผู้รับเหมาจีน |
. |
สำหรับแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับเจบิกและสถาบันการเงินของประเทศจีนอยู่ หากเสร็จไม่ทันก็อาจจะใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศ โดยการออกพันธบัตรระดมเงินมาใช้ก่อนได้ |
. |
หวังกองทุนน้ำมันดันรถไฟฟ้า |
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเปลี่ยนแปลงการบริหาร "กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง" หลังจากที่ใช้หนี้พันธบัตรน้ำมัน 17,600 ล้านบาทหมดภายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ด้วยการนำเงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนส่วนหนึ่งมาใช้สนับสนุนโครงการพัฒนารถไฟฟ้าและระบบขนส่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน จากที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนของน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ในอัตรา 1.50-4 บาท/ลิตรในปัจจุบัน |
. |
โดยเงินส่วนที่ 1 ประมาณ 50 สตางค์/ลิตร กองทุนน้ำมันจะโอนไปให้ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" จัดเก็บแทน ส่งผลให้มีเงินไหลเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งเงินในส่วนนี้ที่ประชุม กพช.มีมติให้นำไปสนับสนุนโครงการลงทุนรถไฟฟ้าและพัฒนาระดับรางคู่ทั่วประเทศ ในขณะที่เงินอีก 2 ส่วน จะนำไปลดราคาน้ำมันขายปลีกให้ประชาชนในอัตรา 50 สตางค์/ลิตร ส่วนที่เหลือจะจัดเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเหมือนเดิมเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินที่ "อาจจะ" มีความจำเป็นต้องตรึงราคาน้ำมันในช่วงสั้น ๆ ในอนาคต |
. |
"ต้องเข้าใจว่า เงินจากกองทุนน้ำมันเดือนละ 1,000 ล้านบาท ที่โอนมาให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ถูกระบุไว้ว่า จะนำมาใช้สนับสนุนโครงการลงทุนระบบขนส่งทั่วประเทศ นั้นหมายความว่า เงินจำนวนนี้ไม่ได้ให้กับโครง การรถไฟฟ้าทั้งหมด แต่ยังมีโครงการวางระบบรางรถไฟคู่ทั่วประเทศรวมอยู่ด้วย ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนที่จะให้กับรถไฟฟ้าจึงไม่เต็มทั้ง 1,000 ล้านบาท แต่จะต้องถูกแบ่งให้กับท้องถิ่นกระจายกันออกไปทั่วประเทศ" แหล่งข่าวกล่าว |
. |
ล่าสุดมีรายงานข่าวเข้ามาว่า กระทรวงการคลังได้หารือกับกระทรวงพลังงาน ยื่นข้อเสนอให้กองทุนน้ำมันโอนเงินจากการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนของน้ำมันเบนซิน-ดีเซลเพิ่มเติมให้กับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จัดเก็บแทนอีก 20 สตางค์/ลิตร รวมเป็น 70 สตางค์/ ลิตรได้หรือไม่ |
. |
ในประเด็นนี้จากการคำนวณเบื้องต้น กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จะมีเงินไหลเข้ามาเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท/เดือน ในขณะที่ทางกระทรวงพลังงาน แจ้งให้ทราบถึงความเป็นไปได้ที่จะเรียกเก็บเงินอีก 20 สตางค์/ลิตร จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกองทุนน้ำมันใช้หนี้พันธบัตรน้ำมันและหนี้เงินชดเชยการตรึงราคาน้ำมันอีกประมาณ 18,000 ล้านบาทหมดภายในสิ้นปี 2550 เสียก่อน |
. |
แผนกู้เงิน |
ตามแผนการกู้เงินเพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าในปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.2550-ก.ย.2551) รัฐบาลมีแผนที่จะค้ำประกันเงินกู้จากต่างประเทศให้กับการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีนี้เป็นวงเงิน 334.31 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง 160.03 ล้านเหรียญสหรัฐ และสายสีน้ำเงิน 174.28 ล้าน เหรียญสหรัฐ และค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง 85.86 ล้านเหรียญสหรัฐ |
. |
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้จากต่างประเทศแล้ว ทั้ง รฟม.และ ร.ฟ.ท.จะต้องไปหาแหล่งกู้เงินในประเทศเข้ามาสมทบด้วย หรือที่เรียกว่า "โครงการบาทสมทบ" โดย รฟม.มีแผนกู้เงินบาทเพื่อมาสมทบกับเงินกู้ต่างประเทศอีก 4,012 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง 1,920 ล้านบาท, สายสีน้ำเงิน เป็นวงเงิน 2,092 ล้านบาท ส่วน ร.ฟ.ท.มีแผนกู้เงินบาทเพื่อสมทบกับเงินกู้ต่างประเทศ เพื่อก่อสร้างสายสีแดงอีก 1,030 ล้านบาท |
. |
นอกจากนี้ทาง รฟม.ยังมีแผนกู้เงินภายในประเทศเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล วงเงิน 900 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปชำระค่าจัดการกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนค่าทดแทนเพิ่ม ตามคำพิพากษาคดีของศาล ส่วน ร.ฟ.ท.มีแผนกู้เงินในประเทศเพื่อนำมาลงทุนวงเงิน 36,996.61 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก 3,302 ล้านบาท, ชำระค่าก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 26,593 ล้านบาท และชำระค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างอีก 107.3 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นโครงการจัดการรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า และรถจักรดีเซลไฟฟ้า เป็นต้น |
. |
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ |