มีแนวโน้มราคาขายปลีกในไทยจะปรับขึ้นอีก 40-50 สตางค์ต่อลิตร หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกกระโดดสูงขึ้น ด้าน บางจาก ยอมรับภาวะนี้อาจจะทำให้จนถึงสิ้นปีธุรกิจค้าปลีกอยู่ในภาวะขาดทุนแหล่งข่าวจากผู้ค้าน้ำมันระบุว่า ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มจะปรับขึ้นราคาขายปลีกทุกผลิตภัณฑ์อีก 40-50 สตางค์ต่อลิตร และจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปรับขึ้นราคาเกิน 30 บาทต่อลิตร ที่เป็นเช่นนี้เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับขึ้นโดยตลอด ล่าสุดน้ำมันดิบปรับขึ้นไปถึงเกือบ 73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่สิงคโปร์ปรับขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาอยู่ที่ 86-87 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จึงทำให้ค่าการตลาดลดต่ำลงไปอีก จากที่ขณะนี้ได้ในอัตราเฉลี่ยประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น

นายมนูญ ศิริวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ เพราะแนวโน้มปัญหาความไม่สงบในประเทศไนจีเรียและปัญหานิวเคลียร์อิหร่านยังไม่มีทีท่าคลี่คลาย ดังนั้น ผู้ใช้น้ำมันคงจะต้องเตรียมรับสถานการณ์ไม่ปกติต่อไป

ปกติในช่วงนี้ซึ่งเป็นหน้าร้อนราคาเบนซินจะสูงและราคาดีเซลจะลดลง แต่ปีนี้ไม่มีราคาน้ำมันประเภทใดลดลงเลย มีแต่สูงขึ้น ส่วนบริษัทน้ำมันก็ไม่มีรายใดปรับขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยในส่วนการขายปลีกของบางจากก็มีแนวโน้มว่าทั้งปีแล้วคงจะประสบปัญหาขาดทุน นายมนูญ กล่าว

นายมนูญ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ค้าน้ำมันที่ได้ร่วมโครงการจำหน่ายน้ำมันในอัตราต่ำกว่าหน้าปั๊ม 1 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่งได้เริ่มจำหน่ายน้ำมันไปแล้ว โดยในส่วนของบางจากได้โควตาจำหน่าย 80,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งในส่วนนี้ยอมรับว่าทำให้ผู้ค้าขาดทุนเพิ่มเติมจากเดิมที่ราคาหน้าปั๊มขายขาดทุนอยู่แล้ว แต่ผู้ค้าน้ำมันก็ต้องการเข้ามาช่วยเหลือประเทศช่วยลดภาระผู้บริโภคให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันแพง