แจ้งเกิดอภิมหาโครงการยักษ์ “Trust City” World Exhibition & Trade Centre เมืองส่งเสริมการค้า และศูนย์การแสดงสินค้าระดับโลกที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่ง AEC+6 ชู Fintech Hub ใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่อาคารรวมกว่า 2,500,000 ตารางเมตร บนที่ดินกว่า 500 ไร่บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ปี 2563 เปิดประตูการค้าไทยสู่การค้าโลก ภายใต้การดำเนินงานของ ไฮดู เบสท์ กรุ๊ป โดยการจับมือระหว่างเบสท์ กรุ๊ป-ไทย กับ ไฮดู กรุ๊ป-จีน (ฮ่องกง) ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินของดับบลิว เวนเจอร์-ฮ่องกง คาดหลังเปิดดำเนินงานเงินสะพัดปีละหลายแสนล้านบาท
นายสิทธิชัย เจริญขจรกุล ประธาน บริษัท ไฮดู เบสท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเกิดจากการจอยท์ เวนเจอร์ หรือร่วมลงทุนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ข้ามชาติ ระหว่าง ไฮดู กรุ๊ป (Hydoo Group) กลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเมืองใหม่รายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศจีน กับกลุ่มบริษัท เบสท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินโดย ดับบลิว เวนเจอร์ (W venture) ผู้ดำเนินงานด้าน Fintech จากฮ่องกง ร่วมกันพัฒนาโครงการ “Trust City (ทรัส ซิตี้)” World Exhibition & Trade Centre เมืองส่งเสริมการค้าและศูนย์แสดงสินค้าระดับโลกที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่ง AEC+6 ซึ่งจะกลายเป็น Fintech Hub (ฟินเท็ค ฮับ) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 29 ถนนเทพรัตน์ (บางนา-ตราด) บนที่ดินแปลงใหญ่กว่า 500 ไร่ คาดว่าประตูแห่งการค้าไทยที่เชื่อมต่อการค้าโลกอย่างสมบูรณ์แบบ มูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาทแห่งนี้ จะเปิดดำเนินงานได้ภายในปี 2563 และจะทำให้เงินสะพัดปีละหลายแสนล้านบาท
“ทรัสต์ ซิตี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิดที่ต้องการพัฒนาการค้าส่งแบบเดิมๆที่กระจัดกระจาย เช่น โบ๊เบ๊ ประตูน้ำ สำเพ็ง พาหุรัด แม้แต่ย่านพระเครื่องอย่างแถวเสาชิงช้า มาอยู่ในที่เดียวกัน มีความสะดวกสบาย ครบวงจร และทันสมัยที่สุดโลก ซึ่งเรายังมุ่งส่งเสริมกลุ่มธุรกิจคนรุ่นใหม่ หรือ Startup ในบ้านเราให้มีโอกาสทางการค้ากับผู้ซื้อจากทั่วโลก และนอกจากตลาดในประเทศแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าสำเร็จรูปและวัสดุที่เกี่ยวเนื่องจากทั่วโลก ยกตัวอย่างสินค้าวงการแฟชั่น นอกจากเสื้อผ้าก็ยังมีวัสดุอุปกรณ์ เช่น กระดุมหรืออุปกรณ์อื่น ๆ จากแบรนด์ชั้นนำ เป็นต้น ด้วยมาตรฐานการจัดการระดับสากล เพื่อดึงดูดให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนของ Buyer จากทั่วโลกให้มาเลือกช้อปที่นี่ที่เดียว” นายสิทธิชัยกล่าว
ทรัส ซิตี้ มีการจัดการด้านต่างๆโดยมาตรการระดับโลก เป็นการส่งเสริมความร่วมมือของพันธมิตรธุรกิจระหว่างประเทศ ที่มีศักยภาพที่แข็งแกร่งพอที่จะรองรับธุรกิจการค้าแบบครบวงจร เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ด้วยเป็นโครงการที่มีความครบสมบูรณ์และยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย+6 มีสินค้าครบทุกหมวดหมู่ รวมถึงวัตถุดินสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป มีการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) Meetings, Incentive Travel, Conventions(Conferencing), Exhibitions(Events) หมายถึง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ โบนัสการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลหรือโบนัสการท่องเที่ยว การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ ซึ่งไมซ์จัดเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ รองรับการประกอบธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก
การออกแบบวางผังโครงการ Trust City แบ่งออกเป็น 6 โซนธุรกิจ พื้นที่อาคารรวมกว่า 2,500,000 ตารางเมตร รองรับ 20,000 ร้านค้า และผู้อยู่อาศัยกว่า 50,000 คน ประกอบด้วย
1.World Exhibition Zone พื้นที่จัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ระดับเวิล์ด คลาส รองรับธุรกิจ กว่า 100,000 ตารางเมตร
2.Permanent Exhibition Zone ศูนย์แสดงสินค้าถาวรทุกหมวดหมู่กว่า20,000ผู้ผลิต และตัวแทนการค้า สูง 7 ชั้น ขนาดพื้นที่กว่า 800,000 ตารางเมตร
3.Hotel & Residence Zone ที่พักอาศัยและโรงแรม เพื่อนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว กว่า 12,000 ยูนิต พร้อมส่วนบริการ และนันทนาการ
4.Global Factory Outlet Zone ศูนย์แสดงสินค้าถาวรขนาดเล็ก รองรับสินค้า-บริการ เครื่องจักรอุตสาหกรรม
5.Fintech Hub & Business Hotel Zone แลนด์มาร์คอันโดดเด่นของโครงการอาคารสุพรรณหงส์ ที่ออกแบบด้วยการจำลองเรืองพระที่นั่งสุพรรณหงส์บนความสูงอาคาร 168 เมตร มีจุดชมวิวอ่าวไทยที่สวยที่สุด ภายในแยกเป็นส่วนศูนย์ประชุมลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุด โรงแรมระดับ 5 ดาว โลกเทคโนโลยีการเงิน ตลาดค้าทองคำขนาดใหญ่ สำนักงานให้เช่าครบวงจร ศูนย์อาหาร การแสดงสินค้าหรู
6.Auto Town Zone อาคารแสดงนวัตกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ตกแต่ง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ที่น่าสนใจดึงดูดผู้มาเยือนตลอดทั้งปี อาทิ
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ มีที่จอดรถในอาคารกว่า 30,000 คัน โครงการไลท์เรล 2 สายหลักที่จะทำให้การสัญจรภายในโครงการสามารถเดินทางไปได้อย่างทั่วถึง การออกแบบรองรับการเชื่อมต่อกับจุดสำคัญภายนอก ทั้งสนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิ, รถไฟฟ้า และการเชื่อมต่อเมืองธุรกิจใกล้เคียง อาทิพัทยา เป็นต้น
ความแข็งแกร่งที่สำคัญของทรัส ซิตี้ นอกจากกลุ่มทุนที่มีความรู้ความชำนาญทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ มีความชำนาญด้านโลจิสติกส์ และด้านฟินเท็ค เป็นอย่างดีแล้ว ยังมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุนอีกด้วย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 2,196,003,600 บาท พร้อมกันนี้โครงการได้เตรียมเงินกองทุนจำนวนกว่า 80,000 ล้านบาท เพื่ออัดฉีดการลงทุน ให้มีความต่อเนื่องแล้วเสร็จตามกำหนดการ เพิ่มโอกาสให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ผลิตจากทั่วโลกกว่า 10,000 ราย โดยปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่เปิดดำเนินการถนนทุกสายจะมุ่งสู่ทรัส ซิตี้ ที่เปรียบเสมือนประตูการค้าของไทยสู่การค้าโลกอย่างแท้จริง