“ที่ประเทศออสเตรเลีย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ “อาคารสีเขียวหรือ Green Building” เนื่องจากลูกค้ามีความพึงพอใจในอาคารประเภทนี้สูงมาก” วีรพันธ์ พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON กล่าวภายหลังจากนำทีมงาน TICON ไปศึกษากลยุทธ์การพัฒนา “อาคารอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Building” ที่บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศออสเตรเลีย ดำเนินการแบบ 100% ภายหลังจากกลุ่มไทคอนร่วมทุนกับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) (FPHT) นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาองค์ความรู้ระดับสากลของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
ปัจจุบัน “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ออสเตรเลีย” เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนาอาคารอุตสาหกรรม โดยเฉพาะคลังสินค้า มีพื้นที่ให้เช่ากว่า 3 ล้านตารางเมตร ในทำเลยุทธศาสตร์ 5 ทำเลหลัก ๆ ได้แก่ เพิร์ท, ควีนส์แลนด์, ซิดนีย์, เมล์เบิร์นตะวันตก และเมล์เบิร์นตะวันออก ขณะเดียวกันกำลังขยายเข้าไปยังยุโรป และอาเซียน โดยมีไทยเป็นประตูเชื่อมต่อทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคนี้
“เฟรเซอร์ส” พัฒนา “อาคารอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Building” มาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ 100% ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มไทคอนที่เป็นผู้บุกเบิกด้านการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าสีเขียวในประเทศไทย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ทำธุรกิจระหว่างประเทศเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ องค์กรเหล่านี้จึงตระหนักถึงความสำคัญต่อทรัพยากรโลกเป็นอย่างมาก ในสัญญาทางธุรกิจมีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน เมื่อไทคอนสามารถพัฒนา “อาคารอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Building” ได้อย่างยั่งยืนจะนำไปสู่การต่อยอดทางธุรกิจ อาทิ การส่งต่อลูกค้าระหว่างกัน รวมถึงโอกาสการขยายฐานทางธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการเรียนรู้จากผู้นำตลาดใหญ่ๆ นี้จะทำให้กลุ่มไทคอนได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
“ต้องนับว่า กลุ่มไทคอน กับเฟรเซอร์ส มีโมเดลการทำงานที่เหมือนกันมากจริง ๆ” วีรพันธ์ เล่าต่อว่า “ทางทีพาร์ค ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไทคอนจะเป็นการพัฒนาคลังสินค้าในรูปแบบของโลจิสติกส์ พาร์ค (Logistics Park) ซึ่งทางฝั่งเฟรเซอร์ส จะเรียกว่า เอสเตท หรือแคมปัส (Estate/Campus) ขั้นตอนการทำงานเริ่มจากการซื้อที่ดิน พัฒนาในด้านดีไซน์และก่อสร้าง และขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุน หรือ REIT เหมือนกัน”
หลักการทำงานของ กลุ่มเฟรเซอร์สกับไทคอน ค่อนข้างสอดคล้องกันอีกด้านคือ มีความเป็นมืออาชีพ (Specialize) ด้านการพัฒนาคลังสินค้าแบบ Built to Suit หรือสร้างตามความต้องการของลูกค้า โดยสามารถดึงเอาอัตลักษณ์ของลูกค้ามาดีไซน์คลังสินค้า โรงงาน และออฟฟิศอยู่ในที่เดียวกันได้อย่างลงตัวในความเหมือนของไทคอนกับเฟรเซอร์ส ยังมีความแตกต่างกันบ้างในเชิงกลยุทธ์การใช้พื้นที่ ปัจจุบันฐานลูกค้าของกลุ่มเฟรเซอร์โฟกัสลูกค้าที่เป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่เป็นหลัก มีสัดส่วนลูกค้าอยู่ในตลาดอุปโภคบริโภคในประเทศเป็นส่วนใหญ่ มีระยะเวลาเช่านาน 10-15 ปี จึงมีรายได้ค่อนข้างเติบโตและมั่นคง ในขณะที่ฐานลูกค้าของกลุ่มไทคอนส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Ready Built ที่เฟรเซอร์ส เรียกว่า Speculative Built และต้องการเรียนรู้ตลาดนี้เช่นเดียวกัน
“บางสิ่งที่เราทำในประเทศไทย คือ สิ่งที่เขาไม่ได้ทำในประเทศออสเตรเลีย เช่น โรงงานหรือคลังสินค้าสำเร็จรูปขนาดเล็ก (2,000-3,000 ตารางเมตร) ถ้าเขาซื้อที่ดินมา 300 ไร่ เขาจะตัดที่เล็กๆ ขายออกไปและเหลือที่ที่สามารถสร้างอาคารขนาดมากกว่า 10,000 ตารางเมตรเท่านั้น การศึกษาดูงานครั้งนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในกลุ่มบริษัทครั้งสำคัญเพื่อต่อยอดการทำงานเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มจุดแข็งในการขยายไปสู่ภูมิภาคเพื่อให้ถึงเป้าหมายของการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในอาเซียนของไทคอนในอีก 5 ปีข้างหน้า” นายวีรพันธ์ กล่าว
การดูงานในครั้งนี้ นำไปสู่โครงการในอนาคต อาทิ โครงการแลกเปลี่ยนทีมงาน เพื่อเรียนรู้ด้านการตลาด, การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาพัฒนาการทำงาน, การศึกษาลักษณะทางภูมิศาสตร์ของแต่ละพื้นที่ก่อนสร้างคลังสินค้า, การเรียนรู้เพิ่มเติมในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลตลาด มองมุมของการวิเคราะห์ การประมวลผล ก่อนการตัดสินใจดำเนินโครงการ ซึ่งกลายจะเป็นก้าวย่างสำคัญของกลุ่มไทคอนในอนาคต
ผู้บริหารและทีมงาน TICON ที่ไปศึกษาดูงานที่บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศออสเตรเลีย ถ่ายภาพร่วมกัน