เน้นนโยบายผนึกพันธมิตรระดับโลก นำนวัตกรรมเหนือชั้นเข้าไทย พร้อมคัดสรรแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง ระเดิมปล่อยสินค้าใหม่แบรนด์ยักษ์ใหญ่จาก ค่ายมิตซูบิชิ เจแอลจี และ แวคเคอร์ นิวชั่น รวม 3 ผลิตภัณฑ์รวด ออกเขย่าตลาดในไตรมาส 1
บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ขนถ่ายลำเลียงสินค้า เครื่องจักรกลเพื่อการก่อสร้างขนาดเล็กและขนาดกลางอุปกรณ์และเครื่องมือในการซ่อมบำรุงยานยนต์ ที่ได้รับมาตรฐานชั้นนำสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมนำโดย มร.อาซึชิ โตมิตะ กรรมการผู้จัดการ (Mr.Atsushi Tomita, Managing Director) พร้อมด้วย ทีมผู้บริหารได้จัดแถลงข่าวต่อกลุ่มสื่อมวลชนถึง ผลการดำเนินงานครบรอบ 70 ปี ทิศทางธุรกิจและเป้าหมายสู่จุดยืนทางธุรกิจ ในการเป็นผู้ให้บริการรูปแบบโซลูชั่นครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย พร้อมทั้งผนึกแบรนด์ดัง ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มาพร้อมนวัตกรรมที่ล้ำหน้า 3 สายผลิตภัณฑ์ ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย ฟอร์คลิฟท์ CB Series จากค่ายมิตซูบิชิ, เจแอลจี1500 AJP รถกระเช้าบูมศอกที่สุงที่สุดในโลก จาก เจแอลจี อินดัสตรีส์ อิงค์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ รถขุดและรถตักมาตรฐานเยอรมัน จากพันธมิตรรายใหม่ล่าสุด แวคเคอร์ นิวชั่น ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตสินค้าประเภทรถขุดและรถตักคุณภาพสูงจากประเทศเยอรมัน ยิ่งกว่านี้ ยังนำนวัตกรรมล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น นวัตกรรม โฮคุโช (Hokusho) ระบบลำเลียงและขนส่งแนวตั้ง เทคโนโลยีใหม่ทรงประสิทธิภาพสูงสุด ถือเป็นระบบจัดการโรงงานอัตโนมัติ (Factory Automation) ตลอดจน โซลูชั่นด้านการบริหารจัดการของเสียและสิ่งแวดล้อม เป็นเทคโนโลยีเหนือชั้นที่ใช้ต้นทุนการจัดการต่ำในขณะที่ปล่อยมลพิษที่ทำลายสิ่งแวดล้อมออกมาในอัตราที่ต่ำเช่นกัน โครงการนี้จะเริ่มดำเนินการที่ ภูเก็ต เป็นแห่งแรก
มร.อาซึชิ โตมิตะ เปิดเผยถึงสภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวม ว่า “บริษัทที่สามารถได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานได้ถึง 70 ปีนั้น มีจำนวนไม่มากนักในส่วนของ ยูไนเต็ดฯ บริษัทได้วางรากฐานธุรกิจบนความเอื้ออาทรต่อกัน โดยให้ความสนับสนุนทั้งกลุ่มลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย กลุ่มซัพพลายเออร์ ตลอดจน พนักงานและครอบครัวของพนักงาน รวมถึง ผู้ถือหุ้นบริษัท ด้วยความจริงใจที่สุด สานต่อความมุ่งมั่นของ ประธานผู้ก่อตั้ง มร.เชีย เชง ง้วน ที่ได้วางไว้เป็นแนวทางที่ว่า ชื่อเสียงทางธุรกิจไม่ได้เกิดขึ้นภายในข้ามคืน แต่เติบโตอย่างช้าๆและมั่นคงจากความพอใจของลูกค้าเฉกเช่นการหยั่งรากลึกลงในพื้นดินที่แข็งแกร่ง ซึ่งนับเป็นสูตรลับสู่ความสำเร็จ ของกลุ่มยูไนเต็ดฯเพราะความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ยาวนานถึง 70 ปี อย่างต่อเนื่อง
มร.อาซึชิ โตมิตะ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้ทำการปรับโครงสร้างและวางตำแหน่งธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยใช้แนวทาง ขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศ มุ่งเน้นให้เกิดความมั่นคงและความปลอดภัยในการทำงาน ความมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อการเติบโตในปีนี้และอีก 70 ปีต่อไปโดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนโลโก้ของบริษัท มาสคอท “มิสเตอร์ยูไนเต็ด” เพลงประจำบริษัทฯ และ วารสารของบริษัท ซึ่งคำว่า “UNITED” สะท้อนถึงบุคลิกขององค์กรดังนี้คือ
U (Understanding) ความเข้าใจในสิ่งที่เราทำและสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อการบริการที่เป็นเลิศและสร้างความพึงพอใจ
N (Network) การสร้างเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ
I (Integrity) ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
T (Team) การร่วมมือร่วมใจในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
E (Ethics) การมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ
D (Dynamic) สร้างพลังในการขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้ง
เน้น สร้างความพึงพอใจสูงสุด ผ่านคุณภาพผลิตภัณฑ์ ทั้งสินค้าแบรนด์นิว และ กลุ่มสินค้ามือ 2 ที่พร้อมใช้งาน ระบบ Fleet Management บริหารค่าใช้จ่ายรถองค์กร พร้อม บริการด้านการเงิน ที่ยิ่งเพิ่มความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันที่เหนือคู่แข่ง นอกเหนือจาก ความพร้อมด้านอะไหล่แท้ และ บริการที่เป็นเลิศทั้งก่อนและหลังการขาย ตอบรับการเป็นผู้ให้บริการรูปแบบ โทเทิ่ล โซลูชั่น ที่ครบวงจรที่สุด เพียงหนึ่งเดียวในตลาด
สำหรับจุดยืนของธุรกิจในปี 2560 นี้ บริษัทมุ่งมั่นก้าวสู่บริษัทระดับแนวหน้า เป็นผู้นำด้าน “ผู้ให้บริการรูปแบบโซลูชั่นครบวงจร” ในทุก ๆ อุตสาหกรรมที่ ยูไนเต็ดฯ ได้เข้าไปทำธุรกิจ โดยสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้า ด้วยการให้บริการที่สะดวกสบาย เข้าถึงได้โดยง่าย ไม่เพียงแต่ด้านประสิทธิภาพเฉพาะของตัวผลิตภัณฑ์ แต่ยูไนเต็ดฯ ยังให้คำปรึกษาที่จะช่วยให้ธุรกิจลูกค้ารุดหน้าเติบโตทั้งด้านผลผลิตและกำไร ซึ่งรวมไปถึง บริการทั้งก่อนและหลังการขาย ครอบคลุมทั้งด้านการบำรุงรักษา การอบรม การจัดหาบริการอะไหล่แท้ รวมทั้งบริการ Fleet management ที่ช่วยบริหารค่าใช้จ่ายในการดูแลและซ่อมแซมรถในองค์กรของลูกค้า โดยทีมงานมืออาชีพและการเพิ่มจุดบริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และยิ่งไปกว่านี้ คือการให้บริการด้านการเงินที่เป็นมิตรต่อลูกค้าของยูไนเต็ด ถือเป็นความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันในตลาด ทั้งหมดนี้ นับเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายตามพันธกิจ“ขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศ” ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับกลยุทธ์สำคัญในปี 2560 นี้ คือ นโยบายพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จ บริษัทได้ผนึกพลังความแกร่งและจุดแข็งของค่ายธุรกิจรายสำคัญระดับโลก พร้อมทั้ง คัดสรรแบรนด์สินค้าที่ดีที่สุด ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของการใช้งานให้สมบูรณ์ที่สุดทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะมีการนำเข้ามา อย่างต่อเนื่อง และ กลุ่มสินค้ามือ 2 ที่มีสภาพดีพร้อมใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายสำหรับลูกค้าอีกด้วย
เตรียมปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ สุดยอดเทคโนโลยีจาก ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และ เยอรมัน ออกสู่ตลาด 3 ไลน์รวด ฟอร์คลิฟท์ ค่ายมิตซูบิชิ, รถกระเช้าเจแอลจี และ รถขุดและรถตักคุณภาพสูง จาก แวคเคอร์ นิวชั่น
ทั้งนี้ ยูไนเต็ดฯ ยังได้สานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้ารายสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันพัฒนาตลาดอย่างยาวนานเกือบ 40 ปี อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ ฟอร์คลิฟท์ ค่ายมิตซูบิชิ, ได้รับการแต่งตั้งจากเจแอลจี อินดัสตรีส์ อิงค์ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ รถกระเช้าเจแอลจี หนึ่งในผู้ผลิตสินค้านวัตกรรม ประเภทรถกระเช้ารายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา และสำหรับในปีนี้ ยูไนเต็ดฯ ได้เซ็นสัญญากับ บริษัท แวคเคอร์ นิวชั่น (Wacker Neuson) ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตสินค้าประเภทรถขุดและรถตักคุณภาพสูง ที่มีประวัติยาวนาน 169 ปีจาก ประเทศเยอรมัน โดยทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ประเภทรวด ออกสู่ตลาดในไตรมาสแรกของปีนี้
รถฟอร์คลิฟท์มิตซูบิชิ เปิดตัว รถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้าสำหรับงานอุตสาหกรรมหนักที่มีชื่อเสียงที่สุด จากประเทศญี่ปุ่นรุ่น CB Series เป็นรุ่นที่ได้ทำการเปลี่ยนโฉมเพิ่มเติมคุณสมบัติเด่นๆครั้งใหญ่เพิ่มฟังก์ชั่นการทำงาน มากขึ้น อาทิ Anti Slip Control (ระบบป้องกันการลื่นไถล), Travelling Stability (ระบบช่วยการทรงตัวในขณะเคลื่อนที่), Mast Rigidity (โครงสร้างเสาแข็งแกร่งลดการโยกคลอน) and User Password Control (กำหนดรหัสผ่านเฉพาะผู้ใช้งานที่ได้รับอนุญาต) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของวงการรถฟอร์คลิฟท์ไฟฟ้าและตอบสนองทุกความต้องการในการใช้งานขนถ่ายลำเลียงได้อย่างครบถ้วน
เจแอลจี รถกระเช้าที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานในที่สูง (JLGAerial Work Platform Equipment) ที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุด รถกระเช้าบูมศอกเจแอลจีรุ่น1500AJP ที่สูงที่สุดในโลก ถึง 60 ฟุต และยื่นไกลถึง 77 ฟุต ซึ่งเหมาะกับงานด้านการก่อสร้าง โลจิสติกส์ และ อื่น ๆ
รถขุดและรถตักแวคเคอร์ นิวชั่น (WackerNeuson Excavator and Loader) ด้วยมาตรฐานเยอรมันที่ให้คุณภาพสูงและทนทานที่สุด การเคลื่อนย้ายที่ทรงพลัง คงที่ รวดเร็ว แต่ประหยัดพลังงาน คุณสมบัติทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากระบบฟังก์ชั่นการทำงานที่ชาญฉลาดใช้วัสดุคุณภาพสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกแบบและการผลิตคุณภาพระดับโลกอีกด้วย
ยิ่งกว่านี้ เพื่อให้การบริการรูปแบบโซลูชั่นสมบูรณ์และครบวงจรยิ่งขึ้น ยูไนเต็ดฯยังได้เดินหน้าสานต่อนโยบายพันธมิตรธุรกิจที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เพื่อนำผลิตภัณฑ์และบริการที่มี เทคโนโลยีสูงมาสู่คนไทยเป็นการช่วยยกระดับวงการอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจลูกค้าก็สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น และคุ้มค่ามากขึ้น
ถ่ายทอดเทคโนโลยี สู่ สังคมไทย ผ่าน สถาบัน “UMW Academy”
ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 70 ปี ยูไนเต็ดฯ ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการบริการ โดยทีมงานพร้อมให้บริการอย่างมือมืออาชีพ ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นเรื่องการยกระดับมาตรฐานการบำรุงรักษาระบบ แต่ ยูไนเต็ดฯ ยังให้ความสำคัญกับระบบการฝึกอบรม จึงได้มีการก่อตั้งสถาบัน “UMW Academy” สำหรับลูกค้า พนักงาน การฝึกทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“ในต่างประเทศ ช่างเทคนิคที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีและได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น จึงจะได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานได้ ไม่มีการใช้นั่งร้านทำงาน เฉพาะเครื่องจักรที่ให้ความปลอดภัยสูงสุดเท่านั้นจึงจะมีการนำมาใช้งานและในประเทศไทยเริ่มมีการใช้มาตรฐานดังกล่าวเช่นเดียวกับตลาดนานาประเทศ เช่นกัน จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องก่อตั้งสถาบัน “UMW Academy” เพื่อเตรียมการรองรับการทำงานให้กับช่างได้ทำงานด้วยความปลอดภัยสูงสุดและลดความสูญเสีย ยิ่งกว่านี้ เรายังมีโครงการสำหรับ “นักศึกษาฝึกงาน (Apprentice)” เมื่อพวกเขาผ่านหลักสูตรดังกล่าว ก็จะมีประสบการณ์พร้อมทำงานและจะทำให้เขาเหล่านั้นหางานได้ง่ายขึ้น”มร.อาซึชิ โตมิตะ กล่าว
ในส่วนของ กิจกรรมทางธุรกิจ บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม) จำกัด (มหาชน) มุ่งเป้าเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในระดับอาเซียนที่คัดสรรเฉพาะผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง อะไหล่แท้และบริการที่เหนือมาตรฐาน โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เป็น 5 สายหลัก พร้อมแบรนด์ชั้นนำที่นำมาทำการตลาดสำหรับแต่ละกลุ่ม ดังนี้
- Material Handling Equipment: อุปกรณ์ขนถ่ายลำเลียงสินค้า Brand -ฟอร์คลิฟท์มิตซูบิชิ รถยกบิชามอน
- Aerial Work Platform - อุปกรณ์การทำงานในที่สูง Brand -รถกระเช้าเจแอลจี
- Automotive and Garage Equipment: เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับศูนย์ซ่อมยานยนต์ Brand -เครื่องเปลี่ยนล้อ ศูนย์ถ่วงล้อ Mondolfo Ferro, Ammco, Coats, Bosch เครื่องมือในการซ่อมรถ Power Built, คอมเพรสเซอร์ความดันลม Elgi Compressor
- Construction Equipment :อุปกรณ์เพื่อการก่อสร้าง Brand -รถกระเช้าเจแอลจี, รถขุด รถตัก แวคเคอร์ นิวชั่น เครนยูนิค
- Motive Power: พลังงานเพื่อการขับเคลื่อน Brand- ร็อกเก็ตแบตเตอรี่สำหรับ รถฟอร์คลิฟท์ รถกอล์ฟ
- Others : Brand-ระบบแอร์เคลื่อนที่ Suiden
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นประชาคมที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและประชากร มีประชากรที่อายุน้อยกว่า 30 ปี มากกว่าร้อยละ 50 ด้วยสมมติฐานดังกล่าว น่าจะเป็นโอกาสสดใสที่จะทำให้เราขยายส่วนแบ่งทางธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซี่ยน ตลอดจนความร่วมมือกันทางการค้าของประชาคมอาเซียน จะทำให้เราเติบโตต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของประเทศไทย ที่กำลังก้าวไปสู่แผนเศรษฐกิจ 4.0 ประกอบด้วย ปัจจัยหลัก 3 ข้อ คือ “นวัตกรรม” “เทคโนโลยี” และ “การบริการ”
เราเองก็กำลังมองไปที่อนาคต ด้วยนวัตกรรมทางความคิดของเรา และประสบการณ์ในการทำธุรกิจและความรู้ที่จะนำไปตอบโจทย์ความต้องการให้ลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ .00และการบริการที่ดีที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “ผู้ให้บริการรูปแบบโทเทิลโซลูชั่นโดยการสร้างความสำเร็จและการทำงานเป็นทีม”ด้วยวิสัยทัศน์“เป็นที่ปรึกษาและแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้าทุกเรื่องในด้านธุรกิจที่เราทำอยู่ และปลูกฝังสู่การ เป็นวัฒนธรรมของชุมชน”
ปัจจุบัน บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์เวิกส์ (สยาม) จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่รังสิต ถนนพหลโยธิน อ.ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และมีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ที่ อมตะนคร จังหวัดชลบุรี, สาขาตะวันออก (บ่อวิน) จังหวัดชลบุรี และสาขามหาชัย บนถนนพระราม 2 นอกจากนี้ ยังมีจุดบริการหลัก เช่น ภาคเหนือ ที่จังหวัดลำพูน, ภาคกลาง ที่จังหวัดอยุธยา, และ ภาคใต้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และสงขลา และยังมี เครือข่ายสำนักงานตัวแทนจำหน่ายที่ เวียงจันทน์, สปป.ลาว มร.อาซึชิ โตมิตะ กล่าวปิดท้าย