เนื้อหาวันที่ : 2006-06-01 13:59:14 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1116 views

คลังหดเป้าจีดีพีโต 4.5% ย้ำ การลงทุนและบริโภคทรุดหนักที่สุด

ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.0-5 หรือเฉลี่ยปีละ 4.5% การประมาณดังกล่าวถือว่าเป็นการปรับลดลงร้อยละ 0.5 โดยประเมินจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องและจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

ดร.นริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจและกำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2549 ว่าที่ประชุมได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.0-5 หรือเฉลี่ยปีละ 4.5% การประมาณดังกล่าวถือว่าเป็นการปรับลดลงร้อยละ 0.5 โดยที่ประชุมได้ประเมินว่าการส่งออกจะยังขยายตัวได้ดีจากปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นและจะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม

.

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้ประเมินภาวะเศรษฐกิจของ 11 ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยแล้วพบว่ายังขยายตัวได้ดีที่ระดับ 3.8% ต่อจีดีพีจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.5 โดยในปีนี้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 สูงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 4.4 ขณะที่สินค้าเกษตรมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น สำหรับการนำเข้าสินค้าและบริการในปี 2549 นี้จะขยายตัวที่ลดลงที่ร้อยละ 1.6 ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 9.3 เพราะมีการนำเข้าที่ผิดปกติอยู่หลายประการ เช่น นำเข้าน้ำมันดิบที่สูงกว่าช่วงปกติที่ผ่านมา การนำเข้าเหล็กสูงจำนวนมากเพื่อทดแทนการผลิตในประเทศ การนำเข้าทองคำเพื่อเก็งกำไร และการนำเข้าเครื่องบินเป็นต้น

.

สำหรับด้านการลงทุนและการบริโภคจะมีอัตราการขยายตัวลดลงโดยเฉพาะการลงทุนจากปีก่อนที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.3 และในไตรมาสแรกที่ผ่านมาขยายตัวเพียงร้อยละ 5 และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2 เพราะความไม่ชัดเจนทางด้านการเมือง ส่วนการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4 ต่อปีชะลอตัวลงจากร้อยละ 5.4 ของปีก่อน

.

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการกลุ่มเศรษฐกิจมหภาค ได้กล่าวว่าการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินมีการขยายตัวไม่มากนักซึ่งจะส่งผลกับภาวะเศรษฐกิจในระดับหนึ่งเนื่องจากสถาบันการเงินได้มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นและได้ประเมินว่าปี 2549 จะมีการขยายตัวด้านสินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ 8 ซึ่งชะลอตัวลงจากปีก่อนที่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.1